พระเครื่อง

หลวงพ่อผาง จิตฺตคุตโตวัดอุดมคงคาคีรีเขตต์

หลวงพ่อผาง จิตฺตคุตโตวัดอุดมคงคาคีรีเขตต์

21 ก.ค. 2557

หลวงพ่อผาง จิตฺตคุตโตวัดอุดมคงคาคีรีเขตต์ (วัดดูน) จ.ขอนแก่น : เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู

                เหรียญหลวงพ่อผาง จิตฺตคุตโต รุ่นแรก (เนื้อเงิน) วัดอุดมคงคาเขตต์ บล็อกสระอาแท็งก์น้ำ สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๒  เหรียญรุ่นนี้ครั้งแรกมีการจัดสร้าง ๒ วัดด้วยกัน คือ ๑.วัดป่าธรรมวิเวก อ.ชนบท จ. ขอนแก่น สร้างเนื้อทองแดงรมดำอย่างเดียว ๒.วัดศรีจันทร์ อ.เมือง จ.ขอนแก่น  เพื่อหารายได้สร้างเสนาสนะและแท็งก์น้ำในแหล่งชุมชน จึงเป็นที่มาของเหรียญสระอาหน้าเอียง บล็อกแท็งก์น้ำ

                ในครั้งนั้นให้ทำบุญบูชาสมัยนั้นเนื้อทองแดงเหรียญละ ๑๐ บาท ส่วนเหรียญเนื้อเงินให้บูชาเหรียญละ ๑๐๐ บาท หลังจากขอสร้างเสร็จแล้ว พระส่วนที่เหลือทั้งเนื้อเงินและทองแดงได้สมทบทุน คืนให้วัดป่าธรรมวิเวก นำไปให้บูชาต่อไปเพื่อหารายได้สร้างอุโบสถของวัดป่าธรรมวิเวก อ.ชนบท จ.ขอนแก่น

                ด้านหลังเหรียญรุ่นนี้จะมีจุดตายดูเวลาเอียง ๔๕  องศาหรือเหรียญที่ดูง่ายๆ ด้านหลังเหรียญจะเหมือนเงารางๆ เป็นรูปเจดีย์คว่ำ ระหว่างตรงกึ่งกลางยันต์ด้านหลังของเหรียญ บางท่านบอกเหมือนรูปแท็งก์น้ำ เหรียญรุ่นแรกบล็อกสระอาแท็งก์น้ำ (ซึ่งในจำนวนการสร้างรุ่นนี้มีเพียงรุ่นเดียวเท่านั้นที่สร้างเนื้อเงิน และเป็นรุ่นแรกในการจัดสร้างเนื้อเงิน)
 
                "ผาง ครองยุติ" เป็นชื่อและสกุลเดิมของ "หลวงพ่อผาง จิตฺตคุตฺโต" เกิดวันอังคารที่ ๕ สิงหาคม ๒๔๔๕ ณ บ้านกุดกะเสียน ต.เขื่องใน อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี เมื่ออายุได้ ๒๐ ปี (พ.ศ.๒๔๖๕) ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ตามประเพณีลูกผู้ชายชาวไทย และทดแทนพระคุณบิดามารดา สังกัดคณะมหานิกาย ณ วัดเขื่องกลาง บ้านเขื่องใน ต.เขื่องใน อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี มีพระครูดวน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ดี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ศึกษาพระธรรมวินัย มีความรู้พอสมควร เมื่อบวชได้ ๑ พรรษา จึงได้ลาสิกขาจากสมณเพศ ครั้นอายุได้ ๒๓ ปี ได้แต่งงานมีครอบครัวกับน.ส.จันดี สายเสมา คนบ้านแดงหม้อ ต.แดงหม้อ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี อยู่ด้วยกันมา ๒๑ ปี ไม่มีบุตร มีแต่บุตรบุญธรรม

                เมื่ออายุได้ ๔๓ ปี จึงได้ชวนกันกับภรรยาออกบวช ภรรยาได้บวชเป็นแม่ชี ท่านได้มอบสมบัติทรัพย์สินเงินทองทั้งหมดให้แก่นางหนูพาน ผู้เป็นบุตรบุญธรรม ซึ่งแต่งงานมีครอบครัวแล้ว ส่วนตัวท่านได้เข้าอุปสมบทอีกครั้ง เป็นครั้งที่ ๒ ในคณะมหานิกายเช่นเดิม ที่วัดคูขาด บ้านศรีสุข ต.เขื่องใน อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี มีพระครูศรีสุตตาภรณ์ (ตื๋อ) เป็นพระอุปัชฌาย์ ส่วนพระกรรมวาจาจารย์และพระอนุสาวนาจารย์ไม่ปรากฏ

                หลังจากบวชแล้วได้จำพรรษาที่วัดคูขาด บ้านศรีสุข อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี แต่ท่านได้เข้าศึกษาอบรมพระกรรมฐาน อยู่ในสำนักวัดป่าวารินชำราบ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี กับพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม (เจ้าคุณพระญาณวิศิษฎ์) และท่านพระอาจารย์มหาปิ่น ปญฺญาพโล และได้ทำการญัตติกรรมในคณะธรรมยุติ เมื่ออายุได้ ๔๗ ปี ณ วัดบ้านโนนหรือวัดทุ่ง โดยมีพระครูพินิจศีลคุณ (พระมหาอ่อน เจ้าคณะอำเภอเขื่องใน) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระมหาทราย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระมหาจันทร์เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่อวันพุธที่ ๒๓ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๙๑ ซึ่งเป็นการอุปสมบทเป็นครั้งที่ ๓ ของท่าน
 
                หลวงพ่อผางได้ปฏิบัติฝึกอบรมกรรมฐานอยู่ในสำนักท่านพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม พอสมควรแล้วก็ได้ออกธุดงค์ ปฏิบัติกรรมฐานไปวิเวกโดยลำพัง และได้เข้าอบรมอยู่กับท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ที่วัดป่าบ้านนามน จ.สกลนคร ได้พอสมควร ก็ท่องเที่ยววิเวกไปแต่ผู้เดียวในป่าเขา จ.เพชรบูรณ์ เป็นถิ่นทุรกันดารเป็นเวลาหลายปี

                ต่อมาใน พ.ศ.๒๔๙๒ ได้มาพักจำพรรษาที่วัดป่าบัลลังก์ศิลาทิพย์ บ้านแทน ต.บ้านแท่น อ.ชนบท จ.ขอนแก่น จำพรรษาได้ ๑ พรรษา พอออกพรรษาแล้วท่านจึงได้เดินธุดงค์ไปทางอ.มัญจาคีรี ชาวบ้านโสกใหญ่ บ้านดอนแก่นเฒ่า บ้านโสกน้ำขุ่น ได้พร้อมใจกันมานิมนต์หลวงปู่ ไปพักภาวนาที่เชิงเขาภูผาแดง อ.มัญจาคีรี ชาวบ้านเรียกสถานที่นั้นว่า "ดูน" เนื่องจากมีน้ำไหลออกมาจากภูเขาตลอดปี ชาวบ้านแถวนั้นถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีพระรูปใดเข้าไปอยู่ได้ และที่ตรงนี้เองที่ตรงกับที่ท่านเห็นในสมาธินิมิตทุกประการ ท่านจึงได้ชวนชาวบ้านสร้างเป็นวัด ชาวบ้านทั่วไปจึงเรียกว่า "วัดดูน" ตั้งแต่นั้นมา หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า "วัดอุดมคงคาคีรีเขตต์" แปลว่า วัดที่อุดมไปด้วยน้ำและมีภูเขาเป็นเขต

                ตั้งแต่ปี ๒๔๙๓ ท่านจึงได้จำพรรษาอยู่ที่วัดดูนเรื่อยมา และก็ได้เดินธุดงค์ไปตามที่ต่างๆ ได้ผจญกับเหตุการณ์ต่างๆ เป็นอย่างดี จึงกล่าวว่าท่านเป็นพระนักปฏิบัติและพระสุปฏิปันโนอย่างแท้จริงได้องค์หนึ่ง และเมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๒๕ หลวงปู่ได้ละสังขารในตอนบ่ายนั้น เวลา ๑๖.๕๔ น. ด้วยอาการสงบ สิริรวมอายุได้ ๘๐ ปี (๓๔ พรรษา) นับเป็นการจากไปของพระสุปฏิปันโน ผู้มีคุณธรรมอันเลิศรูปหนึ่ง ที่ไม่ปรารถนาลาภ ยศ สรรเสริญ หรือติดในโลกธรรมแต่ประการใด ดังคำที่ท่านพูดไว้ว่า "มีชื่อไม่อยากให้ปรากฏ มียศไม่อยากให้ลือชา มีวิชาไม่ให้เรียนยาก"

                ขอบคุณภาพพระจากนายศุภกนก์ธีร์ อนุศรี หรือที่รู้กันในนาม “เสี่ยโต่ง ขอนแก่น” นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังแห่งภาคอีสาน ที่นชอบการสะสมพระเครื่องสายพระป่า โดยเฉพาะเหรียญชุดทองคำ


อมตะธรรม "หลวงพ่อผาง"


                หลวงพ่อผาง จิตฺตคุตฺโต เป็นพระนักปฏิบัติที่มั่นคงอดทนเป็นเลิศรูปหนึ่ง ชอบทำมากกว่าพูด บทโอวาทเทศนาสั่งสอนต่างๆ จึงไม่ค่อยมี ท่านมีอุดมคติอยู่ว่า “มีชื่อบ่อยากให้ปรากฏมียศบ่อยากให้ลือชา” แต่ก็พอสรุปโอวาทที่หลวงปู่เคยพร่ำสอนบรรดาสานุศิษย์ เช่น

                ศีลข้อห้าเป็นข้อที่หลวงปู่ย้ำเน้นตลอดมา หลวงปู่มักจะให้โอวาทให้พรว่า “อย่าสิเอาพระรัตนตรัยไปกินเหล้า เด้อ”, “ให้สำบายๆ เด้อ”, “ให้อยู่ดีมีแฮง เด้อ”

                ให้พากันวางความตาย อย่าเสียดายความมี ตู้คัมภีร์ใหม่อยู่ในกายเฮานี่ หมายถึง ให้พากันวางความตายอย่าเสียดายความมั่งมี ตู้พระไตรปิฎกอยู่ในกายของเรานี้ 

                ให้พากันพายเฮือข่วมทะเลหลวงให้ม่นฝั่ง อย่าสิกลับต่าวปิ้นนำ พั่วหมากแบ่งดง หมายถึง ให้พากันกายเรือข้ามทะเลหลวงให้รอดฝั่ง อย่าได้กลับมาวนเวียนอยู่กับวัฏฏสงสาร

                มีดพร้าโต้ควงแบกท่วมหู คนมันบางท่อคูคันต้อน ซุยซำซะ ลากขี้ดินจำก้น หมายถึง คนผู้มีอาวุธคือปัญญาหรือศีลธรรมอันยิ่งใหญ่ ถึงแม้ว่าจะแสดงตนว่าไม่ดีอย่างไร เขาก็รู้ว่าเป็นคนดีอยู่นั่นเอง)

                คนสามบ้านกินน้ำส่างเดียว เที่ยวทางเดียว บ่เหยียบฮอยกัน หมายถึง คนสามหมู่บ้านดื่มน้ำจากบ่อเดียวกัน เดินบนเส้นทางเดียวกันแต่ไม่เหยียบรอยเท้ากัน หมายถึง คนทุกวันนี้ดื่มน้ำจากแหล่งเดียวกันคือ น้ำประปา และการเดินทางทุกวันนี้ใช้รถยนต์ไม่มีรอยเท้าให้เห็น

                อย่างได้มัวเมาหม่นนำดวงดอกไข่เน่า เมานำพั่วหมากหว้ามันสิช้าค่ำทาง หมายถึง อย่าได้มัวเพลิดเพลินอยู่กับดอกไม้หอมในป่า หรือลูกไม้ในป่า จะทำให้ชักช้าไปไม่ถึงที่หมาย หมายถึงอย่าได้มัวเพลินอยู่ในกามารมณ์ จะทำให้เราชักช้าไม่พ้นวัฏฏสงสาร

                นักปราชญ์ฮู่หลง หงส์ทองถึกบ้วง ควายบักตู้ตื่นไถ หมายถึง นักปราชญ์ยังมีโอกาสพลาด หงส์ทองยังมีโอกาสติดบ่วง และควายที่คุ้นกับไถก็ยังตื่นไถได้ หมายถึงบุคคลผู้รู้จักบาปบุญแล้วยังหลวงทำความชั่วได้ บุคคลผู้มีสติก็ยังขาดความระมัดระวัง และบุคคลที่เป็นผู้รู้แล้วยังเป็นพาลได้
 
                อย่าพากันเที่ยวทางเวิ่งเหิงหลายมันสิค่ำ เมานำพั่วหมากหว้ามันสิช้าค่ำทาง หมายถึง อย่าพากันเถลไถลออกจากทางตรงเดี๋ยวจะมีค่ำก่อน อย่ามัวเพลินกับผลไม้ป่าจะทำให้ชักช้ามือค่ำในระหว่างทางได้
 
                ศีลมีมากมายหลายข้อ บ่ต้องรักษาเหมิดทุกข้อดอก รักษาแต่ใจเจ้าของอย่างเดียวให้ดีท่อนั้น กาย วาจา กะสิดีไปนำกัน หมายถึง ศีลมีมากมายหลายข้อ ไม่ต้องรักษาหมดทุกข้อหรอก รักษาแต่ใจตัวเองอย่างเดียวให้ดีเท่านั้น กายวาจาก็จะดีไปด้วยกัน