พระเครื่อง

พระสมเด็จวัดระฆัง'มีหน้า มีตา'พิมพ์เกศบัวตูม'๑เดียว!ในสยาม

พระสมเด็จวัดระฆัง'มีหน้า มีตา'พิมพ์เกศบัวตูม'๑เดียว!ในสยาม

21 ต.ค. 2557

พระสมเด็จวัดระฆัง'มีหน้า มีตา'พิมพ์เกศบัวตูม'๑เดียว!ในสยามประเทศ' : เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู

             พระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม ๑ ในพระชุดเบษจภาคี ที่นิยมเล่นหากันทั้ง ๔ พิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์ทรงเจดีย์ พิมพ์ฐานแซม และพิมพ์เกศบัวตูมนั้น “พระสมเด็จวัดระฆังฯ พิมพ์เกศบัวตูม” ถือว่าไม่ใช่หมูเช่นกัน เพราะเป็นพระพิมพ์ที่มีความเป็นมาลึกลับและมีข้อถกเถียงกันมากที่สุดเลยก็ว่าได้ สืบเนื่องจากพระพิมพ์นี้มีปรากฏจำนวนน้อยมากเรียกว่านับองค์ได้ อีกทั้งส่วนใหญ่ที่ปรากฏนั้นจะเป็นวัดบางขุนพรหมแทบทั้งสิ้น จะพบเห็นและจำแนกออกมาเป็นวัดระฆังมีจำนวนน้อยมาก

             อ.ราม วัชรประดิษฐ์ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดี สุดยอดแฟนพันธ์แท้พระเครื่อง และเจ้าของ “www.aj-ram.com ” อธิบายให้ฟังว่า "พระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม พิมพ์เกศบัวตูม" นี้ ได้รับการขนานนามเนื่องด้วยพุทธเอกลักษณ์ของพระเกศขององค์พระมีลักษณะคล้ายดอกบัวตูมอยู่เหนือพระเศียร และพุทธศิลปะจะแลดูสง่างามล่ำสัน ไม่อ่อนช้อยนัก 

             หลักการพิจารณาพระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม พิมพ์เกศบัวตูม ต้องเริ่มพิจารณากันตั้งแต่เส้นซุ้มครอบแก้วที่มีความหนาใหญ่เหมือน “หวายผ่าซีก” ปลีพระเกศตูมคล้ายดอกบัว ส่วนที่ติดกับพระนลาฎจะมีรอยขยักคล้ายพวงมาลัยครอบพระนลาฎชั้นหนึ่ง ประการสำคัญที่สุดที่ภาษาเซียนเรียกกันว่า "จุดตาย" คือ ในพระสมเด็จพิมพ์อื่น ช่วงโค้งของพระนลาฎจะนูนเด่นเหมือนหน้าผากคนธรรมดาทั่วๆ ไป แต่ในพระสมเด็จ พิมพ์เกศบัวตูม ช่วงโค้งดังกล่าวจะยุบตัว ไม่โค้งมนจนดูเหมือนว่าเป็นรอยบุบน้อยๆ คล้าย “แอ่งกระทะ”

             จุดเด่นอยู่ที่พระกรรณทั้งสองข้างซึ่งจะมีลักษณะอ่อนช้อยงดงามมาก คนโบราณเรียกว่า "บายศรี" คือโค้งเป็นรูปกระทงบายศรีไม่ดิ่งเป็นแท่งตรงเหมือนพิมพ์อื่นๆ สำหรับในองค์ที่กดพิมพ์ติดขัดจะเห็นพระนาสิก พระเนตร พระโอษฐ์บางๆ นอกจากนี้ยังมีจุดสำคัญอีกจุดหนึ่ง คือ พระสมเด็จวัดระฆังฯ พิมพ์เกศบัวตูม จะปรากฏเส้นแซมเล็กๆ ขึ้นใต้หน้าตักและใต้ฐานชั้นที่ ๒ และมีความแปลกประหลาดกว่าพระพิมพ์อื่น อันแสดงให้เห็นถึงความจงใจของผู้แกะพิมพ์ กล่าวคือพระสมเด็จพิมพ์อื่นๆ นั้น เส้นแซมจะปรากฏระหว่างฐานชั้นต่างๆ ตามปกติ คือเป็นเส้นยาวบ้างสั้นบ้าง มีลักษณะเรียวเล็ก แต่ในพระสมเด็จวัดระฆังฯ พิมพ์เกศบัวตูมนี้ เส้นแซมจะเป็นเส้นเรียวยาวตั้งอยู่บนฐานรองรับเล็กๆ อีกชั้นหนึ่ง

             “พูดง่ายๆ คือ ไม่ใช่เส้นแซมที่ติดกับพื้นผนังพระ แต่มีฐานเล็กๆ รองรับเส้นแซมดังกล่าวไว้ชั้นหนึ่งก่อนจะติดกับพื้นผนังองค์พระ แต่ต้องใช้การพินิจพิจารณาอย่างมากจึงจะสังเกตเห็น นับเป็น "จุดตาย" อีกจุดหนึ่งในการพิจารณา ส่วนพิมพ์ด้านหลังของพระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์เกศบัวตูม จะมี ๒ พิมพ์ คือ หลังกาบหมาก และ หลังกระดาน จากนั้นก็มาพิจารณาถึงรอยหดเหี่ยวที่เกิดขึ้นตามอายุขององค์พระ” อ.รามกล่าวแนะนำ

             นอกจากนี้ อ.ราม ยังบอกด้วยว่า “พระพิมพ์เกศบัวตูม” ของวัดระฆังโฆสิตาราม จะมีเอกลักษณ์แม่พิมพ์เพียงพิมพ์เดียว ทั้งนี้ พิจารณารูปแบบเนื้อหามวลสาร การตัดขอบ พุทธเอกลักษณ์ และหลักฐานการจัดสร้าง สามารถสรุปได้ว่ามี “พระสมเด็จ พิมพ์เกศบัวตูม” เป็นของวัดระฆังโฆสิตารามแน่นอน เพียงแต่ต้องอาศัยหลักการพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบเป็นพิเศษมากๆ จึงจะสามารถแยกแยะระหว่างเกศบัวตูมซึ่งเป็นพิมพ์เดียวกันทั้งสองวัดได้

             สำหรับภาพ "พระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม พิมพ์เกศบัวตูม" นำมาประกอบในคอลัมน์นี้ เป็นของนายชาญชัย มานิตทวีผล หรือที่รู้จักกันในนาม "อ้วน ลอยฟ้า" เซียนพระหนุ่มรุ่นใหม่ เจ้าของร้านคุณพระคุ้มครองหลังห้างสรรพสินค้า พาต้าปิ่นเกล้า และร้านอ้วน ลอยฟ้า บริเวณชั้น ๒ ห้างพันธุ์ทิพย์งามวงศ์วาน

             ความพิเศษของพระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม พิมพ์เกศบัวตูม องค์นี้ คือ พระพักตร์(ใบหน้า) มีความ คมชัดลึก ปรากฏ ให้เห็น ๓ ส่วน คือ พระเนตร ( ตา) พระนาสิก(จมูก)  พระโอษฐ์ (ปาก) และลายสังฆาฏิ อย่างชัดเจน ชนิดที่เรียกว่า ไม่เคยปรากฏให้เห็นในวงการพระเครื่องมาก่อน ถือว่าเป็น ๑ เดียวในชุดพระสมเด็จวัดระฆัง และ ๑ เดียวของสยามประเทศ ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่มีการตังค่านิยมไว้สูงเกือบ ๕๐ ล้านบาท


เล่น "สมเด็จจากเศษสมเด็จ"


             พระเครื่องที่ อ้วน ลอยฟ้า ถนัดและชอบเป็นพิเศษ คือ พระสมเด็จอรหัง, พระสมเด็จบางขุนพรหม, หลวงปู่ภู วัดอินทรวิหาร, หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม ทั้ง ๔ องค์ นี้เป็นพระเครื่องที่ชอบเป็นพิเศษ ด้วยความที่ ชอบพระเนื้อผงเป็นพิเศษ คิดว่ากระบวนการสร้างพระเนื้อผงนั้นยาก เนื่องด้วยรายละเอียดมวลสารแต่ละชนิด ที่มาที่ไป ความศักดิ์สิทธิ์ รูปแบบพิมพ์ทรง โดยองค์รวมนั้นค่อนข้างมีเนื้อหากว่าพระเครื่องชนิดอื่น

             การเข้าสู่วงการพระเครื่อง "อ้วน ลอยฟ้า" บอกว่า ซื้อพระตั้งแต่ยังไม่รู่ว่าพระเก๊แท้เป็นอย่างไร ซื้อตามบ้าน ตามร้าน ตามตู้ทั่วๆ ไป มีตังค์ก็ซื้อไปเรื่อยๆ ไม่มีหลักอะไรเป็นพิเศษ แค่ดูแล้วคิดเก่าก็ซื้อเลย จนกระทั่งมีเซียนคนหนึ่งแนะนำให้ซื้อพระหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี มีคำพูดหนึ่งที่กินใจและจำมาทุกวันนี้คือถ้าเอ็งยังซื้อพระแบบนี้ต่อไป มีเงินเป็นร้อยล้านก็หมด ที่เอ็งเล่นนั้นมันเป็นพระไม่แท้ จากนั้นเป็นต้นมาก็ลองไปหาหนังสือมาเปรียบเทียบกับพระที่ตัวเองมีอยู่ในที่สุดก็ถึงบางอ้อว่า เราเล่นพระเก๊มาตลอด

             จุดเริ่มต้นของการศึกษาพระสมเด็จนั้น "อ้วน ลอยฟ้า" บอกว่า เริ่มจากเช่าชิ้นส่วนพระสมเด็จจากชิ้นเล็กๆ ชนิดที่เรียกว่า "เศษพระสมเด็จ" ทั้งนี้เพื่อมาพิจารณาความแตกต่างของเนื้อหามวลสารของสมเด็จ ๓ วัด คือ วัดระฆังโฆสิตาราม วัดบางขุนพรหม และวัดเกศไชยโย จากนั้นก็ซื้อชิ้นส่วนที่ใหญ่ขึ้น ซื้อหักซ่อม จนกระทั่งซื้อเต็มองค์ และซื้อองค์ที่ขึ้นชื่อว่าสวยแชมป์ ข้อดีของการเริ่มศึกษาพระสมเด็จจากชิ้นส่วน คือ ทำให้เห็นทุกรายละเอียด เห็นมากกว่าสมเด็จเต็มๆ องค์ หรืออาจจะพูดว่า "เห็นทุกอณูของมวลสาร"

             "คนจำวนไม่น้อยคิดว่าเพชร และทองคำ เป็นของที่ขึ้นชื่อว่าเป็นของแพงที่สุดในโลก” แต่สำหรับ อ้วน ลอยฟ้า กลับคิดว่า “ดิน และผงว่านของไทยแพงที่สุดโลก ที่สำคัญคือ มีเงินยังหาซื้อไม่ได้ ต้องมีบารมีและมีบุญถึงจะได้ครอบครอง” อย่างล่าสุดได้ซื้อ “พระปิดตาพิมพ์ใหญ่ หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์" อ้วน ลอยฟ้า กล่าว

             สำหรับประเด็นที่ว่า "เราไม่เอาความผิดพลาดของเราไปยัดเยียดให้คนอื่น" อ้วน ลอยฟ้า บอกว่า ๑.รับประกันความแท้ตลอดกาล ถ้าในกรณีที่ตรวจสอบพระจากการประกวดที่สมาคมพระเครื่องแห่งประเทศไทยรับรองแล้วว่าไม่แท้ยินดีคืนเงินสดทันทีโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้นเต็มจำนวนโดยไม่หักเปอร์เซ็นต์ ตลอดเวลา ๒. รับประกันสภาพ (ไม่อุด ไม่ซ่อม ไม่แต่งจมูกพระ ไม่หลอกสภาพ) ตามข้อตกลง และ ๓.รับซื้อคืนพระที่เช่าบูชาไปทุกองค์ ด้วยเงินสดตลอดเวลา ตามสภาพคล่องการตลาดในปัจจุบัน โดยพระทุกองค์ต้องอยู่ในสภาพเดิม โดยไม่ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสภาพใดๆ ทั้งสิ้น

             "ในวงการพระเครื่องมีผู้ใหญ่ที่คอยให้การสนับสนุนผมหลายท่าน ทั้งเซียนเล็กเซียนใหญ่ผมถือว่าเป็นครูพระทั้งนั้น แต่มีอยู่ท่านหนึ่งที่ทำให้ผมแจ้งเกิดในวงการพระเครื่อง คือ นายดาบตำรวจมนัส เติมธนะศักดิ์ ที่ให้การสนับสนุนผมมาโดยตลอด" "อ้วน ลอยฟ้า" กล่าว

             สำหรับนักนิยมสะสมพระเครื่อง หากมีเวลาว่าง สามารถเข้าไปพบปะพูดคุยกับเซียนอ้วน ลอยฟ้า ได้ที่ร้านพระคุ้มครอง ตั้งอยู่หลังห้างพาต้าปิ่นเกล้า พระในร้านล้วนได้รับการคัดสรรใส่ตลับทองฝังเพชรนับไม่ถ้วน ส่วนใหญ่เป็นพระยอดนิยม พระสมเด็จวัดระฆังกว่า ๒๐ กว่า พระสมเด็จบางขุนพรหมอีกกว่า ๑๐ องค์ ทั้งตู้มีมูลค่ากว่า ๒๐๐น อ้วน ลอยฟ้า บอกว่า นี่แค่ส่วนหนึ่ง ยังมีเบอร์รองๆ อีกมาก ใครอยากได้อยากดูก็แวะชมกันเองครับ