
พระเบญจภาคีพันล้าน!ในงานประกวดพระของ'ตำรวจนครบาล'
พระเบญจภาคีพันล้าน!ในงานประกวดพระของ'ตำรวจนครบาล' : เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู
“๓๙ ล้านบาท” เป็นตัวเลขรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่ายของการจัดงานประกวดพระ โดย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๗ ณ ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน เพื่อเป็นสวัสดิการแก่ตำรวจนครบาลที่บาดเจ็บและเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งช่วยเหลือครอบครัว โดยตำรวจทุกกองบังคับการนครบาล ๑-๙ ร่วมกันลงขันเป็นทุนจัดงานนี้ไว้แล้ว ๒๒ ล้านบาท
ทั้งนี้ หากมองจากรายได้ของการจัดงานแล้ว คนนอกวงการพระเครื่องอาจจะมองว่า “เป็นงานที่ประสบความสำเร็จ” แต่ในวงการพระเครื่องกลับมองว่า “ความสำเร็จของการจัดงานประกวดพระอยู่ที่รายได้จากยอดเงินที่คนส่งพระเข้าพระกวด” โดยครั้งนี้มีรายได้มากถึง ๔ ล้านบาท ถือว่าเป็นงานประกวดพระที่ประสบความสำเร็จจริงๆ ที่สำคัญคือ “มีพระชุดเบญจภาคีเข้าประกวดมีค่ากว่าพันล้านบาท”
นายวันชัย สอนมีทอง ประธานฝ่ายประสานงานสื่อมวลชนสมาคมพระเครื่องพระบูชาไทย บอกว่า ความสำเร็จของการจัดงานประกวดพระจะพิจารณาเฉพาะรายได้รวมอย่างเดียวไม่ได้ การได้รับเงินบริจาคจากผู้สนับสนุนมากขึ้นอยู่กับผู้จัดว่ามีบารมีมากเพียงใด ความสำเร็จจริงๆ อยู่ที่ค่าบัตรผ่านประตูและค่าจำหน่ายกล่องพระ เพราะทั้ง ๒ ส่วนนี้เป็นรายได้ที่เกิดจากผู้เข้าชมงานและผู้ส่งพระเข้าประกวด
ในอดีตที่ผ่านมา เมื่อมีเหตุการณ์ความไม่สงบของบ้านเมืองเกิดขึ้น งานประกวดพระที่จัดโดยทหาร ตำรวจ รวมทั้งหน่วยงานราชการมักถูกยกเลิก การกำหนดวันประกวดพระเครื่องเป็นเรื่องสำคัญ หากเลือกจัดในวันไม่ดีมีสิทธิ์ขาดทุนสูง โดยหลักแล้วการจัดงานจะเลือกจัดในวันอาทิตย์ แต่ถ้าเป็นวันอาทิตย์ตรงกับวันที่ ๑ หรือ ๑๖ ซึ่งเป็นวันหวยออก จะไม่มีการจัดงานในวันดังกล่าวเด็ดขาด ส่วนใหญ่จะเลื่อนไปจัดในวันเสาร์แทน แต่ไม่ค่อยมีให้เห็นบ่อยนัก
ขณะที่วันอาทิตย์ใดตรงกับวันสำคัญของชาติ เช่น วันพ่อ วันแม่ รวมทั้งวันสำคัญทางศาสนาก็จะไม่มีการจัดด้วย นอกจากนี้วันอาทิตย์ใดตรงกับวันเลือกตั้งระดับประเทศก็จะไม่มีการจัดเช่นกัน
สำหรับความสำเร็จของงานประกวดพระของตำรวจนครบาล นายวันชัย บอกว่า เกิดจากความไม่สงบทางการเมือง ทำให้งานประกวดพระภายในกรุงเทพฯ และปริมณฑลว่างเว้นเป็นเวลานาน โดยเฉพาะที่ห้างพันธุ์ทิพย์ ซึ่งเป็นศูนย์รวมของเซียนพระ ที่ว่างเว้นงานประกวดพระมาตั้งแต่ปลายปี ๒๕๕๔ เมื่อมีการปะพระเครื่องใครๆ จึงอยากส่งพระเข้าประกวด เพราะพระเครื่องที่ติดรางวัลสนามประกวดพระห้างพันธุ์ทิพย์ สามารถไปคุยได้ว่า “พระติดรางวัลงานประกวดที่ห้างพันธุ์ทิพย์” สามารถคิดราคาพระบวกเพิ่มขึ้นได้ มากกว่าการประกวดพระสนามอื่นๆ
“ผมได้พูดคุยกับผู้ส่งพระเข้าประกวดหลายท่านถึงเหตุผลที่นำพระเข้ามาส่งประกวด มีคำตอบที่คล้ายกัน คือ อยากมาตรวจสอบว่าพระที่ครอบครองอยู่ว่าเป็นของแท้หรือไม่ มีหลายคนเมื่อส่งพระให้กรรมการรับพระดู เมื่อกรรมการพิจารณาว่าเป็นของแท้ก็ขอกลับคืน โดยไม่ได้ส่งพระเพื่อขอรับรางวัลใดๆ เลย” นายวันชัยกล่าว
นายศุภกร จิรยิ่งเจริญ หรือ ล้ง ท่าพระจันทร์ ผู้ชำนาญพระกริ่งสายวัดสุทัศนฯ และพระกริ่งทั่วไป ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมงานถ่ายภาพพระเครื่องในงานประกวดพระเครื่อง บอกว่า ในรอบกว่า ๒๐ ปี ที่รับงานถ่ายรูปงานประกวดพระเครื่อง ครั้งนี้ถือว่ามีพระชุดเบญจภาคีเข้าตู้มากที่สุด เกือบ ๓๐๐ องค์ มูลค่าน่าจะเกินหลัก ๑,๐๐๐ ล้านบาท มีพระหน้าใหม่เข้ามาสูสนามจำนวนมาก หลายองค์ราคาเกิน ๓๐ ล้านบาท สภาพพระส่วนใหญ่จะอยู่ในราคา ๕-๑๐ ล้านบาท
พร้อมกันนี้ ล้ง ท่าพระจันทร์ ยังบอกด้วยว่า ในการประกวดพระของตำรวจนครบาลครั้งนี้ มีพระส่งครบทุกรายการ โดยเฉพาะพระโต๊ะหลักๆ เช่น โต๊ะหลวงปู่ทวด โต๊ะหลวงพ่อยิด มีพระส่งเข้าพระกวดชนิดที่เรียกว่า “ล้นตู้” โดยเฉพาะตู้เบญจภาคี ถือว่ามากสุดเป็นพระวัติศาสตร์ ดังนั้นพระใครติดรางวัลครั้งนี้ถือว่าได้ต่อสู้อย่างศักดิ์ศรี
ในขณะที่ อ้า สุพรรณ บอกว่า ปกติแล้วโต๊ะเบญจภาคีจะมีพระแท้เข้าตู้อยู่ในหลักสิบองค์เท่านั้น ที่เกินร้อยองค์นานๆ ครั้งจะเห็นสักงาน แต่งานนี้มีพระชุดเบญจภาคีเข้าตู้กว่า ๓๐๐ องค์ ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ของการประกวดพระของเมืองไทยเลยทีเดียว ส่วนพระเก๊ที่ถูกคัดออกมีมากกว่า ๒ เท่า ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา
ประกวดพระที่ห้างพันธุ์ทิพย์ฟื้นชีพ
การประกวดพระที่ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน กลายเป็นตำนาน ด้วยเหตุที่ข้อจำกัดให้ใช้พื้นที่ชั้น ๘ เพียงครึ่งเดียว ซึ่งปกติเต็มทั้งชั้นไม่พออยู่แล้ว ในที่สุดงานประกวดพระที่นี่จึงกลายเป็นตำนาน โดยงานประกวดพระที่กลายเป็นตำนาน คือ งานของคณะกรรมการเตรียมทหาร ๑๗๓๓ ซึ่งจัดไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๔ นับแต่นั้นเป็นนั้นเป็นต้นมาไม่มีการจัดงานประกวดพระที่ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน อีกเลย
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้หากหน่วยงานใดๆ ในกรุงเทพฯ จะจัดงานประกวดพระเครื่อง ต้องเลือกห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน เป็นอันดับแรก จัดอย่างไรก็ได้กำไร เพราะคนในวงการพระรู้จักเป็นอย่างดี เดินทางไปมาสะดวก เฉพาะค่าผ่านประตูและค่าเช่าแผงพระก็ครอบคลุมค่าเช่าสถานที่ นอกนั้นเป็นกำไรล้วนๆ แต่นับจากนี้เป็นต้นไป ใครที่คิดจะจัดงานประกวดพระในอนาคตต้องคิดให้มากกว่าเดิม อย่าคิดว่าจะจัดแล้วได้กำไรเสมอไป สถานที่จะเป็นตัวแปรสำคัญของกำไรขาดทุน ส่วนงานประกวดพระที่ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เลย คืองานประกวดพระในต่างจังหวัด
ล้ง ท่า บอกว่า ก่อนการจัดงานมีการประมาณรายได้การส่งพระเข้าประกวดน่าจะไม่เกิน ๓ ล้านบาท ด้วยเหตุปัจจัยเรื่องสถานที่ และความไม่สงบทางการเมือง แต่มีคนส่งพระเข้าประกวดมากกว่า ๔ ล้านบาท เป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่า สนามประกวดพระเครื่องห้างพันธุ์ทิพย์ยังไม่สิ้นมนต์ขลัง
มาตรฐานงานประกวดดูที่ "กรรมการชุดเบญจภาคี"
ในกรรมการตัดสินพระทุกชุดที่ถือว่าสุดยอดที่สุดต้องยกให้กรรมการตัดสินพระชุดเบญจภาคี ซึ่งปัจจุบันนี้มีอยู่ประมาณ ๒๐ คน ทั้งนี้ หากงานประกวดพระงานใดมีกรรมการตัดสินชุดเบญจภาคีไปร่วมงานไม่ต่ำกว่า ๑๕ คน ถือว่าเป็นงานที่มีคุณภาพ แต่ถ้ามีอยู่เกิน ๑๐ คน ถือว่าพอใช้ได้ ในขณะที่งานใดไปไม่ถึง ๑๐ คน ถือว่าเป็นงานที่ไม่มีคุณภาพ และยิ่งงานใดไม่ปรากฏว่ามีกรรมการชุดเบญจภาคีของสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทยไปร่วมตัดสินเลย นอกจากเป็นงานที่ไม่มีคุณภาพแล้ว อาจจะเรียกว่าอยู่ในขั้นเลวเลยก็ว่าได้ ด้วยเหตุนี้พระชุดเบญจภาคีที่ติดรางวัลจากสนามการประกวดที่ไม่มีกรรมการของสมาคมจึงไม่เป็นที่ยอมรับเท่าที่ควร อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทยไม่ได้กำหนดผู้ที่เป็นกรรมการชุดเบญจภาคีเป็นลายลักษณ์อักษร แต่เป็นที่รู้ๆ กันในวงการพระเครื่อง
ปัจจุบันนี้เซียนพระชุดเบญจภาคีอายุมากที่สุด คือ นายวิวัฒน์ เรืองพรสวัสดิ์ หรือ โกเนียว สำโรง ซึ่งอยู่ในวางการพระเครื่องไม่ต่ำกว่า ๔๐ ปี ที่อายุรองลงมา คือ นายประจำ อยู่อรุณ นายกิติ ธรรมจรัส หรือ เฮียกวง (สามล้อ) อุปนายกสมาคมพระเครื่องพระบูชาไทย นายศุภชัย เรืองสรรงามศิริ หรือ ตี๋เหล้า ท่าพระจันทร์ ประธานชมรมพระเครื่องท่าพระจันทร์ นายวิชัย อุทัยสุทธิกิจ หรือ ลิ้ม กรุงไทย นายอนุศักดิ์ นารถกุลพัฒน์ หรือ เฮียอ้า สุพรรณ อุปนายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย
นายสมภพ ไทยธีระเสถียร หรือ อั๊ง เมืองชล พล.ต.ต.กิตติ รอดบางยาง นายเชิดชัย เสตสุวรรณ (ง้ำ) ฯลฯ ส่วนที่หนุ่มสุดต้องยกให้ นายเสมอ งิ้วงาม หรือ ป๋อง สุพรรณ เลขานุการสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย แต่ถ้าเป็นเซียนที่มีชื่อมากที่สุดในชุดนี้ ต้องยกให้นายพิศาล เตชะวิภาค อุปนายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย หรือที่รู้จักกันในนาม หรือเจ้าของฉายา ต้อย เมืองนนท์