พระเครื่อง

พิพิธภัณฑ์ครุฑธ.ธนชาตแห่งเดียวในประเทศไทยและอาเซียน

พิพิธภัณฑ์ครุฑธ.ธนชาตแห่งเดียวในประเทศไทยและอาเซียน

22 ส.ค. 2557

พิพิธภัณฑ์ครุฑ ธ.ธนชาตแห่งเดียวในประเทศไทยและอาเซียน : ท่องไปในแดนธรรม เรื่อง ไตรเทพ ไกรงู ภาพ กุลพันธ์ ศิริพิมพ์อัมพร

               พิพิธภัณฑ์ครุฑของธนาคารธนชาต นับเป็นพิพิธภัณฑ์ครุฑแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยและในอาเซียน จัดสร้างขึ้นจากแนวความคิดของผู้บริหารธนาคารธนชาต ที่ต้องการส่งผ่านความเคารพและความรู้ในองค์ครุฑพระราชทาน ที่มีความสำคัญเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งพระเจ้าแผ่นดินและตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างความเชื่อ ความศรัทธาของคนไทยที่มีต่อองค์ครุฑ

               ตราพระครุฑนี้ถือเป็นสิ่งยืนยันเกียรติประวัติของธนาคารนครหลวงไทยมากว่า ๗๐ ปี หลังจากธนาคารนครหลวงไทยได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานเครื่องหมายครุฑพ่าห์มาติดตั้งอยู่ที่สำนักงานใหญ่ และที่สาขามาตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๘๔ มีการควบรวมกิจการกับธนาคารธนชาต เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ เป็นต้องอัญเชิญเครื่องหมายครุฑพ่าห์คืนให้แก่สำนักพระราชวัง ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายครุฑพ่าห์ ปี ๒๕๓๔ ที่บัญญัติไว้ว่า ให้บุคคล ห้างร้าน หรือบริษัทที่ได้รับพระราชทานตราตั้ง “เครื่องหมายครุฑพ่าห์” ต้องคืนตราตั้งให้แก่สำนักพระราชวัง เมื่อบุคคล ห้างร้าน หรือบริษัทนั้นๆ เลิกประกอบกิจการ หรือโอนกิจการให้แก่ผู้อื่น  

               ธนาคารธนชาต ซึ่งตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญขององค์ครุฑพระราชทาน ที่มีความผูกพันและความศรัทธามาอย่างยาวนานกับคนไทย จึงได้อัญเชิญองค์ครุฑไปประดิษฐานในที่อันเหมาะสม โดยมีการประกอบพิธีอย่างถูกต้องตามหลักประเพณีจากพระราชครูศิวาจารย์ ครูพราหมณ์ประจำราชสำนัก โดยทำพิธีกล่าวอัญเชิญองค์ครุฑ ทั้งที่หน้าอาคารสำนักงานใหญ่ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ และสาขาทั่วประเทศมาประดิษฐานที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ณ ศูนย์ฝึกอบรมธนาคารธนชาต บางปู

               นอกจากนี้แล้วพิพิธภัณฑ์ครุฑ ยังเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับครุฑในทุกๆ ด้าน โดยมีพื้นฐานความเชื่อจากคติจักรวาลในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และศาสนาพุทธ และเชื่อมโยงความสัมพันธ์กับสถาบันการปกครองของไทยอย่างลึกซึ้ง และครอบคลุมความเชื่อที่ปรากฏให้เห็นในสังคมไทยมาจนถึงปัจจุบัน

               เสน่ห์ขององค์ครุฑพระราชทานไม่ได้อยู่ที่ความสวยงามหรือท่วงท่าอันสง่างามที่แสดงพลังอำนาจอันน่าเกรงขามอย่างเดียว หากแต่อยู่ที่คุณค่าและประวัติศาสตร์การสร้างสรรค์ครุฑแต่ละองค์

               เราจะเห็นครุฑที่มีรูปร่างหน้าตา สีของผ้านุ่ง เครื่องทรงที่ไม่เหมือนกันเลยแม้แต่องค์เดียว เพราะเมื่อย้อนไปในอดีตจะพบว่าไม่มีกฎเกณฑ์ข้อบังคับที่กำหนดลักษณะของครุฑ องค์ครุฑพระราชทานทุกองค์ที่อัญเชิญมาประดิษฐานก็มีความเก่าแก่ต่างกันไป องค์ที่เก่าแก่ที่สุดเป็นครุฑจากสาขาแรกของธนาคารนครหลวงไทย คือ สาขาราชดำเนิน

๕ห้องจัดแสดง


               พิพิธภัณฑ์ครุฑแบ่งบริเวณจัดแสดงออกเป็น ๕ ห้อง ได้แก่ โถงต้อนรับ ครุฑพิมาน (ป่าหิมพานต์) นครนาคราช อมตะจ้าวเวหา และห้องจัดแสดงครุฑ เมื่อเดินเข้ามายังพิพิธภัณฑ์นี้จะมีสัญลักษณ์พิพิธภัณฑ์ครุฑเด่นเป็นสง่าอยู่กลางโถง ซึ่งด้านขวามือจะเป็นกาพย์ห่อโคลงที่กล่าวถึงพญาครุฑในแง่มุมทางพุทธศาสนา ที่ได้รับเกียรติจากยอดกวีแห่งยุครัตนโกสินทร์ อาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ประพันธ์ไว้ โดยถ่ายทอดความเป็นเทพของพญาครุฑที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับพระนารายณ์บนพื้นฐานของจักรวาล

               โถงต้อนรับที่เป็นรูปวงกลมจะมีภาพหน้าสาขาต่างๆ ของธนาคารนครหลวงไทยที่ถ่ายทอดความประทับใจเก็บไว้ ด้านขวามือของโถงมีวีดิทัศน์แนะนำเรื่องราวและความสำคัญของพญาครุฑ โดยอาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปวัฒนธรรมไทย และเป็นที่ปรึกษาในการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์ครุฑแห่งนี้ด้วย รวมถึงการบอกเล่าประสบการณ์การปั้นครุฑจากศาสตราภิชานสัญญา วงศ์อร่าม จากภาควิชาศิลปศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

               ครุฑพิมาน หรือวิมานแห่งครุฑ เป็นการรังสรรค์ห้องจัดแสดงส่วนนี้ให้เป็นป่าหิมพานต์ตามความเชื่อว่าถิ่นที่อยู่อาศัยของพญาครุฑ คือ ป่าหิมพานต์ ซึ่งเป็นดินแดนที่กำเนิดขึ้นภายใต้แนวความคิดศูนย์กลางของจักรวาลตามความเชื่อศาสนาพราหมณ์-ฮินดู อยู่ในห้องนี้ ก็จะได้เหมือนท่องไปในแดนหิมพานต์ มีการจำลองสัตว์วิเศษที่ปั้นเสมือนจริงและจัดวางตามทิศที่อยู่อาศัยจริงของป่าหิมพานต์ ต้นมักกะลีผล จำลองสระอโนดาตอยู่ตรงกลางของห้องจัดแสดงและมีการนำเข้าสู่ห้องจัดแสดงถัดไปโดยมีแม่น้ำมหานทีสีทันดรเชื่อมระหว่างห้อง

               นครนาคราช เป็นการเนรมิตอุโมงค์ทางเดินกว่า ๑๐ เมตรให้กลายเป็นมหานครใต้น้ำ ทั้งสีสัน บรรยากาศ และวัสดุที่เลือกใช้ เพื่อให้สมกับเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของเจ้าแห่งสายน้ำอย่างพญานาค ซึ่งเป็นปรปักษ์ตลอดกาลของพญาครุฑ โดยในห้องมีจิตรกรรมฝาผนัง “ครุฑยุดนาค” ที่บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ของพญาครุฑและพญานาค


เติมเต็มเอกลักษณ์ไทย


               โครงการ “ธนชาต ริเริ่ม...เติมเต็ม เอกลักษณ์ไทย” ก้าวสู่ครั้งที่ ๔๓ เป็นโครงการของธนาคารธนชาต ปลุกกระแสคนไทยร่วมภูมิใจวัฒนธรรม โดยเปิดให้สถาบันการศึกษาส่งตัวแทนนักเรียนนักศึกษาจากทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการภายใต้กิจกรรม “การแข่งขันอ่านฟังเสียง” และ “การประกวดมารยาทไทย” ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และทุนการศึกษา ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และมีกำหนดจัดรอบชิงชนะเลิศรวมทุกภาค ในวันที่ ๑๗-๒๔ กันยายน ๒๕๕๗ ณ ธนาคารธนชาต อาคารสวนมะลิ

               โดยได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาไทยและมารยาทไทยจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ราชบัณฑิตยสถาน สำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ และกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมเป็นคณะกรรมการการตัดสิน ซึ่งสามารถสะท้อนถึงคุณภาพของโครงการได้เป็นอย่างดี

               นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนชาตนอกจากเป็นธนาคารที่ดำเนินธุรกิจตามปกติของธนาคารพาณิชย์ที่มุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าและคู่ค้าตามหลักธรรมาภิบาลแล้ว ยังมีหน้าที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ ความรับผิดชอบในฐานะคนไทยที่จะต้องเสริมสร้างสังคมของเราให้แข็งแกร่ง ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม เพื่อความยั่งยืนร่วมกันในระยะยาว จึงได้จัดกิจกรรมในโครงการ “ธนชาต ริเริ่ม...เติมเต็ม เอกลักษณ์ไทย” ขึ้นอย่างต่อเนื่องโดย มีวัตถุประสงค์เพื่อคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมอันดีของไทย และเสริมสร้างเยาวชนให้กลายเป็นต้นแบบทางวัฒนธรรมที่ดีและยั่งยืน

               "ธนาคารธนชาตมีความภูมิใจและถือเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของเราที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์และจรรโลงสิ่งดีๆ ให้เกิดแก่สังคมไทย ถึงแม้เราจะเป็นธนาคารที่มีภาพลักษณ์ที่ทันสมัย แต่เราก็ยังไม่ทิ้งเรื่องของวัฒนธรรมไทย และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดโครงการนี้จะช่วยกระตุ้นจิตสำนึกรักชาติและความเป็นไทยให้สืบต่อไปชั่วลูกชั่วหลาน” นายสมเจตน์ กล่าว

               สถาบันที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดและสมัครได้ทางเว็บไซต์ www.thanachartcsr.com (ธนชาตซีเอสอาร์) หรือทางโทรสาร หมายเลข ๐-๒๓๑๘-๗๒๓๑ และทางไปรษณีย์ ตู้ปณ.๑๑๗๐ ปณฝ.รามคำแหง กรุงเทพฯ ๑๐๒๔๑ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป