พระเครื่อง

ปิดตำนาน'พระใบ้หวย'หลวงพ่อยะ เขมปาโร วัดท่าข้าม จ

ปิดตำนาน'พระใบ้หวย'หลวงพ่อยะ เขมปาโร วัดท่าข้าม จ

26 ก.ย. 2557

ปิดตำนาน'พระใบ้หวย'หลวงพ่อยะ เขมปาโร วัดท่าข้าม จ.นครปฐม : เรื่อง/ภาพ ไตรเทพ ไกรงู

                "พระใบ้หวย" หรือ "พระให้หวย" เป็นพระสงฆ์ที่นักแสวงหาโชคทั้งมืออาชีพ และมือสมัครเล่นต่างให้ความสนใจ โดยเฉพาะพระเกจิการอาจารย์ที่มรณภาพก่อนวันหวยออก ตัวเลขที่เกี่ยวข้องมักจะถูกตีเป็นเลขเด็ดทั้งหมด อย่างกรณีล่าสุด การมรณภาพของพระมงคลสิทธาจารย์ หรือหลวงพ่อยะ เขมปาโร อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าข้าม ต.ท่าข้าม อ.สามพราน จ.นครปฐม พระเกจิดังแห่งเมืองนครปฐม จากไปด้วยโรคเบาหวานและไตวายเมื่อเวลา ๒๐.๓๕ น. คืนวันที่ ๖กันยายน (เดือน ๙) ๒๕๕๗ ที่ผ่านมา สิริอายุ ๘๗ ปี พรรษาที่ ๖๓  


                พระปลัดณัฐพงษ์ อุปสนะโต รองเจ้าอาวาสวัดท่าข้าม เปิดเผยว่า หลวงพ่อยะ มรณภาพด้วยอาการเบาหวานและไตวาย ท่านป่วยด้วยโรคดังกล่าวมา ๔-๕ ปี รับการรักษา ที่ รพ.ธนบุรี ๑ เรียกว่าเข้าๆ ออกๆ มาตลอด สำหรับศพของท่านนั้นหลังจากพิธีรดน้ำเสร็จสิ้นจะนำศพท่านบรรจุลงในโลงแก้ว จะประกอบพิธีสวดพระอภิธรรมจำนวน ๕๐ วัน ขณะนี้มีเจ้าภาพจองแล้ว ๕๐ วัน หากมีมากก็จะขยายวันสวดพระอภิธรรมออกไปอีก

                สำหรับประวัติหลวงพ่อยะ เขมปาโร นั้น ท่านเกิดวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๔๗๐ ปีเถาะ อุปสมบทหลังจากปลดประจำการทหารเมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๔๙๔ ที่วัดท่าข้าม และได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส พ.ศ.๒๕๑๘ และได้พัฒนาวัดจนเจริญรุ่งเรืองและมีคนเดินทางมาท่องเที่ยวที่วัดมากขึ้น จน พ.ศ.๒๕๑๘ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ชั้นพระครู ที่พระครูเกษมธรรมรักษ์ และพ.ศ.๒๕๕๐ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์พระราชาคณะชั้นสามัญ ราชทินนามที่พระมงคลสิทธาจารย์ ฝ่ายวิปัสสนา ซึ่งหลวงพ่อยะ เป็นที่เคารพนับถือของบรรดาลูกศิษย์และประชาชนโดยทั่วไป

                "หลวงพ่อยะ เขมปาโร เป็นพระเกจิชื่อดัง มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย มีชื่อเสียงทางด้านเมตตามหานิยม ทำนายทายทัก ก่อนที่หลวงพ่อจะอาพาธเคยทักชาวบ้านว่าจะมีโชคหลายรายทั้งจากการค้าขายและเสี่ยงโชคจนร่ำรวย ซึ่งล้วนแล้วแต่ประสบผลสำเร็จดังที่หลวงพ่อท่านทักเอาไว้ มีประชาชนเดินทางมากราบไหว้แน่นวักทุกวัน จนเมื่อท่านป่วยจึงได้งดเว้นไป" นี่เป็นคำบอกว่าของ พ.ต.อ.วินัย บํารุงกิ ผกก.ฝ?ายบริหารและธุรการ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ อ.สามพราน จ.นครปฐม หรือ “ผู้กำกับใหญ่” ซึ่งเป็นหลานแท้ๆ ของหลวงพ่อยะ

                พร้อมกัน “ผู้กำกับใหญ่” ยังเล่าให้ฟังว่า เมื่อ ๒๐ ปี ก่อน หลวงพ่อยะ วัดท่าข้าม ขึ้นชื่อว่าใบ้หวยแม่นสุดๆ ในคืนก่อนวันหวยออก จะมีรถมาจอดนับพันคันยิ่งกว่ามีงานประจำปีของวัดเสียอีก มีแผงลอตเตอรี่มาขายนับร้อยแผง มากกว่าแผงลอตเตอรี่หน้ากองสลากด้วยซ้ำ สิ่งหนึ่งที่เป็นเครื่องยืนยันความแม่ยำ คือ ศาสนสถานทุกอย่างภายในวัด มาจากพลังศรัทธาที่เหล่าบรรดานักแสวงหาโชคมาถวายทั้งสิ้น แม้ว่าท่านจะมีชื่อเสียงด้านโชคลาภแต่ท่านสร้างวัตถุมงคลออกมาเพียงไม่กี่รุ่นเท่านั้น

                "มีอยู่งวดหนึ่งนักข่าวหนังสื่อพิมพ์ยักษ์ใหญ่จากส่วนกลาง เดินทางมาเพื่อทำข่าวและพิสูจน์ถึงความคำร่ำลือและความโด่งดังเรื่องใบ้หวย ซึ่งมีการถ่ายภาพท่านด้วย แต่ท่านยกมือกาง ๕ นิ้ว ในลักษณะห้ามปรามว่า อย่าถ่ายรูป โดยโบกไปโบกมาก ๒-๓ ครั้ง ปรากฏว่าหวยงวดนั้นออก ๕๕ ยิ่งเป็นการโหมกระแสความดังเรื่องใบ้หวยเป็นเท่าทวีคูณ" ผู้กำกับใหญ่ กล่าว

ตำนานแห่ง "ท่าข้าม"



                เมื่อ พ.ศ.๒๓๔๓ คำว่า ท่าข้าม มาจากท่าเรือ ท่าน้ำ ของชาวโปรตุเกสและชาวฝรั่งเศสที่เป็นมิชชันนารี ผู้ล่าอาณานิคมและเผยแพร่ศาสนาก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๑ การคมนาคม หรือการเดินทางต่างๆ ต้องอาศัยแม่น้ำและเรือเป็นหลัก โดยเฉพาะแม่น้ำท่าจีนหรือแม่น้ำนครชัยศรี ชาวโปรตุเกสล่องเรือจาก จ.สุพรรณบุรี ลงมาเรื่อยๆ จนถึงศาลาท่าน้ำวัดท่าข้าม แลเห็นว่าพื้นที่บริเวณนี้อุดมสมบูรณ์เป็นที่ราบลุ่มเหมาะแก่การเพาะปลูก จึงตั้งถิ่นฐานที่นี่โดยรวบรวมบุคคลที่ติดตามมาจำนวนหนึ่งช่วยกันถางป่าแล้วเผา เสร็จแล้วจึงช่วยกันปลูกอ้อย ปลูกกล้วย และขุดคลองต่างๆ คือ คลองนา คลองลัดท่าคา คลองตัน และคลองไหหลำ ปัจจุบันมีการจัดตั้งโรงหีบอ้อยกลายเป็นชื่อหมู่บ้านโรงหีบของหมู่ ๔ ในปัจจุบัน

                ส่วนอำเภอสามพรานในอดีตนั้น มีชื่อเรียกว่า อำเภอตลาดใหม่ ตั้งขึ้นในปี พ.ศ.๒๔๙๓ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยสร้างขึ้นในที่ดินของพระยาสุนทรบุรีศรีพิชัยสงครามรามภักดีสุริยะพาหะ (อี้ กรรณสูต) ซึ่งพื้นที่บริเวณนั้นเรียกว่าตลาดใหม่

                ต่อมาเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๘ ได้ย้ายที่ทำการไปสร้างใหม่ในตำบลสามพราน เนื่องจากที่ทำการเดิมคับแคบ ให้บริการประชาชนได้ไม่สะดวก พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็น อำเภอสามพราน ตามชื่อสถานที่ตั้งที่ว่าการอำเภอซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของมณฑลนครชัยศรี 

                 พ.ศ.๒๔๗๔ ทางราชการยุบมณฑลนครชัยศรีลง อำเภอสามพรานจึงขึ้นอยู่กับเมืองราชบุรีอยู่ระยะหนึ่ง จนกระทั่ง พ.ศ.๒๔๗๖ ได้ยุบมณฑลทั้งหมดทั่วราชอาณาจักร อ.สามพราน จึงได้ขึ้นอยู่กับ จ.นครปฐม ตามพระราชบัญญัติระเบียบการบริหารราชการของราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๔๗๖


เหรียญเจ้าสัว "ยะ รวย รวย"



                วัดท่าข้าม ตามประวัติของวัดได้กล่าวไว้ว่า สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๓๖๕ ในแผ่นดินรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ ตอนปลาย วัดท่าข้ามเดิมชื่อ “วัดปากลัดท่าคา” มีโบราณสถานที่สำคัญได้แก่อุโบสถสร้างด้วยอิฐฉาบปูนด้านและด้านหลังมีเสารองรับตอนบนวงกบและก่อเป็นรูปวงโค้ง หน้าบันและหลังคาเป็นแบบศิลปะจีนซึ่งนิยมมากในรัชกาลที่ ๓ กล่าวคือ ไม่มีช่อฟ้า ใบระกาและหางหงส์อย่างอุโบสถโดยทั่วไป

                สมัยก่อนหลวงพ่อยะ วัดท่าข้าม เป็นหนึ่งในเกจินครปฐม ที่โด่งดังมากในทางนักเสี่ยงโชคจนมีการตั้งสมญาว่า "เทพเจ้าแห่งโชคลาภ ผู้รู้ลิขิตสวรรค์" เนื่องจากผู้แสวงโชคลาภจะมาหาเลขเด็ด แล้วก็ถูกตามใจหมาย เมื่อท่านชราภาพมากแล้วทำให้ไม่โด่งดังเหมือนสมัยก่อน จนทำให้นักสะสมวัตถุมงคลรุ่นใหม่ไม่รู้จักท่าน เหรียญรุ่นแรกออกเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๐

                ส่วนเหรียญเจ้าสัวหลวงพ่อยะ วัดท่าข้าม รุ่นรวย รวย เป็นเหรียญที่หลวงพ่อยะ (เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์เป็น พระครูเกษมธรรมรักษ์) สร้างไว้และนำเข้าพิธีพุทธามังคลาภิเษก ณ โบสถ์ วัดกลางบางแก้ว ในคราวที่มีการจัดสร้างเหรียญเจ้าสัว ๒ พ.ศ.๒๕๓๕ ในวันเสาร์ที่ ๓๐  พฤษภาคม การสร้างครั้งนั้นมีพลตรีพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธ์ยุคล เป็นประธานฝ่ายฆราวาส   โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ เป็นประธานจุดเทียนชัย และได้นิมนต์พระคณาจารย์มาร่วมพิธีพุทธมังคลาภิเษก เช่น

                ๑.พระครูสิริชัยคณารักษ์ (สนั่น) เจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้ว เจ้าคณะอำเภอนครชัยศรี อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ๒.พระอาจารย์เจือ ปิยะสีโล วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม ๓.พระครูเกษมธรรมนันท์ (แช่ม) วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม ๔.พระครูปุริมานุรักษ์ (พูล) วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม ๕.พระครูฐาปนกิจสุนทร (เปิ่น) วัดบางพระ จ.นครปฐม ๖.พระครูสุนทรวุฒิคุณ (พุฒ) วัดกลางบางพระ จ.นครปฐม ๗.พระราชอุดมมงคล (หลวงพ่ออุตตมะ) วัดวังก์วิเวการาม จ.กาญจนบุรี ๘.พระครูกาญจโนปมคุณ (ลำใย) วัดทุ่งลาดหญ้า จ.กาญจนบุรี ๙.พระราชญาณรังสี (หลวงตาจันทร์ วัดป่าชัยรังสี จ.สมุทรสาคร และ ๑๐.พระราชสิงหคณาจารย์ (หลวงพ่อแพ) วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี เป็นต้น