พระเครื่อง

บุญข้าวเม่าทอด'วัดหาด'บุญปะเพณีแห่งความศรัทธาสามัคคี

บุญข้าวเม่าทอด'วัดหาด'บุญปะเพณีแห่งความศรัทธาสามัคคี

29 ส.ค. 2557

บุญข้าวเม่าทอด'วัดหาด'บุญปะเพณีแห่งความศรัทธาสามัคคี : ท่องไปในแดนธรรม เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู

               “บุญข้าวเม่าทอด" ของวัดหาดมูลกระบือ หรือที่ชาวบ้านเรียกส้นๆ ว่า "วัดหาด" ต.ย่านยาว อ.เมือง จ.พิจิตร เป็นงานที่จัดขึ้นในงานประเพณีแข่งขันเรือยาวชิงถ้วยพระราชทาน โดยในปีนี้จัดไปแล้วระหว่างวันที่ ๒๓-๒๔ สิงหาคมที่ผ่านมา

               ในวันงานแข่งขันเรือยาวประเพณีของวัด คณะกรรมการวัดจะตั้งเตาทอดข้าวเม่าไว้กว่า ๕๐ ใบ ทั้ง ๒ ฝั่งแม่น้ำ และขอแรงคนเฒ่าคนแก่และหนุ่มสาวทั้งหมู่บ้านนับร้อยๆ คนมาทอดข้าวเม่าขาย

               จำนวนเตาทอดข้าวเม่ากว่า ๕๐ ใบ และทอดข้าวเม่าขายตั้งแต่ไก่โห่ก่อนตะวันขึ้นจนไปถึงตะวันตกดิน หลายคนอาจจะคิดไปก่อนว่าจะทอดขายให้ใครกิน แต่เชื่อหรือไม่ว่า ข้าวเม่าทอดออกมาสุกเกือบไม่ทันความต้องการของคนกิน ใครจะกินต้องซื้อกันทุกคน แม้กระทั่งคณะกรรมการของวัดก็ต้องซื้อ ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ คนที่มาช่วยทำก็ต้องซื้อด้วย เพราะเขาถือว่าผลกำไรที่ได้เป็นการทำบุญ ถือเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีของคนที่นี่ก็ว่าได้

               เมื่อเสร็จงานแข่งเรือยาวของวัดหาดมูลกระบือ ชาวบ้านส่วนหนึ่งไปตั้งกระทะ ๕-๑๐ ไปทอดขายตามสนามแข่งเรือต่างๆ ของจังหวัด ส่วนปัจจัยที่ได้จากการขายข้าวเม่าทอด ไม่ได้ไปไหน ล้วนมาใช้ในการจัดงานแข่งขันเรือยาวรวมทั้งพัฒนาและสร้างศาสนสถานภายในวัดทั้งหมดโดยไม่ต้องพึ่งพาปัจจัยจากการจัดสร้างวัตถุมงคล เหมือนวัดทั่วๆ ไป

               การออกร้านจำหน่ายข้าวเม่าพอกของวัดหาดมูลกระบือนั้น เดิมมีเฉพาะงานประเพณีแข่งเรือวัดหาดมูลกระบือจากนั้น ได้รับการร้องขอจากสนามอื่นๆ ในพิจิตรและพิษณุโลกให้ไปเปิดร้านจำหน่าย เริ่มจากวัดหาดมูลกระบือ วัดท่าฬ่อ วัดท่าหลวง จ.พิจิตร และวัดใหญ่ จ.พิษณุโลก

               สำหรับผู้ที่พลาดงานบุญข้าวเม่าวัดหาดมูลกระบือ สามารถอุดหนุนข้าวเม่าทอดจากชุมชนวัดหาดมูลกระบือได้อีก ๒ งาน คือ ประเพณีการแข่งขันเรือยาวประเพณีชิงถ้วยพระราชทาน ภปร. วัดท่าหลวง อ.เมืองพิจิตร ระหว่างวันที่ ๖-๗ กันยายน และประเพณีการแข่งขันเรือยาว วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ (วัดใหญ่) พิษณุโลก ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๑ กันยายน ทั้งนี้ หลวงพ่อวิเชียรจะนำชาวบ้านจากชุมชนใกล้วัด และขนกระทะไปทอดข้าวเม่าทั้ง ๒ งานนี้ ๑๕ เตา

               วัดหาดมูลกระบือ ตั้งอยู่ริมฝั่งน้ำน่าน เป็นวัดเก่าที่มีความสำคัญมาแต่อดีตของเมืองพิจิตรตอนเหนือ สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา เมื่อประมาณ พ.ศ.๒๒๗๗ หรือเมื่อ ๒๗๐ ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน วัดหาดมูลกระบือ เป็นสำนักศึกษาพระธรรมวินัยและพุทธาคม ที่มีชื่อเกียรติคุณเป็นที่ปรากฏทางตอนเหนือของเมืองพิจิตรมา ในอดีตวัดหาดมูลกระบือ เป็นอารามของอดีตพระอมตเถราจารย์ผู้เรืองเวทย์ ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวพิจิตรมาแต่อดีตสืบต่อกันมาหลายรูป อาทิ หลวงพ่อพระอุปัชฌาย์อินทร์ หลวงพ่อมหาเขียว ซึ่งมีวาจาศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพนับถือของประชาชนมาก แม้ตะกรุดของท่านนำติดตัวไปออกป่าล่าสัตว์ก็ยังยิงไม่ออก ต้องเอาตะกรุดออกจากตัวเสียก่อนจึงจะล่าสัตว์ได้ นอกจากนี้ยังเป็นบ้านเดิมของหลวงปู่ภู หรือพระครูธุรศักดิ์เกียรติคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าฬ่อ พระเกจิอาจารย์


พระผู้สร้างบุญประเพณี"ข้าวเม่าทอด"


               พระครูพิเชษฏฐ์ธรรมคุณ หรือหลวงพ่อเชียร ธฺญญเชฏโฐ อดีตเจ้าอาวาสวัดหาดมูลกระบือ เป็นพระนักพัฒนาผู้สืบสานการทำข้าวเม่าทอดวัดหาดมูลกระบืออันเลื่องชื่อของพิจิตร ได้มรณภาพลง ด้วยสาเหตุปอดติดเชื้อหลังเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลทรวงอก จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๔ สิริอายุ ๗๗ ปี พรรษาที่ ๕๘

               ในอดีตชาวบ้านแถบใกล้เคียงวัดหาดมูลกระบือ ได้ร่วมแรงกันนำเครื่องกฐินที่เตรียมจะนำมาทอดที่วัดหาดมูลกระบือ ลงเรือ แล้วลากจูงด้วยเรือยาวที่มีฝีพายเป็นชายฉกรรจ์หลายสิบคน แล้วแห่ไปตามลำน้ำเพื่อเป็นการบอกกล่าวแก่พุทธศาสนิกชนที่อาศัยอยู่ตามริมแม่น้ำได้รับรู้และให้มาร่วมบุญใหญ่ด้วยกัน ครั้นเมื่อพิธีการทอดกฐินได้เสร็จสิ้นลงแล้ว เรือยาวที่นำมาเป็นเรือลากเรือเครื่องกฐิน ได้จัดการแข่งขันประลองฝีพายกันขึ้น และเมื่อเรือยาวลำใดได้เป็นฝ่ายชนะก็จะได้ข้าวเม่าทอดเป็นรางวัล

               ก่อนถึงงานคณะกรรมการวัดและพุทธศาสนิกชนชาวตำบลไผ่ขวาง ตำบลย่านยาวและใกล้เคียง จะนำกล้วย ข้าวเม่า และวัตถุดิบต่างๆ มาถวายหลวงพ่อเชียร เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบผลิตขนม “ข้าวเม่าพอก” ซึ่งเป็นขนมหวานที่สามารถสร้างรายได้เข้าสู่วัด และอยู่คู่เคียงข้างงานประเพณีแข่งขันเรือยาววัดหาดมูลกระบือมาอย่างช้านาน

               หลวงพ่อเชียร เป็นพระนักพัฒนาที่พัฒนาด้านต่างๆ ของวัดหาดมูลกระบือให้เจริญเติบโตไปข้างหน้าและเป็นผู้บุกเบิกเรือยาวในนามเรือพญาชาละวัน และเป็นผู้ฟื้นฟูการจัดงานประเพณีแข่งขันเรือยาว ณ สนามลำน้ำ น่านหน้าวัดหาดมูลกระบือ ซึ่งเป็นงานประเพณีที่ใช้กีฬาเป็นตัวประสานสร้างความสามัคคีของคนในตำบล และจัดขึ้นช่วงกลางเดือนสิงหาคมของทุกปี


บุญประเพณีแห่งความสามัคคี


               “ข้าวเม่าแห่งความสามัคคี ข้าวเม่าแห่งบุญปะเพณี หลวงพ่อเชียร ได้กำชับในเรื่องรสชาติของข้าวเม่าทอดของวัดหาดมูลกระบือว่า จะต้องหวาน มัน กรอบ จึงจะเป็นข้าวเม่าทอดจากวัดหาดมูลกระบือ แม้ว่ายอดเงินไม่มากมายนัก แต่สิ่งที่ได้รับกลับมากมายมหาศาล ด้วยกุศโลบายอันชาญฉลาดของหลวงพ่อวิเชียรที่ได้ให้แก่ชุมชน นั่นคือสร้างบุญร่วมกัน สร้างความรักความผูกพันระหว่างกันและกัน ได้น้ำใจไมตรีที่คนสองฝั่งแม่น้ำน่านร่วมกันสานสายสัมพันธ์กันมายาวนาน”

               ที่กล่าวมาข้างต้น คือผลแห่ง “บุญข้าวเม่าทอดของวัดหาดมูลกระบือ” จากคำบอกเล่าของพระมหาเมธี จันทวังโส หรือ “พระมหาเม” เจ้าอาวาสวัดหาดมูลกระบือ พระผู้สืบทอดบุญประเพณี "ข้าวเม่าทอด" ต่อจากหลวงพ่อวิเชียร

               พระมหาเม บอกว่า กว่า ๕๐ ปีที่ผ่านมา วัดไม่เคยจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ชาวบ้านแม้แต่บาทเดียว ใครมาช่วยวัดก็มีข้าวมีน้ำเลี้ยงให้กินฟรี ในอดีตนั้นต้องมีการเตรียมงานล่วงหน้าไม่ต่ำกว่า ๔ เดือน คือต้องเริ่มจากปลูกข้าวเหนียว เพื่อให้ข้าวเหนียวสุกพอดีสำหรับต่ำข้าวเม่าโดยใช้ข้าวเปลือกประมาณ ๑.๕ ตัน ชาวบ้านจะนัดกันมาตำข้าวเม่าทุกๆ วันพระ กว่าจะมาถึงต้องเตรียมงานล่วงหน้าเป็นเดือนเลยทีเดียว
 
               เมื่อถึงวันงานต้องใช้คนเป็นร้อย ส่วนใหญ่จะเป็นคนมีอายุที่เป็นคนหนุ่มสาวมีบ้างไม่กี่คน โดยแบ่งออกเป็นแผนกต่างๆ ตั้งแต่ปอกกล้วยปอกมะพร้าว ขูดมะพร้าว คั้นน้ำกะทิ พอกข้าวเม่า ทอดเข้าเม่า ขายข้าวเม่าทุกคนช่วยกันทำอย่างพร้อมใจตลอดเวลา ข้าวเหนียวนำมาตำข้าวเม่านั้นไม่ต้องแล้ว เพราะสามารถหาซื้อจากท้องถิ่นอื่นๆ

               พระมหาเม ยังบอกด้วยว่า วัตถุดิบทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นแป้งข้าวเหนียว น้ำตาล กล้วยไข่ ฯลฯ ได้รับการบริจาคจากลูกศิษย์ลูกหา หากไม่เพียงพอวัดก็มีการจัดซื้อเพิ่มเติมบ้าง โดยเฉพาะกล้วยไข่ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลัก ต้องสั่งมาจาก จ.กำแพงเพชรเท่านั้น เงินรายได้ทั้งหมดเข้าพัฒนาวัดตั้งแต่อดีตเจ้าอาวาส จำหน่ายมาตั้งแต่แพละ ๓ บาท ๕ บาท ๑๐ บาท ๑๕ บาท ก่อนจะขึ้นเป็น ๒๕ บาท วัดขายอยู่แพละ ๒๐ บาท เกือบ ๑๐ ปี