พระเครื่อง

สุขสะสม-สะสมสุขพระสายป่าของ'เสี่ยโต่งขอนแก่น'

สุขสะสม-สะสมสุขพระสายป่าของ'เสี่ยโต่งขอนแก่น'

17 มิ.ย. 2557

สุขสะสม-สะสมสุขพระสายป่าของ'เสี่ยโต่ง ขอนแก่น' : เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู

              “ผมเก็บพระเนื้อทองคำเพื่อเป็นสำเนาชีวิต เป็นความภูมิใจอย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิตเราได้ขึ้นชื่อว่า เราได้เก็บสิ่งที่เรารัก สิ่งที่เราศรัทธา เป็นสิ่งที่ทรงคุณค่าที่สุด ที่สำคัญ คือ กราบได้ ไหว้ได้ คุ้มครองได้ และอธิษฐานขอได้ แต่ถ้าเก็บเงินสดสิ่งแรกอาจจะมีทุกข์มากกว่า เพราะสามารถหยิบยืมได้ง่าย ที่สำคัญเวลาผ่านไปค่าของเงินลดลง ในขณะที่การสะสมพระเครื่องค่าจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อกาลเวลาผ่านไป รวมทั้งไม่มีใครกล้าขอยืม” นี่เป็นสุขสะสมในการสะสมพระเครื่องของนายศุภกนก์ธีร์ อนุศรี หรือที่รู้กันในนาม “เสี่ยโต่ง ขอนแก่น” นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังแห่งภาคอีสาน

              อย่างไรก็ตามการสะสมพระเครื่องไว้มากๆ หลายคนอาจจะมองว่า “บ้าหอบฟางหรือเปล่า?” เสี่ยโต่งพูดไว้อย่างน่าคิดว่า “การสะสมเป็นกิเลสอย่างหนึ่ง แต่เป็นกิเลสในเชิงบวก ที่สำคัญคือ ความสุขของคนไม่เหมือนกัน ความสุขในการใช้ชีวิตของคนไม่เหมือนกัน บางคนเลือกสะสมรถ บางคนเลือกสะสมแสตมป์ บางคนสะสมของเก่า สุดแล้วแต่ใครจะชอบทางใด แรกเริ่มผมสะสมพระเพื่อหวังพึ่งพุทธคุณ สามารถคุ้มครองตัวเองได้ แต่เมื่อต้องใช้เงินพระก็ช่วยได้เช่นกัน

              พร้อมกันนี้ เสี่ยงโต่งยังบอกด้วยว่า การให้ใครยืมเงินจะเป็นไปตามคำพูดที่ว่า ทำให้เงินของตัวเองเป็นศัตรูกับตัวเอง แต่ถ้าจะซื้อพระนั้นจะต่างกันโดยสิ้นเชิง ต้องมาอ้อนวอนขอชนิดที่เรียกว่า ยิ่งกว่าจีบสาวด้วยซ้ำไป มีเงินอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีใจ มีความอ่อนน้อมถ่อมตน พูดจาไพเราะเสนาะหูด้วย เพราะการเช่าซื้อพระนั้นอยู่ที่ความพอใจของเจ้าของ ไม่ได้อยู่ที่เงินของผู้ซื้อ 

              ด้วยมูลค่าของพระที่เพิ่มขึ้นในภาวะเศรษฐกิจไม่ดี รวมทั้งบ้านเมืองไม่สงบ การแขวนพระที่มีราคาอาจจะเป็นภัย ดังนั้นการแขวนพระต้องพึ่งพาอาศัยกัน คือ “คนคุ้มครองพระ และพระก็คุ้มครองคน ไม่ใช่ว่ามีแล้วจะห้อยตลอด เส้นทางไหนไม่ปลอดภัยต้องไม่โอ้อวดว่ามีพระดี เดี๋ยวจะเป็นภัยแก่ตนเอง

              เสี่ยงโต่ง ขอนแก่น บอกว่า หากพูดถึงผลกำไรในการเก็บพระเครื่อง การเก็บพระเนื้อทองคำจะให้ผลตอบแทนสูงกว่าทุกเนื้อ กล่าวคือ เนื้อทั่วๆ ไปกำไรจะอยู่ที่ ๒๐-๓๐% ทั้งนี้ ถ้าเป็นเนื้อทองคำจะไม่ต่ำกว่า ๕๐-๖๐% เป็นขั้นต่ำจากราคาทุน ส่วนเรื่องการทำพระเนื้อทองคำปลอมนั้น มีอยู่เป็นเรื่องธรรมดา แต่เนื้อทองมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดมาก การเช่าพระเป็นเป็นการออมทรัพย์อย่างหนึ่งที่มีผลตอบแทนค่อนข้างสูงมาก อย่าง พระกริ่งหลวงปู่ทิม พ.ศ.๒๕๑๗ เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๓ ก้นทองแดงราคา ๓-๔ หมื่นบาท ผ่านไปกว่า ๑๐ ปี ราคาสูงถึง ๕-๖ แสนบาท พระกริ่งจอมสุรินทร์ ราคา ๒-๓ แสนบาท แต่ปัจจุบันราคาสูงถึง ๖-๗ แสนบาท ทั้งนี้ ต้องเก็บเฉพาะพระแท้เท่านั้น ถ้าเป็นพระใหม่ให้เน้นสายพระป่า และเนื้อหลักเนื้อผง เช่น ทองคำ เงิน นวะโลหะ

              ทุกวันนี้ เสี่ยงโต่ง ขอนแก่น จะขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าของรังพระทองคำสายป่าครบทุกพระเกจิ ครบทุกสำนัก แต่ทุกวันนี้เสี่ยโต่งยังซื้อพระเนื้อทองคำเข้ารังอยู่ดี โดยเฉพาะพระที่ปั้นและแกะแบบโดยช่างเกษม มงคลเจริญ ซึ่งเป็นที่ยอมรับว่าเป็นช่างแกะพิมพ์พระที่สวยมาก

สร้างเหรียญถวายพระสายป่ากรรมฐาน

              "ทุกขะโต ทุกขะถานัง หมายถึง ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว" เป็นคำสอนของหลวงพ่อขันตี ญาณวโร วัดป่าม่วงไข่ ต.สานตม อ.ภูเรือ จ.เลย ที่เสี่ยโต่ง ขอนแก่นยึดเป็นหลักในการทำบุญ ทั้งนี้ มีคำสอนของหลวงพ่อขันตีเรื่องการทำบุญ คือ "ให้สุขแก่ท่านสุขนั้นย่อมถึงตัว หรืออยากได้สุขต้องให้สุขก่อน"

              เสี่ยโต่ง บอกว่า คนมีบุญเท่านั้นที่ได้ทำบุญ บุญอย่างหนึ่งที่เสี่ยโต่งทำอย่างต่อเนื่องมากว่า ๑๐ ปี คือ อุปถัมภ์วัดป่าสายกรรมฐาน (สายหลวงปู่มั่น) ๑๐ วัด ในรูปแบบของการจ่ายค่าไฟฟ้าและข้าวสาร เป็นเวลาติดต่อมากว่า ๑๔ ปี โดยจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ เสี่ยโต่งมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่า "การให้ไฟฟ้าเหมือนการให้แสงสว่าง โดยที่ผ่านมาชีวิตผมรุ่งเรื่องสว่างไสวมาตลอด แม้นมีอุปสรรคก็มีทางออกมีผู้ชี้ทางให้

              ทุกครั้งที่คิดอะไรไม่ออก หรือเครียดจากการทำงาน ก็จะไปวัดป่าบ้านหนองพรือ จ.สกลนคร ซึ่งเป็นวัดเก่าพระอาจารย์มั่น เพื่อไปกราบรอยเดินจงกรมของท่าน โดยได้ตั้งจิตอธิษฐานสั่นๆ ว่า “ขอให้ได้ปัญญา” ก็จะคิดออกและแก้ปัญหาได้ทุกครั้งไป นอกจากนี้แล้วยังสวดมนต์พาหุงมหากา และยอดพระไตรปิฎกทุกวัน สวดมากกว่า ๑๐ ปีแล้ว โดยมีความเชื่อว่า "สวดแล้วมีเหตุมาเตือน รวมทั้งมีโชค

              นอกจากนี้แล้วเสี่ยโต่งยังสร้างพระเหรียญถวายพระสายป่ากรรมฐานเพื่อไว้แจกลูกศิษย์ เช่น หลวงพ่อขันตี ญาณวโร วัดป่าม่วงไข่ ท่านเป็นพระที่มีเมตตาสูง เด่นทางโภคทรัพย์ รวมทั้งเด่นด้านนิรันตราย ตลอดระยะเวลากว่า ๓๐ ปี ที่สะสมพระเครื่องมายังไม่มีรูปใดเก่งเท่าท่านหลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน ต.นาอ้อ อ.เมือง จ.เลย หลวงปู่มา ญาณวโร วัดสันติวิเวก อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด รวมทั้งสร้างพระพุทธรูปขนาดต่างๆ ถวายวัดน่าจะหลักหลายแสนองค์ บางรุ่นสร้างเกือบ ๕๐,๐๐๐ องค์


หลวงปู่ใหญ่พระคู่เมืองขอนแก่น

              "หลวงปู่ใหญ่" เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองขอนแก่น ประดิษฐานอยู่ในอุโบสถวัดโพธิ์ชัย ต.บ้านหว้า อ.เมือง จ.ขอนแก่น พุทธลักษณะหลวงปู่ใหญ่ พระพุทธรูป ปางสะดุ้งมาร เนื้อหินทรายโบกปูน ลงรัก ชาดหรดาร ปิดทอง หน้าตักกว้าง ๕๒.๒ นิ้ว สูง ๕๘.๘ นิ้ว ไม่มีเม็ดพระศก มีมวยผมคล้ายดังก้นหอย หรือคล้ายฝาละมี พระพักตร์แสดงอาการเคร่งขรึม พระขนงยาวโค้งดูกลมกลืนกับใบหน้า พระเนตรเหลือบต่ำเปิดกว้างแบบ  "ตาเนื้อ" พระนาสิกโด่งแต่ไม่งุ้มงอ

              พระโอษฐ์ใหญ่และยาวย้อยพอประมาณ พระวรกายทรงกระบอกแบบต้อ ครองจีวรห่มเฉลียง ชายสังฆาฏิด้านหน้าพาดพระอังสาซ้ายยาวจรวดพระนาภีปลายเป็นหางแซงแซว ชายสังฆาฏิด้านหลังจะยาวจรดแท่นประทับ แต่ก่อนแท่นประทับจะเป็นศิลาแลงก้อนใหญ่ และข้างนอกจะมีการบูรณะประมาณ ๑๐๐-๒๐๐ ปี อีกเพราะมีอิฐที่ปั้นจากดินก้อนใหญ่ยาวเกือบศอกทำลอบนอกอีกชั้น

              เมื่อครั้งความเจริญยังเข้าไม่ถึง ได้มีการลักลอบขุดที่ฐานประทับหลวงปู่ใหญ่ โจรใจบาปได้ไปก็เป็นส่วนน้อย แต่ส่วนที่เหลืออยู่ก็มาก อีกทั้งส่วนที่ยังไม่ได้ขุดเปิดดูก็มากทีเดียว ในครั้งนั้นพระที่บรรจุเข้าไปใหม่ที่เหลือจากคนร้ายเอาไปเท่าที่คนจำได้จะมีเป็นพระเนื้อสำริดสมัยเชียงรุ้ง (ลาว) เขมรองค์เล็กๆ พระหว่านพิมพ์ต่างๆ พระเนื้อชินตะกั่วสนิมแดงขนาดห้อยคอ พิมพ์เดียวกับกรุบ้านต้น และพิมพ์ต่างๆ อีกหลายร้อยองค์ ได้บรรจุใส่ไหแล้วเก็บไว้ในชุกชีโบกปูนไว้เหมือนเดิม

              เสี่ยงโต่ง ขอนแก่น บอกว่า เรื่องปาฏิหาริย์หลวงปู่นั้น มากเหลือคณาเลยทีเดียว คนทั้งตำบล ๑๓ หมู่บ้านนี้ รวมทั้งอำเภอและจังหวัดใกล้เคียงต่างก็มากราบวิงวอน หรือบนบานท่านตลอด หลวงปู่ท่านเป็นพระพุทธรูปที่เก่าแก่มากองค์หนึ่งไม่แปลกเลยที่รุกขเทวดา หรือ เทพยดาทั้งหลาย คอยรักษา คอยภิบาลท่านอยู่ จะกี่ปีผ่านมาก็ตามความศักดิ์สิทธิ์ของท่านก็คงประจักษ์แก่ผู้ที่ไปนมัสการท่านตลอดมา ส่วนคนเก่าแก่ท่านก็เห็นดวงไฟเป็นลำแสงเสด็จไปมาอยู่เสมอๆ เมื่อครั้งสร้างอุโบสถได้จัดสร้างพระบูชาหลวงปู่ใหญ่ โดยมีหลวงพ่อขันตี ญาณวโร วัดป่าม่วงไข่ ต.สานตม อ.ภูเรือ จ.เลย ร่วมพิธีพุทธาภิเษกในครั้งนั้นด้วย