
ยันต์มงกุฎพระพุทธเจ้าที่สุดแห่งยันต์หลังเหรียญ'อัฏฐะนาคราช'
ยันต์มงกุฎพระพุทธเจ้าที่สุดแห่งยันต์หลังเหรียญ'เหรียญอัฏฐะนาคราช' : ชั่วโมงเซียน อ.โสภณ
“เหรียญอัฏฐะนาคราช” และ “มหานาคราช ขนาดบูชา” เป็นวัตถุมงคลที่ พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครปฐม จัดสร้างขึ้นเพื่อนำปัจจัยร่วมสมทบสร้างวิหารหลวงพ่อพูล และสืบสานตำนานพระเวท หลวงพ่อพูล ทั้งนี้ได้ประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษก อธิษฐานจิตปลุกเสก วันเสาร์ที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๗ ณ สะดือแม่น้ำโขง วัดอาฮงศิลาวาส ต.หอคำ อ.เมือง จ.บึงกาฬ วันอาทิตย์ที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๗ ณ บริเวณบ้านก้นอ่าว อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง
“เหรียญอัฏฐะนาคราช” มณีนพรัตน์ สารพัดนึก พุทธศิลป์ด้านหน้า เนรมิตเป็นมหานาคราช ลายนาคเกี่ยวกระหวัดกัน ๘ หัว อันเป็นเอกลักษณ์ของพุทธศิลป์ไทย สื่อความหมายเชิงพระพุทธปรัชญาขั้นสูง มหานาคราช ๘ หัว แทนอริยมรรค ๘ หมายถึง ศาสนาแห่งสมณโคดมจะคงมั่นยืนยงแผ่ขยายไปทั่วผืนแผ่นดินบนโลกใบนี้
สำหรับยันต์ที่จารึก มี ๒ ชุด คือ ๑.ยันต์หัวใจศีล ที่ว่า "พุท ธะ สัง มิ" และ ๒.ยันต์หัวใจพาหุง ที่ว่า "พา มา นา อุ กะ สะ นะ ธุ" เป็นคาถาที่กล่าวถึงชัยชนะ ข ประการของพระพุทธเจ้า ให้สวดภาวนา พระคาถาหัวใจพาหุง ทุกวัน วันละ ๑๐๘ ครั้ง จะประสบแต่ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ ชนะศัตรู และอุปสรรค
ส่วนพุทธศิลป์ด้านหลัง “เหรียญอัฏฐะนาคราช” มณีนพรัตน์ สารพัดนึก ตรงกลางจารึก ยันต์มงกุฎพระพุทธเจ้า มี ๒ บท คือ
บทที่ ๑ คือ "อิติปิโสวิเสเสอิ อิเสเสพุทธะนาเมอิ อิเมนาพุทธะตังโสอิ อิโสตังพุทธะปิติอิ"
บทที่ ๒ คือ "ตะโจพระพุทธเจ้าจงมาเป็นหนัง มังสังพระธรรมเจ้าจงมาเป็นเนื้อ อัฐิพระสังฆเจ้าจงมาเป็นกระดูก ตรีเพชรคงคง อิสวาสุ สุสวาอิ พุทธะปิติอิ"
อุปเท่ห์ของคาถามงกุฎพระพุทธเจ้า เป็นคาถาครอบจักรวาล คือ ใช้ในการกระทำอะไรทั้งหลายทั้งปวง ที่จะเป็นมงคลหรือป้องกันสรรพภัยได้ร้อยแปด ให้สวดคาถามงกุฎพระพุทธเจ้าทุกคืน คืนละ ๙ จบ อานุภาพของพระคาถา ศัตรูจะพินาศเองเมื่อคิดประทุษร้าย จะเกิดผลในด้านมงคลทุกประการ
รอบนอกจารึกยันต์บารมี ๓๐ ทัศ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า พระสมติงสบารมี เป็นตำราของพระโบราณาจารย์ยุคเก่าตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เป็นสรรพวิชาที่ศักดิ์สิทธิ์สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน โบราณาจารย์จารึกไว้ว่า พระเวทวิชาบารมี ๓๐ ทัศ หรือพระบารมี ๓๐ ทัศ เป็นพระบารมีที่พระโพธิสัตว์ทุกๆ พระองค์
ด้วยความสำคัญแห่ง บารมี ๓๐ ทัศ นี้เองเป็นปฐมเหตุในคติโบราณประเพณีถือว่า ยันต์บารมี ๓๐ ทัศ เป็น "สุดยอดมหายันต์” และมีอุปเท่ห์ที่ว่า "พุทธคุณครอบจักวาลใช้ดีทุกด้าน" จึงเป็นผลให้พระเกจิอาจารย์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เมื่อทำผ้ายันต์มักจะใส่ยันต์บารมี ๓๐ ทัศ ไปด้วยเกือบทุกสำนัก ส่วนการใส่ลงบนเหรียญนั้น ด้วยเหตุที่ยันต์จำนวนมากและการทำเหรียญในอดีตยังไม่มีเทคนิคที่ทำให้ยันต์คมชัดเช่นปัจจุบัน จึงไม่ค่อยพบยันต์บารมี ๓๐ ทัศ
นอกจากนี้ยังมีวงในเป็น หัวใจพุทธคุณ หัวใจธรรมคุณ และ หัวใจสังฆคุณ ที่ขึ้นชื่อว่า "มีพุทธคุณครอบจักรวาล"
พญาอนันตนาคราช
ตามตำรับโบราณบันทึกไว้ “พญาอนันตนาคราช” มหามงคลคู่บารมี องค์พระนารายณ์ มีความหมาย ในโลกอนันต์ ไร้จุดจบ สามารถพันรอบโลกได้ เป็นโอรสองค์แรกในพระกัศยปะ และนางกัทรุ พญาอนันตนาคราช เป็นใหญ่ในเมืองบาดาลเป็นราชาแห่งนาคทั้งปวงในเกษียรสมุทรและได้ตามเสด็จพระนารายณ์เสมอ มีอิทธิฤทธิ์สามารถแปลงตัวได้ และสามารถบันดาลให้เกิดฝนได้ด้วย พญาอนันตนาคราช มี ๑,๐๐๐ เศียร ขดตัวอยู่กลางเกษียรสมุทร เป็นแท่นบรรทมให้พระนารายณ์ หลังจากพระนารายณ์ปราบผู้ที่มารบกวนเทวดาและมนุษย์ได้แล้ว พญาอนันตนาคราชสามารถพ่นพิษเป็นไฟบัลลัยกัลป์ล้างโลกได้เมื่อถึงเวลาสิ้นอายุของโลก เมื่อพระนารายณ์อวตารมาเป็นพระรามเพื่อปราบทศกัณฐ์ อนันตนาคราชก็มาเกิดเป็นพระลักษมณ์ช่วยพระรามทำสงครามกับทศกัณฐ์อีกด้วย
พญานาคราช ในพระพุทธศาสนา จารึกไว้ มีอยู่ก่อนสมัยพระพุทธเจ้า ดังเช่น หลังจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสรู้ธรรมพิเศษแล้ว ได้เสด็จไปตามเมืองต่างๆ เพื่อแสดงธรรมเทศนา มีคราหนึ่งได้เสด็จออกจากร่มไม้อธุปปาลนิโครธ ไปยังร่มไม้จิกชื่อ "มุจลินท์" ทรงนั่งเสวยวิมุตติสุข อยู่ ๗ วัน คราวเดียวกันนั้น มีฝนตกพรำๆ ประกอบไปด้วย ลมหนาวตลอด ๗ วัน ได้มีพญานาคชื่อ "มุจลินท์" เข้ามาวงด้วยขด ๗ รอบ พร้อมกับแผ่พังพานปกพระผู้มีพระภาคเจ้า เพื่อจะป้องกันฝนตก และลม มิให้ถูกพระวรกาย หลังจากฝนหายแล้ว คลายขนดออก แปลงเพศเป็นมานพ มายืนเฝ้า ที่เบื้องพระพักตร์ ด้วยความศรัทธาอย่างแรงกล้า
ความเชื่อดังกล่าวทำให้ชาวพุทธสร้างพระพุทธรูปปางนาคปรก แต่มักจะสร้างแบบพระนั่งบนตัวพญานาคราช ซึ่งดูเหมือนว่าเอาพญานาคราช เป็นบัลลังก์ เพื่อให้เกิดความสง่างาม และทำให้คิดว่า พญานาคราช คือผู้คุ้มครองพระศาสดา
วัดไผ่ล้อมได้จัดสร้าง "มหานาคราช ขนาดบูชา" หล่อขึ้นด้วยเนื้อขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาส เพ้นท์สีงดงามตามแบบพุทธศิลป์โบราณ ฐานเกษียรสมุทร มหานาคราชขดตัวเป็นวงล้อมรอบ ลูกแก้วสารพัดนึก ใต้ฐานจารึกยันต์มงกุฎพระพุทธเจ้า และยันต์บารมี ๓๐ ทัศ เพื่อความเป็นสิริมงคล ทรงอำนาจเหนือธรรมชาติ สร้าง ๓ ขนาด ประกอบด้วย ๕ นิ้ว ขนาด ๘ นิ้ว และ ขนาด ๒๑ นิ้ว
พิธีบูชาครู ชุมนุมเทพ
ตั้งแต่หลวงพ่อพูลละสังขาร หลวงพี่น้ำฝน จัดงานสานต่อประเพณีพิธี ไหว้ครู บูรพาจารย์ จัดต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยวันพฤหัสบดีที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๗ วัดไผ่ล้อม ได้จัดให้มีพิธีบูชาครูบูรพาจารย์ ชุมนุมเทพ บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อสิ่งที่มองไม่เห็น เพื่อเป็นการบูชาองค์เทพต่างๆ เป็นการทำบุญใหญ่บูชาครูบาอาจารย์
พิธีบูชาครูบูรพาจารย์ ชุมนุมเทพ เริ่มเวลา ๐๙.๓๙ น. พิธีเปิดศาสเพียงตาโดยโหรา ปู่เบิร์ด บ้านห้วยกรด
๑๙.๐๙ น. พิธีกวนน้ำอมฤต (น้ำทิพย์) โดยหลวงพี่น้ำฝน และ อ.พงษ์พรม ณภัหรไพบูลย์ (อ.เชน) อ.สักกเทพ วาณิชย์ (อ.กบ)
๑๙.๓๙ น. พิธีชุมนุมเทพ เปิดพระแม่บายศรี โดยโหรา ปู่เบิร์ด บ้านห้วยกรด หมอแผน ปรีชา แม่นภาเมืองทอง หมอก้อง โคราช หมอเอ๋ นาคา หลวงพี่น้ำฝน เป็นองค์ประธาน จุดเทียนชัย มหาโชค มหาลาภ มหาเมตตา มหามงคล เป่าแว่นเทียน ถวายบายศรี โดยพระลักษมีมาตา พ่อจ้าวทุ่ง (แม่หนอมสุพรรณ)
สำหรับร่างทรงที่จะมาร่วมงาน เช่น ๑.พระลักษมีมาตา พ่อจ้าวทุ่ง (แม่หนอมสุพรรณ) ๒.แม่ย่าโขนสุโขทัย บางแพ ๓.พ่อนารายน์ แม่ลักษมี (พ่อกุมารเนื้อทอง) ปราณบุรี ๔.ปู่สมิงนารายน์ ตะโกสูง ๕.พ่อเอกาทศรถ หุบกระพง ๖.เจ้าพี่เอกชัย มาลัยแก้ว กาญจนบุรี ๗.เสด็จพี่พลายชุมพล พระงาม ๒ ๘.เสด็จพ่อปิยะ บางเลน ๙.พ่อเจ้าหลวงกาวิละ ณ เชียงใหม่ ๑๐.เสด็จพ่อจุลทิพวรรณ เจ้าพ่อกวนอู กำแพงเหนือ ๑๑.ปู่ศรีเทพ บ้านโพธิ์คู่ ๑๒.สมิงขาว บ้านดอนชะเอม และ ๑๓.อากงไถ่เซียงเหล่ากุง ดอนเสลา บ้านโป่ง เป็นต้น
หลวงพี่น้ำฝน บอกว่า ในทางพระพุทธศาสนา ก่อนพระพุทธศักราช พระศาสนาของตถาคต องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก่อนที่ท่านจะเสด็จดับขันธ์เข้าสู่พระปรินิพพาน ได้ตรัสถามพระอานนท์ว่า ในศาสนาของตถาคต รวมทั้งหมด ๕,๐๐๐ ปี ใครจะมาทำหน้าที่อะไรบ้าง พระอานนท์กราบทูลว่า ขอให้พระภิกษุสงฆ์ สามเณร ภิกษุณี นางชีพราหมณ์ อุบาสก อุบาสิกา เป็นผู้ดูแลและบำรุงพระศาสนา กึ่งหนึ่งเป็นเวลา ๒,๕๐๐ ปี พระพุทธเจ้าท่านทรงอนุญาต แล้วทรงถามต่อไปอีกว่า ใครจะขออะไรบ้าง ปวงเทพทั้งหลาย มีพระอินทร์ พระพรหม พระยม พระกาฬ และเหล่าเทวดาอารักษ์ทั้งหลาย จึงพร้อมใจกันกราบทูลขอให้ปวงเทพได้ดูแล และบำรุงพระพุทธศาสนาต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในพิธีบูชาครูบูรพาจารย์ ชุมนุมเทพ บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงขอเชิญทุกสายพระญาณบารมีพร้อมกายสังขารมาร่วมพิธี เพื่อเสริมบารมี บูชาครู ชุมนุมเทพ ในครั้งนี้โดยพร้อมเพรียงกัน