
'มจร'ชูวิทยานิพนธ์'จริยธรรมตร.'เยี่ยม
'มจร'ชูวิทยานิพนธ์'จริยธรรมตร.'เยี่ยม แนะวิธีสร้างภาพลักษณ์'ผู้พิทักษ์แนวพุทธ' : สำราญ สมพงษ์รายงาน
เป็นที่ทราบกันดีว่าภาพลักษณ์ของข้าราชการตำรวจที่ผ่านมาที่ได้นามว่า "ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์" นั้น ถูกมองในแง่ลบกลายเป็น "ผู้พิทักษณ์นาย" เนื่องจากมีพฤติกรรมในการับใช้นักการเมือง
ด้วยเหตุผลนี้เองยุคที่ "คสช." เข้ามาเก็บกวาดบ้านเมืองสร้างวินัยให้กับคนไทยใหม่ พร้อมกับกระแสให้มีการปฏิรูปหรือปรับโครงสร้างตำรวจเสีย ดาบแรกที่ออกมาคือประกาศ 3 ฉบับ โดยจัดโครงสร้างของคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) เสียใหม่ โดยลดจำนวนกก.ฝ่ายการเมืองลงจากเดิม 3 คนเหลือ 2 คน เพราะ ก.ต.ช.นี้มีอำนาจในการเลือก ผบ.ตร.คนใหม่ พร้อมกันนี้ยังได้รื้อเกณฑ์การแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจโดยให้นับอาวุโสเป็นสำคัญทั้งนี้เพื่อสกัด "นักวิ่ง"
แนวทางตามประกาศของ คสช. นี้ คงจะเป็นแนวทางหนึ่งในการปฏิรูปตำรวจ แต่หัวใจสำคัญอยู่ที่หัวใจของตำรวจว่าจะเป็น "ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์" อย่างแท้จริงหรือไม่ เพราะการจะเป็นได้นั้นจะต้องมีจิตอาสาทำงานเพื่อส่วนรวมไม่ใช่เพื่อส่วนตน ด้วยเหตุนี้จึงมีผลงานวิจัยที่เกี่ยวกับตำรวจออกมาอย่างต่อเนื่องจากสถานการศึกษาต่างๆ
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) แม้นว่าจะเป็นสถานการศึกษาของคณะสงฆ์แต่ปัจจุบันนี้มีทั้งพระและฆราวาสเข้ามาศึกษาเป็นจำนวนมาก เพราะมีการเปิดการศึกษาถึงระดับปริญญาเอกและแบบนานาชาติ มีบุคคลหลายระดับรวมถึงตำรวจก็เข้ามาเรียนด้วยแล้วผันตัวเองไปเป็นอนุศาสนาจารย์ตำรวจ และมีผลงานวิทยานิพนธ์ของนิสิตที่ประกอบการศึกษาโดยประยุกต์หลักธรรมคำสอนพระพุทธศาสนาเข้ากับจริยธรรมของตำรวจอยู่ไม่น้อย
ในแต่ละปีการศึกษาทางบัณฑิตวิทยาลัย มจร จะคัดเลือกผลงานสารนิพนธ์และวิทยานิพนธ์ดีเด่นเพื่อจัดแสดงให้กับสาธารณชนได้รับทราบและเพื่อเป็นแนวทางในการนำไปปรับใช้และแก้ปัญหาทั้งระดับบุคคล องค์กร เอกชน และภาครัฐ และในปีนี้ผลการคัดเลือกได้ออกมาแล้ว ปรากฏว่าวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอก เรื่อง "วิธีการพัฒนาจริยธรรมของข้าราชการตำรวจเชิงพุทธบูรณาการ" โดยนางตวงเพชร สมศรี ได้รับเลือกเป็นวิทยานิพนธ์ระดับดีด้วย
และวิทยานิพนธ์ดังกล่าวจะจัดแสดงในงานสัมมนาผลงานวิจัยและวิทยานิพนธ์ดีเด่นประจำปีการศึกษา 2556 ในวันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ2557 ณ อาคารหอประชุม มวก.48 พรรษา มหาวชิราลงกรณ์ มจร ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมกับวิทยานิพนธ์ระดับดีระดับปริญญาเอกอีก 4 เล่ม ระดับปริญญาโท 1 เล่ม และระดับชมเชย 4 เล่ม
ทั้งนี้นางตวงเพชรได้สรุปผลงานวิทยานิพนธ์เรื่องดังกล่าวดังนี้ วิทยานิพนธ์เรื่อง "วิธีการพัฒนาจริยธรรมของข้าราชการตำรวจเชิงพุทธบูรณาการ" มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย คือ 1) เพื่อศึกษาจริยธรรมและวิธีการพัฒนาจริยธรรมของข้าราชการตำรวจ 2) เพื่อศึกษาหลักพุทธธรรมที่ใช้บูรณาการวิธีการพัฒนาจริยธรรมของข้าราชการตำรวจ 3) เพื่อศึกษาวิธีการและเสนอองค์ความรู้ใหม่ที่เป็นวิธีการพัฒนาจริยธรรมของข้าราชการตำรวจเชิงพุทธบูรณาการ โดยการศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการสัมภาษณ์นักวิชาการและผู้ทรงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์ ด้วยการนำเสนอในรูปแบบพรรณนาโวหาร
ผลการศึกษาพบว่า วิธีการพัฒนาจริยธรรมของข้าราชการตำรวจ มี 8 วิธี ทั้งนี้ ในทุกวิธีการได้พบปัญหาและอุปสรรคที่ทำให้การพัฒนาไม่ประสบผลสำเร็จ จึงเสนอให้นำหลักพุทธธรรมมาใช้บูรณาการวิธีการพัฒนาจริยธรรมของข้าราชการตำรวจ เพื่อให้อยู่บนพื้นฐานของการมีคุณธรรม จริยธรรมประจำใจ อันจะก่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีต่อองค์กรอย่างยั่งยืน
วิธีการพัฒนาจริยธรรมของข้าราชการตำรวจเชิงพุทธบูรณาการ มีดังนี้ 1) วิธีการพัฒนาจริยธรรมของข้าราชการตำรวจด้วยการสนับสนุนและส่งเสริมให้บุคคลหรือหน่วยงานภายนอก เข้ามามีส่วนในการควบคุมตรวจสอบจริยธรรมของข้าราชการเพิ่มขึ้น ปัญหาที่พบคือ การนำพรรคพวกเดียวกันเข้ามาตรวจสอบหรือตัดสินพิจารณาดำเนินการใดๆ จึงมักไม่ค่อยตรงไปตรงมา การนำหลักอคติ 4 มาใช้บูรณาการจะสามารถทำให้ประสบผลสำเร็จได้ทำให้เกิดผลเป็นความเที่ยงตรง ยุติธรรม
2) วิธีการพัฒนาจริยธรรมของข้าราชการตำรวจด้วยการสนับสนุนให้ดำเนินคดี และลงโทษข้าราชการที่ประพฤติมิชอบตามบทบัญญัติของกฎหมายอย่างเคร่งครัด ปัญหาที่พบคือ การละเลยการลงโทษอย่างเข้มงวดทำให้ ข้าราชการที่ประพฤติมิชอบ ไม่ปฏิบัติตามระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด การนำหลักไตรสิกขามาผสมผสานกับการบังคับใช้วิธีการนี้จะช่วยทำให้ลดปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้เกิดผลเป็นความสุจริต
3) การต่อต้านหรือไม่สนับสนุนค่านิยมของข้าราชการตำรวจไทยที่มีอยู่แล้วในสังคม ที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ ปัญหาที่พบคือ ยังไม่มีการนำเป็นนโยบายอย่างเป็นรูปธรรมที่ต่อเนื่องและชัดเจน การนำหลักบุญกิริยาวัตถุมาใช้บูรณาการอย่างถูกต้องจะช่วยลดปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่ให้น้อยลงทำให้เกิดผลเป็นการคิดถูก การกระทำในสิ่งที่ถูกต้อง
4) ผู้บังคับบัญชาควรประพฤติตัวเป็นแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติราชการ ปัญหาที่พบคือผู้บังคับบัญชาระดับสูงจะมีการแต่งตั้งโยกย้ายบ่อยครั้ง อาจเป็นปัญหาให้การบริหารงานขาดความต่อเนื่อง การนำหลักพรหมวิหาร 4 มาใช้บูรณาการ โดยเน้นพัฒนาจากภายในสู่ภายนอก เป็นการฝึกการมีคุณธรรม ก่อนจะนำไปสู่การเป็นคนดีของสังคมอย่างถาวร ทำให้เกิดผลเป็นผู้นำต้นแบบเป็นตัวอย่างที่ดี
5) การสนับสนุนให้นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาเป็นแนวทางในการปฏิบัติราชการ ปัญหาที่พบคือ นโยบายบริหารงานของผู้บังคับบัญชา เป็นไปตามสภาพของแต่ละพื้นที่ การนำหลักสันโดษมาใช้บูรณาการในการดำเนินชีวิตและปฏิบัติหน้าที่ทำให้เห็นคุณค่าของความเป็นอยู่ที่พอเพียงชัดเจนมากขึ้นทำให้เกิดผลเป็นคนที่รู้จักความพอดีไม่ฟุ้งเฟ้อเกินตัว
6) วิธีการส่งเสริมให้นำการบริหารงานราชการตามแนวทางการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ปัญหาที่พบคือไม่ยึดถือกฎระเบียบ ขาดคุณธรรม ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน ขาดความรับผิดชอบในการดำเนินงาน การนำหลักทศพิธราชธรรมมาใช้บูรณาการในการปฏิบัติหน้าที่ จะทำให้เกิดผลสำเร็จตามเป้าหมายได้ทำให้เกิดผลเป็นคนที่มีคุณภาพในการทำงาน
7) วิธีการสนับสนุนให้ผู้บังคับบัญชา ผู้บริหาร หรือแกนนำในการปฏิบัติราชการนำหลักธรรมมาปรับใช้ ปัญหาที่พบคือ ยังไม่มีการนำหลักพุทธธรรมเข้ามาสอดแทรกกับกฎระเบียบต่างๆ ที่ชัดเจน การนำหลักกุศลกรรมบถมาใช้บูรณาการในการส่งเสริมให้เป็นผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบทำให้เกิดผลเป็นคนดีศรีสังคมหรือตำรวจดีมีคุณธรรม
8) วิธีการสนับสนุนให้หน่วยงานทั้งหลายรวมทั้งประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการควบคุมตรวจสอบการปฏิบัติราชการของข้าราชการด้านจริยธรรมอย่างต่อเนื่อง ปัญหาที่พบคือ ขาดการต่อเนื่องในการประสานงานและการนำไปปฏิบัติในบางพื้นที่ การนำหลักทิศ 6 มาใช้บูรณาการสร้างเสริมการมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับบุคคลรอบข้างหรือบุคคลที่จะต้องติดต่อประสานงานหรือผู้ที่เกี่ยวข้องด้วยจะช่วยทำให้การทำงานร่วมกันมีความสุขเป็นการสร้างมิตรภาพที่ดีต่อกันกับคนในชุมชนอย่างยั่งยืนทำให้เกิดผลเป็นที่รักของทุกคน
องค์ความรู้ใหม่ที่ได้จากการวิจัย คือ “ PTTFCTTD = GOOD POLICE MODEL” ซึ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนาจริยธรรมของข้าราชการตำรวจและเป็นประโยชน์ต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติในปัจจุบันเป็นอย่างมาก ทำให้การพัฒนาจริยธรรมของข้าราชการตำรวจเกิดผลสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ มีคุณค่า ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม สามารถอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสงบสุข
หาก "คสช." หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการปฏิรูปโครงสร้างตำรวจ จะได้นำหลักการทางพระพุทธศาสนาตามวิทยานิพนธ์ของนางตวงเพชรเสนอ หรือของนิสิตคนอื่นๆของ มจร ไปประยุกต์ใช้เชื่อแน่ว่าภาพลักษณ์ของตำรวจจะมีภาพของ "ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์" กลับคืนมาและยั่งยืนอย่างแน่นอนขอฟังธง เพราะการจะเป็น "ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์" ได้นั้น จะต้องเกิดจากข้างใน