
หลวงปู่สิงห์วัดโบสถ์จ.สุรินทร์พระสายกรรมฐานที่มีพลังจิตแรง
หลวงปู่สิงห์วัดโบสถ์จ.สุรินทร์พระสายกรรมฐานที่มีพลังจิตแรง
พระครูวิเชียรธรรมคุณ (วิเชียร) เดิมชื่อ สิงห์ ท่านเกิดที่ อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ เมื่อวันที่ ๑๓ เมษายน ๒๔๗๒ ชีวิตในวัยเด็กท่านได้ศึกษาวิชาการต่างๆ กับ หลวงพ่อจูม วัดบ้านดงถาวร จนกระทั่งอายุ ๒๕ ปี จึงเดินทางไป จ.สมุทรปราการ อยู่ช่วยงานสร้างวัดอโศการาม กับท่านพ่อลี เป็นเวลา ๒ ปี
ระหว่างนั้นท่านพ่อลีได้สั่งสอนเรื่องการปฏิบัติธรรม และชวนให้ท่านบวช โดยบอกว่าถ้าท่านบวชก่อน พ.ศ.๒๕๐๐ ท่านจะสำเร็จอย่างรวดเร็ว ถ้าบวชหลังจากนั้นเวลาจะยืดออกไปอีก แต่ท่านจะมีฤทธิ์มาก
ระหว่างนั้นพระอาจารย์สมชาย ฐิตวิริโย เดินทางมาเยี่ยมท่านพ่อลี จึงชวนท่านไปช่วยสร้างวัดเขาสุกริม แต่อยู่ได้เพียง ๒ เดือนท่านก็ตัดสินใจลงไปทำงานที่ จ.พังงา
จนกระทั่งมีเหตุดลจิตดลใจให้ท่านต้องละทิ้งทางโลก เมื่อท่านไปจับ "กบ" มาได้ตัวหนึ่ง ขณะกำลังจะผ่าท้อง ท่านได้ยินเสียงกบร้องออกมาว่า “พุทโธ”
ทำให้ท่านนึกถึงคำสอนของท่านพ่อลี จนเกิดแรงบันดาลใจให้ท่านทำตามโชคชะตา เพื่อต่อยอดจากผลบุญที่สะสมมาแล้วหลายชาติ จึงตกลงใจกลับมาบ้านเกิดเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ เมื่ออายุได้ ๔๐ ปี หลังจากบรรพชาแล้ว ท่านได้เดินทางไปศึกษาและปฏิบัติธรรมจากอาจารย์ที่มีความสามารถสูง ในเรื่องวิปัสสนากรรมฐานหลายท่าน รวมทั้งหลวงปู่ชา สุภัทโธ หลวงปู่สาม อกิญจโน และหลวงปู่ดุลย์ อตุโล
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ญาณสมาธิของท่านรุดหน้าอย่างรวดเร็ว และก็เป็นไปตามคำทำนายของ ท่านพ่อลี คือ การบวชหลังปี ๒๕๐๐ ทำให้เกิดพระสงฆ์ที่เพียบพร้อมไปด้วยบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์ขึ้นในวงการศาสนาอีกหนึ่งองค์ จนเป็นที่ยอมรับของพระผู้สำเร็จธรรมขั้นสูงจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลวงปู่ดุลย์ อตุโล ได้กล่าวย้ำกับลูกศิษย์ลูกหาหลายรูปและหลายท่านว่า หลวงปู่สิงห์ คือ พระแท้ๆ ทั้งๆ ที่ท่านพึ่งบวชได้ไม่กี่พรรษา และแม้ว่าท่านจะบวชเมื่ออายุมากแล้ว แต่ผู้เขียนกลับมองว่า นี่แหละคือสิ่งขับเคลื่อนที่ดี เพราะท่านได้ผ่านชีวิตชายชาตรีมาแล้วอย่างโชกโชน การบวชแสดงถึงความเบื่อหน่ายทางโลกอย่างแท้จริง
ด้านอิทธิฤทธิ์อันเป็นผลมาจากความมานะในการวิปัสสนากรรมฐาน ประกอบกับบารมีและจริตที่ติดตัวมาแต่ชาติปางก่อน ทำให้ท่านแสดงความสามารถที่อาจารย์ต่างๆ ในอดีตเคยทำมาแล้วได้ทุกอย่างเช่น
หลวงปู่ดุลย์ เคยบอกกับลูกศิษย์ว่า พระสายกรรมฐานที่มีพลังจิตแรงมากๆ มีหลายท่าน หนึ่งในนั้นก็คือ พระสิงห์ ธมมสาโร
ความแรงในพลังจิตของหลวงปู่สิงห์นั้น ท่านมีมาตั้งแต่ยังสังกัดอยู่ในมหานิกาย ที่สามารถเพ่งรถไฟจนหยุดตามคำขอของหลวงพ่อท่านหนึ่ง จนกระทั่งหลวงปู่ดุลย์ ทราบเรื่องจึงได้ห้ามท่านในเรื่องทำนองนี้
ด้วยความยึดมั่นในการปฏิบัติธรรม ท่านจึงไม่อนุญาตให้ใครจัดสร้างวัตถุมงคลของท่านง่ายๆ วัตถุมงคลของท่านจึงมีน้อย ทำให้ท่านไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วไปมากนัก แม้แต่คนในท้องถิ่นที่เคารพศรัทธาท่าน ล้วนแต่เป็นคนที่รู้จักใกล้ชิดท่าน ส่วนใหญ่จะมองท่านเป็นเพียง "หลวงตาแก่ๆ" รูปหนึ่งเท่านั้น โดยหารู้ไม่ว่าตัวตนที่แท้จริงของท่านนั้นคือ "ทองคำแท้ทั้งองค์"
ท่านเพิ่งอนุญาตให้จัดสร้างวัตถุมงคลได้เมื่อ ๒-๓ ปีที่ผ่านมานี้เอง สิ่งที่ท่านเน้นกับลูกศิษย์เสมอๆ คือ การปฏิบัติธรรม โดยท่านมีวัตรปฏิบัติเป็นตัวอย่าง ทั้งยึดมั่นในพระธรรมวินัย ถือศีลอย่างเคร่งครัด ทุกวันท่านจะตื่นตอนตี ๒ เพื่อทำวัตรเช้าและปฏิบัติธรรมกรรมฐาน
คำสอนประจำของท่าน คือ สีเลนะ สุคะติง ยันติ ศีลนำสุขมาให้สีเลนะ โภคสัมปทา ศีลนำมาซึ่งโภคทรัพย์ สีเลนะ นิพพุติง ยันติ ศีล เป็นหนทางนำไปสู่นิพพาน
นี่คือ..."เพชรน้ำเอกของจังหวัดสุรินทร์" ท่านที่สนใจวัตถุมงคล หรือต้องการไปกราบไหว้หลวงปู่ สอบถามได้ที่...พระสุรฤทธิ์ ธมมทินโน โทร.๐๘-๕๗๖๖-๕๘๙๘ หรือที่ www.rachandam.com <http://www.rachandam.com/>