หลวงพ่อจอยนักพัฒนาแห่งโนนไทย
หลวงพ่อจอย ชินวังโสเจ้าคณะอำเภอนักพัฒนาแห่งโนนไทย : เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู
พระครูอนุวัตรชินวงศ์ หรือหลวงพ่อจอย ชินวังโส แห่งวัดโนนไทย เป็นพระเถระแห่งเมืองโคราชอีกองค์หนึ่งซึ่งมีศีลาจารวัตรงดงามและมีเมตตาบารมีสูง ขึ้นชื่อว่าเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่
"วิชิต มานะดี" เป็นชื่อและสกุลเดิมของหลวงพ่อจอย เป็นบุตรนายเที่ยง-นางชื่น มานะดี เกิดเมื่อวันจันทร์ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๕ ปีเถาะ ตรงกับวันที่ ๓ เมษายน ๒๔๘๒ ที่บ้านเลขที่ ๗๔ หมู่ ๙ ต.บ้านตาล อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ จวบจนอายุได้ ๒๔ ปี ว่างเว้นจากงานทางบ้านพอจะให้ญาติพี่น้องช่วยเหลือได้แล้ว จึงตัดสินใจที่มีความฝักใฝ่มาแต่เดิมขอบรรพชาอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดสาริกา ต.บ้านตาล อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๐๕ โดยมีพระครูพิศิษย์ภัทรธรรม (หลวงพ่อแย้ม) วัดโคกสว่าง เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูโพธิวุฒิคุณ อดีตเจ้าคณะอำเภอบำเหน็จณรงค์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์ชม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ได้รับฉายาจากพระอุปัชฌาย์ว่า “ชินวังโส”
การส่งเสริมการศึกษา หลวงพ่อจอยได้ตั้งโรงเรียนพระปริยัติธรรม มีนักศึกษาเข้าศึกษาในแผนกธรรมในระดับนักธรรมตรี นักธรรมโท และนักธรรมเอก ธรรมศึกษาตรี ธรรมศึกษาโท และธรรมศึกษาเอก และเปิดสอนในแผนกบาลีระดับเปรียญ ธรรม ๑-๙ ขณะเดียวกันยังจัดวัดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เนื่องจากวัดโนนไทยได้รับการยกย่องให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างแหล่งเรียนรู้ของชาวอำเภอโนนไทยและชาวจังหวัดนครราชสีมา
ส่วนงานด้านการเผยแผ่นั้น หลวงพ่อจอยได้เผยแพร่พระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาพระพุทธเจ้า และจัดให้มีการสวดมนต์รักษาศีลเจริญภาวนาและการแสดงธรรมตลอดกาล จัดงานวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เช่น วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสฬหบูชา งานทอดกฐิน ผ้าป่า วันเข้าพรรษา วันออกพรรษา ตลอดจนงานประเพณีที่สำคัญในแต่ละปี
ตั้งแต่อุปสมบทจนถึงปัจจุบันนี้ หลวงพ่อจอยท่านชอบนั่งสมาธิ เจริญจิตภาวนาท่านเป็นพระที่ชอบสันโดษ ฉันน้อย ไม่ชอบสวมรองเท้า เวลาจำวัดท่านจะหนุนหมอนที่ทำด้วยไม้ เพื่อดำรงสติให้รู้ตัวอยู่ตลอดเวลา หมอนไม้นี้หลวงพ่อคูณถวายให้ และตั้งใจว่าจะหนุนหมอนไม้ไปตลอดชีวิต หลวงพ่อจอยได้เคยปลุกเสกเหรียญรัชกาลที่ ๕ ตั้งแต่พรรษาแรก ที่อุปสมบท น้องชายของท่านชื่อ “นายเต๊าะ” ได้พาเพื่อนนำไปทดลองยิงดู ปรากฏว่ายิงไม่ออก จากนั้นท่านก็ไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องวัตถุมงคลอีกเลย
จนมาถึงพรรษาที่ ๒๗ ตรงกับปี ๒๕๓๓ หลวงพ่อจอยได้สร้างวัตถุมงคลขึ้นตามคำเรียกร้องของญาติโยมและศิษยานุศิษย์ จำนวน ๑๑๒ องค์ โดยทำเป็นรูปล็อกเกต ปรากฏว่า ผู้นำไปแขวนคอได้รับประสบการณ์ทางเมตตาแคล้วคลาดดีมีคนต้องการมาก จึงทำเพิ่มอีก ๓๐๐ องค์ ซึ่งท่านก็ได้มอบให้ญาติโยมและศิษยานุศิษย์ไปจนหมด ต่อมาปี ๒๕๓๔ คณะศิษยานุศิษย์ได้ขออนุญาตสร้างเหรียญทองแดงรมดำรูปไข่ขึ้นอีก จำนวน ๙,๗๐๐ เหรียญ ซึ่งหลวงพ่อจอยได้ปลุกเสกถึง ๓ พรรษา จนแน่ใจ
ในพรรษาสุดท้าย ปี ๒๕๓๖ ขณะที่หลวงพ่อจอยกำลังนั่งอธิษฐานจิตพุทธาภิเษกอยู่นั้น ลูกประคำที่หลวงพ่อใช้บริกรรมปลุกเสก ขณะปลุกเสกนั้นได้แตกออกจากกันท่ามกลางสายตาของพระภิกษุ-สามเณรจำนวน ๓๔ รูป ที่อยู่ในอุโบสถ ถึงแม้ว่าเสียงที่แตกนั้นจะเบามาก แต่พระภิกษุ-สามเณรทุกรูปก็ได้ยินอย่างชัดเจน เมื่อปลุกเสกเสร็จแล้วจึงนำมาให้ญาติโยมและคณะศิษย์บูชา เมื่อวันที่ ๒-๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๗ อันเป็นงานประจำปีของวัดโนนไทย บรรดาลูกศิษย์และชาวโนนไทยก็บูชากันไปจนหมดเกลี้ยงไม่มีเหลือแม้แต่เหรียญเดียว ซึ่งรุ่นนี้ได้รับการขนานนามว่า “รุ่นประคำแตก”
หลังจากเหรียญทองแดงรมดำ รูปไข่ รุ่นประคำแตก หมดเกลี้ยงไม่มีให้บูชาทางคณะกรรมการวัดจึงขออนุญาตจัดสร้างเหรียญจากหลวงพ่อคูณเพื่อให้เกิดสิริมงคลแก่ผู้นำไปบูชาอีกแรงหนึ่ง เหรียญรุ่นนี้จึงได้ชื่อว่ารุ่นคู่บารมี “หลวงพ่อคูณ-หลวงพ่อจอย” ส่วน “พระสมเด็จเสาร์ห้า ตะกรุดทองคำ” เป็นพระพิมพ์เนื้อผงที่สร้างจากผงพุทธคุณที่หลวงพ่อจอย รวบรวมมานานได้ตั้งใจเป็นพิเศษ โดยจารตะกรุดทองคำแท้ฝังไว้ที่ฐานของพระพิมพ์สมเด็จ ส่วนด้านหลังเป็นรูปหลวงพ่อจอยเต็มองค์ เป็นพระผงที่พุทธคุณทางเมตตามหานิยมเป็นเลิศ
พระยอดธงหลวงพ่อคูณ
ชาวบ้านทุกหลังคาเรือนที่โนนไทยไม่ว่าเด็กเล็กไปจนถึงคนเฒ่าคนแก่ก็ล้วนเคารพนับถือหลวงพ่อวัดโนนไทยกันทั่วทุกคน หลวงพ่อองค์นี้ คือ “หลวงพ่อจอย” ศิษย์เอกของหลวงพ่อคูณ เหตุที่เรียกว่าศิษย์เอกหลวงพ่อคูณก็เพราะว่า หลวงพ่อคูณท่านกล่าวรับรองเอาไว้กับคนโคราชว่า “หลวงพ่อจอยองค์นี้แหละที่ทดแทนตัวกูได้” ข้อความนี้คนโคราชส่วนใหญ่เขาก็รู้กันทั่วไป
พระยอดธงปริสุท รุ่นเสาร์ห้า ปี ๒๐๐๐ (พ.ศ.๒๕๓๔ ) จัดสร้างขึ้นในวาระฉลองอายุครบ ๗๒ ปี พระเทพวิทยาคม ซึ่งใช้มวลสารเดียวกับพระยองธงรุ่นที่ ๑ ทั้งนี้หลวงพ่อคูณได้มอบหมายให้โรงงาน คูณลาบ คูณเงิน คูณทอง (เสี่ยคือ) จัดสร้างพระยอดธงรุ่นนี้เพื่อให้ลูกศิษย์เก็บไว้เช่าบูชา ขณะเดียวกันหลวงพ่อคูณได้มอบพระรุ่นนี้ให้หลวงพ่อจอยหลังปลุกเสกในปีเดียวกัน จากนั้นเป็นต้นมาหลวงพ่อจอยก็นำพระรุ่นนี้ปลุกเสกอีก ๑๕ วาระ โดยวาระสุดท้ายได้ประกอบพิธีเมื่อวันอังคารที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๕๗ ซึ่งก่อนหน้านี้หลวงพ่อจอยได้มอบพระรุ่นนี้จำนวน ๗๐๐ องค์ ให้ททหารที่ไปปฏิบัติหน้าที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้
อย่างไรก็ตามขณะนี้หลวงพ่อจอยมีโครงการสร้างกำแพงแก้วและซุ้มประตูซึ่งชำรุดทรุดโทรมมาก จึงนำพระยอดธงปริสุท รุ่นเสาร์ห้า ปี ๒๐๐๐ ประกอบด้วย เนื้อเงิน เนื้อนวะโลหะ และเนื้อตะกั่ว ออกให้เช่าบูชาเพื่อนำเงินสมทบทุนการก่อสร้าง ผู้มีจิตรศรัทธาร่วมบุญได้ที่วัดโนนไทย โทร.๐-๔๔๓๘-๑๐๙๘, ๐๘-๐๑๖๙-๘๗๕๗ และ ๐๘-๑๓๒๑-๑๒๕๐
“พระแก้วมรกต” หันหน้าหลบแดด
สำหรับปาฏิหาริย์ “พระแก้วมรกต” หันหน้าหลบแดด หลวงพ่อจอย เล่าว่า เมื่อ ๑๗ ปีที่แล้ว ได้เช่าพระแก้วมรกตจำลองมาจากกรุงเทพมหานครมา ๖ องค์ พร้อมได้อัญเชิญพระแก้วมรกตทั้ง ๖ องค์ขึ้นไปประดิษฐานไว้บนยอดศาลาการเปรียญวัดตามทิศต่างๆ เพื่อความเป็นสิริมงคล
ช่วงหลังมีประชาชนสังเกตเห็นพระแก้วมรกต ๑ องค์ ที่นำขึ้นไปประดิษฐานไว้โดยหันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีลักษณะแปลกกว่าองค์อื่นๆ เกิดขึ้น คือ พระแก้วมรกต ได้เคลื่อนย้ายองค์หันหน้าหลบแดดไปทางทิศเหนือ ซึ่งในตอนแรกไม่ได้แปลกใจอะไร และให้ลูกศิษย์ขึ้นไปหันกลับมาทิศเดิม แต่ก็พบว่าได้หันกลับไปทิศเหนืออีกเช่นเคย โดยในปีนี้พระแก้วมรกตได้หันหน้าหลบแดดเกิดขึ้นแล้วถึง ๓ ครั้ง สร้างความแปลกประหลาดให้แก่พระสงฆ์ ประชาชน และญาติโยมเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามต่อมาเจ้าหน้าที่จากกองช่างเทศบาลตำบลโนนไทย ได้นำรถกระเช้าปีนขึ้นไปตรวจสอบบริเวณใต้ฐานพระแก้วมรกตองค์ดังกล่าว แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร อีกทั้งยังให้นำปูนขึ้นไปโบกไว้บริเวณฐานพระเพื่อให้แน่นหนาป้องกันการเคลื่อนตัวแต่ไม่เป็นผล องค์พระแก้วมรกต ก็ยังหันหน้าหลบแดดเองอีกเช่นเดิม
“อาตมาเชื่อว่าน่าจะเกิดจากความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระแก้วมรกต ที่ต้องการแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ให้ประชาชนได้เห็น และเกรงกลัวต่อการทำบาป ส่วนพระแก้วมรกต อีก ๕ องค์ ที่ประดิษฐานอยู่ข้างบนนั้น ไม่พบมีการเคลื่อนย้ายองค์พระแต่อย่างใด ตั้งประดิษฐานไว้อย่างไรก็ยังอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง และพระแก้วมรกตทุกองค์นั้น ล้วนตั้งอยู่สูงจากพื้นกว่า ๓๐ เมตร หากใครจะขึ้นไปเคลื่อนย้ายองค์พระเพื่อสร้างความประหลาดให้แก่ประชาชนก็เป็นไปได้ยาก และคงไม่มีใครอุตริไปทำการเช่นนั้นได้” หลวงพ่อจอย กล่าว