พระเครื่อง

เหรียญพระพุทธเมตตาพุทธคยาอธิษฐานจิตโดยหลวงปู่สิงห์วัดโบสถ์

เหรียญพระพุทธเมตตาพุทธคยาอธิษฐานจิตโดยหลวงปู่สิงห์วัดโบสถ์

09 ต.ค. 2557

เหรียญพระพุทธเมตตาพุทธคยา อธิษฐานจิตโดยหลวงปู่สิงห์ วัดโบสถ์ : ปกิณกะพระเครื่อง โดยสุวัฒน์ เหมอังกูร

                การสร้าง เหรียญพระพุทธเมตตา พุทธคยา ประเทศอินเดีย ของวัดโบสถ์ จ.สุรินทร์ ในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากความประสงค์ของ หลวงปู่สิงห์ ที่บอกกับลูกศิษย์ว่า ควรสร้างวัตถุมงคลเป็นรูปของพระพุทธเจ้าก่อนเพราะเราเป็นศิษย์ตถาคต
   
                พระอาจารย์สุรฤทธิ์ ธมฺมทินโน ผู้ดูแลรับใช้หลวงปู่ จึงให้ช่างแกะแม่พิมพ์มาตั้งแต่ต้นปี ๒๕๕๖ โดยใช้พิมพ์เดียวกับ เหรียญพระพุทธเมตตา ของวัดไทยพุทธคยา แต่ขณะนั้นยังไม่มีโอกาสสร้าง จึงพักไว้ จนกระทั่งเข้าพรรษาปี ๒๕๕๗ จึงได้ดำเนินการสร้างต่อและจะให้บูชาหลังออกพรรษาแล้ว (วันออกพรรษา ๘ ตุลาม ๒๕๕๗)
 
                มีหลายคนแสดงความเห็นในทำนองว่า...ที่ผ่านมาไม่มีพระเกจิอาจารย์ท่านไหนสร้างเหรียญพระพุทธแล้วเหรียญรุ่นนั้นจะดัง ทำไมจึงคิดสร้างเหรียญพระพุทธ

                เรื่องนี้ผู้เขียนขอเรียนว่า หลวงปู่สิงห์และวัดไม่มีวัตถุประสงค์ที่จะสร้างเหรียญนี้เพื่อให้ "ดัง" แต่ต้องการให้ลูกศิษย์มี "ของดี" และมี "คุณค่าสูง" ไว้บูชามากกว่า
 
                "ดี" อย่างไร? ผู้เขียนขอเริ่มที่องค์ พระพุทธเมตตา เป็นพระพุทธรูปหินแกะสลักสมัยปาละ อายุประมาณ ๑,๔๐๐ ปี ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ในพระมหาโพธิ์เจดีย์ ที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย อันเป็นสถานที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เป็น ๑ ใน ๔ แห่งของสังเวชนียสถานที่เกี่ยวเนื่องกับพระพุทธองค์

                พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์องค์นี้ มีเหตุการณ์ที่ถูกบันทึกไว้ใน ประวัติศาสตร์ ซึ่งผู้เขียนขอกล่าวถึงโดยย่อว่า...พระเจ้าศศางกา กษัตริย์ฮินดู จากเบงกอล ซึ่งแผ่อำนาจเข้ามายึดครองดินแดนแถบนี้ ต้องการทำลายศาสนาพุทธ จึงเข้าโค่นต้นพระศรีมหาโพธิ์ และจะทำลายพระพุทธรูปองค์นี้ แต่เมื่อได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์ที่แสดงออกถึง "ความเมตตา" ทำให้กษัตริย์พระองค์นี้ไม่อาจตัดใจทำลายพระพุทธรูปองค์นี้ลงได้

                ต่อมากษัตริย์พระองค์นี้จึงได้สั่งแม่ทัพทหารให้ไปทำลายพระพุทธรูปองค์นี้ แม่ทัพทหารก็ไปยังสถานที่ประดิษฐานองค์พระพุทธเมตตา พอเห็นพระพักตร์อันเปี่ยมด้วยพระเมตตา แม่ทัพทหารก็ถอดใจ ทำไม่ลง

                ด้วยความชาญฉลาดของแม่ทัพทหารผู้นี้ จึงได้สร้างกำแพง บังพระพุทธรูปองค์นี้ไว้ พร้อมกับอัญเชิญองค์พระศิวะมาตั้งไว้ด้านหน้า
 
                กษัตริย์พระองค์นั้นเสด็จผ่านบริเวณที่ประดิษฐาน พระพุทธเมตตา มองไม่เห็นองค์พระพุทธรูป (เพราะกำแพงบังไว้) แต่เห็นองค์พระศิวะตั้งอยู่แทน ก็รู้สึกพอใจ
   
                ต่อมาอีกไม่นานด้วยความอกุศลจิตคิดทำร้ายองค์พระพุทธรูป ส่งผลให้กษัตริย์พระองค์นั้นสิ้นพระชนม์อย่างอเนจอนาถ โดยไม่รู้สาเหตุ

                ฝ่ายแม่ทัพทหาร เมื่อเห็นกษัตริย์สิ้นพระชนม์แล้ว ก็ไปทุบกำแพงที่บังองค์พระพุทธเมตตา พร้อมกับย้ายองค์พระศิวะไปไว้ที่อื่น ตั้งแต่นั้นมาพระพุทธเมตตาก็ยังประดิษฐานอยู่ ณ ที่เดิมจนถึงทุกวันนี้ โดยมีองค์พระมหาเจดีย์สร้างครอบไว้

                จากเหตุการณ์ดังกล่าว แสดงถึงความยิ่งใหญ่ในพลังแห่งความเมตตาของพระพุทธรูปองค์นี้ จนทั่วโลกต่างพากันยอมรับและยกย่องว่าเป็นพระพุทธรูป ๑ ใน ๒ องค์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ และมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในโลก และเป็นที่มาของพระนามว่า พระพุทธเมตตา ในแต่ละปีจะมีพุทธศาสนิกชนทั่วโลกพากันไปกราบไหว้สักการะนับล้านคน และเป็นที่ปรารถนาของชาวพุทธอีกจำนวนมาก ที่ตั้งความหวังไว้ว่าจะต้องหาโอกาสไปกราบพระพุทธเมตตาองค์นี้สักครั้งหนึ่งในชีวิต

                เมื่อเราพิจารณาถึงพระพุทธรูปองค์นี้ที่เป็นเพียงหินแกะสลัก แต่พระพักตร์ของท่านสามารถเปลี่ยนใจกษัตริย์พระองค์นี้ และแม่ทัพทหารนายนั้นได้ นั่นแสดงว่า ศิลปินที่รังสรรค์ท่านขึ้นมาต้องเป็นสุดยอดฝีมืออย่างแท้จริง

                เหนืออื่นใดผู้เขียนคิดว่าภายในองค์ท่านต้องสถิตไว้ด้วยบุญบารมีและอำนาจอย่างสูงยิ่ง จึงบันดาลให้มนุษย์ใจอ่อนลงได้เช่นนี้แล้ว

                การจำลององค์ท่านลงในเหรียญเพื่อเป็นวัตถุมงคลให้พุทธศาสนิกชนกราบไหว้บูชา ย่อมเป็นมงคลสูงสุด โดยผู้อัญเชิญบารมีขององค์พระพุทธเมตตา ให้ลงมาประทับในเหรียญนี้คือ หลวงปู่สิงห์ วัดโบสถ์ พระสงฆ์แท้ อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ผู้มีพลังและญาณสมาธิขั้นสูงย่อมสื่อถึงท่านได้เป็นอย่างดี

                ผู้เขียนอยากจะเรียนว่า การอยู่ร่วมกันในสังคมประชาธิปไตยทุกวันนี้ ถ้าเราอยากได้อะไรในเรื่องความรู้สึกที่เป็นนามธรรม เราต้องเอาสิ่งนั้นไปแลก

                อยากให้เขายิ้มให้เรา เราต้องยิ้มให้เขาก่อน อยากให้เขาให้เกียรติเรา เราต้องให้เกียรติเขาก่อน อยากให้เขารักเรา เราต้องรักเขาก่อน

                ดังนั้นเมื่อเราให้ความเมตตาคนอื่น เราก็จะได้รับความเมตตารักใคร่กลับคืนมา แต่การแสดงความเมตตาให้คนอื่นรับรู้ได้นั้นต้องขึ้นอยู่กับโอกาส สถานการณ์ และต้องใช้เวลา ซึ่งคงไม่ง่ายนัก

                แต่ถ้าเรามี เหรียญพระพุทธเมตตา ก็เปรียบเสมือนเรามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังเป็นตัวช่วย เพราะเหรียญนี้เป็นเหรียญที่มีความเมตตามหานิยมสูงสุด เนื่องจากด้านหน้ามีองค์พระพุทธเมตตา (จำลอง) ประทับอยู่ และด้านหลังของเหรียญมีคำว่า “อภัย” ซึ่งพระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า...การให้อภัย คือ ความเมตตาขั้นสูงสุด ผู้ที่มีเหรียญนี้บูชาและพกติดตัวเสมอ ย่อมมีพลังขององค์พระพุทธเมตตา ส่งให้ผู้อื่นรับรู้ได้ในทันที
 
                ยิ่งสังคมของเราในขณะนี้อยู่ในอาการป่วย เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น การเอารัดเอาเปรียบกัน การเบียดเบียนซึ่งกันและกัน ทำให้เกิดความเกลียดชัง และทะเลาะวิวาทกันเอง สับสนวุ่นวายไปหมด

                ถ้าพวกเราใช้สติพิจารณา นำเอาคำสอนของพระพุทธองค์ พร้อมกับองค์พระพุทธเมตตามาเป็นหลักนำใจ ย่อมทำให้เกิดความเมตตา ระหว่างเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน อันนำมาซึ่งความรักความสมัครสมานสามัคคีและความปรองดอง สังคมของเราก็จะเกิดความสุขขึ้นอย่างแท้จริง

                วัตถุมงคล เหรียญพระพุทธเมตตา ที่วัดจัดสร้างมีจำนวน ๑,๒๙๙ เหรียญ แบ่งเป็น เนื้อทองคำ ๙ เหรียญ, เนื้อเงิน ๒๑ เหรียญ, เนื้อนวโลหะ ๓๒ เหรียญ, เนื้อชนวนพิเศษ ๓๒ เหรียญ, เนื้อตะกั่ว ๕ เหรียญ และเนื้อทองแดง ๑,๒๐๐ เหรียญ

                ผู้เขียนขอเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเห็นของการสร้างเหรียญพระพุทธอีกประการหนึ่งว่า พระพุทธ คือ ต้นกำเนิดของศาสนาพุทธ การกราบไหว้ท่านก็คือการกราบไหว้องค์ผู้มีบารมีสูงสุด แล้วทำไมเราต้องมาเกี่ยงงอนว่า สร้างแล้วจะไม่ดัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคที่แสดงถึงความเมตตา

                การทำให้คนมาเมตตาเรานั้น คือ สิ่งประเสริฐ ถ้ามีคนมาเมตตา เราจะติดต่ออะไรก็ได้รับความสะดวก ผู้หลักผู้ใหญ่ก็ให้ความอนุเคราะห์ช่วยเหลือ จะไปค้าขายอะไรกับใครก็มีแต่คนมาซื้อ และสุดท้ายคนที่จะมาทำร้ายเราก็ต้องใจอ่อน

                ความเมตตา เป็นสิ่งสำคัญในการอยู่ร่วมกัน พระพุทธองค์จึงได้ตรัสไว้ว่า
       
                เมตตาธรรมค้ำจุนโลก
   
                ผู้เขียนขอเรียนว่า ความเมตตานำมาซึ่งความรัก ในที่นี้หมายถึงความรักระหว่างเพื่อนมนุษย์ ความรักเป็นสิ่งสวยงาม ก่อให้เกิดความเอื้ออาทร ทำให้ใจเป็นสุข ส่วนความเกลียดชังกันทำให้เกิดความเร่าร้อน และใจเป็นทุกข์ ผู้เขียนขอเปรียบเทียบดังนี้

                คนเราถ้าเกลียดกัน ถึงแม้ว่าจะอยู่บ้านเดียวกันก็เหมือนอยู่กันคนละโลก คนเราถ้ารักกัน ถึงแม้ว่าจะอยู่กันคนละมุมโลก ก็เหมือนอยู่ในบ้านเดียวกัน

                การดำเนินการสร้างเหรียญ พระอาจารย์สุรฤทธิ์ ธมฺมทินโน ได้เดินทางไปขอความเมตตาจากพระเกจิอาจารย์ที่มีบารมีในด้านเมตตามหานิยม ช่วยลงยันต์เพื่อนำมาเป็นชนวนในการผสมเนื้อทุกประเภท ทั้งนี้ ท่านได้ควบคุมการหลอมโลหะโดยตลอด สำหรับเนื้อชนวนพิเศษนั้น คือ เนื้อชนวนพิเศษของพระกริ่ง รุ่น ลาภมาหา และผสมยันต์ของพระเกจิอาจารย์ดังกล่าวด้วย ทุกขั้นตอนมีความพิถีพิถันมาก...ผู้สนใจสอบถามได้ที่ พระอาจารย์สุรฤทธิ์ โทร.๐๘-๕๗๖๖-๕๘๙๘