
หลวงพ่อพาน สุขกาโมกับคำร่ำลือ'ย่นระยะทางได้จริงๆ'
หลวงพ่อพาน สุขกาโมกับคำร่ำลือ'ย่นระยะทางได้จริงๆ' : เรื่อง/ภาพไตรเทพ ไกรงู
พระครูประวัติศีลาจาร หรือ หลวงพ่อพาน สุขกาโม อดีตเจ้าอาวาสวัดเฉลิมราษฎร์ (โป่งกะสัง) ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นพระที่เปี่ยมไปด้วยเมตตาบารมีธรรม เคร่งในวัตรปฏิบัติและพระธรรมวินัย มีความสมถะเรียบง่าย เป็นพระผู้คนแก่เรียน ท่านศึกษาค้นคว้าและอ่านพระไตรปิฎกอันเป็นแก่นแท้หลักคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง รวมทั้งเป็นพระนักปฏิบัติ โดยออกเดินธุดงค์กับหลวงพ่อเพลิน อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองไม้เหลืองตั้งแต่พรรษาต้นๆ ที่บวช
หลวงพ่อพาน เป็นพระนักอ่าน ซึ่งครั้งหนึ่ง พระครูโสภิตวชิรธรรม เจ้าอาวาสวัดโป่งกระสัง รูปปัจจุบัน เคยถามท่านว่า "อ่านหนังสืออะไร" ท่านตอบว่า "อ่านพระไตรปิฎก" แล้วถามต่ออีกว่า "มีกี่เล่ม" ท่านตอบว่า "๑๐๐ เล่ม" และถามต่ออีกว่า "เมื่อไรจะอ่านจบ" ท่านตอบไว้อย่างน่าคิดว่า "จบเมื่อไรไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่อ่านเพื่อเข้าใจและนำมาปฏิบัติได้ และสอนคนอื่นได้ด้วย"
หลวงพ่อพาน เป็นพระที่มีวัตรปฏิบัติดี จึงเป็นที่รักของพระผู้ใหญ่และหนึ่งในนั้นคือ หลวงพ่ออินทร์ วัดยาง อ.เมือง จ.เพชรบุรี หลวงพ่อพานนับถือหลวงพ่ออินทร์มาก ไปมาหาสู่กันตลอด ความสนิทสนมของหลวงพ่ออินทร์กับหลวงพ่อพานนี้ก็ไม่มียศฐาบรรดาศักดิ์มากั้น มีแต่ศิษย์พี่ศิษย์น้อง ทั้งนี้หลวงพ่อพานเรียกหลวงพ่ออินทร์ว่า คุณพี่อินทร์ โดยหลวงพ่ออินทร์ยังได้ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้แก่หลวงพ่อพานด้วย
นอกจากนี้ หลวงพ่อพาน ก็ยังฝากตัวเป็นศิษย์ของ พระครูพินิตสุตคุณ (หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง) ด้วย คือหลวงพ่อพาน ท่านทราบว่าหลวงพี่เพลินเดินทางไปศึกษาวิชากับหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง ท่านจึงขอตามไปด้วย เมื่อไปถึงก็ฝากตัวเป็นศิษย์ศึกษาวิชาแขนงต่างๆ จากหลวงพ่อทองศุข โดยหลวงพ่อทองศุขเมตตาสอนให้จนครบ แต่จะได้วิชาไม่เหมือนกัน มีทั้งแคล้วคลาด เมตตา คงกระพัน และวิชาทำผงพุทธคุณ อีกทั้งวิชาทำตะกรุดต่างๆ วิชาว่านยา โดยหลวงพ่อพานเล่าว่า เมื่อเรียนกลับมาแล้วต้องกลับมาแลกเปลี่ยนวิชากัน
ประมาณ พ.ศ.๒๕๑๒-๒๕๑๓ ก่อนมาเป็นเจ้าอาวาสวัดโป่งกะสัง หลวงพ่อพานกับ หลวงพ่ออุ้น ได้ชวนกันออกธุดงค์ เพื่อปลีกวิเวก ทั้งสองได้เดินธุดงค์ขึ้นทางแก่งกระจานไปออกปราณบุรี สามร้อยยอด กุยบุรี โดยไปถึงน้ำตกมะไฟ บ้านย่านซื่อ และเดินธุดงค์ลงมาที่บ้านโป่งกะสัง ในขณะนั้นเป็นพื้นที่สีแดง มีผู้ก่อการร้าย คอมมิวนิสต์เยอะมาก ในขณะนั้นยังไม่ได้สร้างวัด แต่มีคนเพชรบุรีอพยพมาทำไร่ในแถบนี้มาก ต่อมาสมเด็จย่าทรงสร้างวัดขึ้นที่หมู่บ้านโป่งกะสัง โดยให้ชื่อว่า วัดเฉลิมราษฎร์ (บ้านโป่งกะสัง)
ในสมัยก่อน วัดโป่งกะสัง มีหลวงพ่อพานอยู่รูปเดียว คอมมิวนิสต์ชุกชุมมากจริงๆ จึงไม่มีพระรูปใดกล้าอยู่ มี ตชด.ท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นคนยิงหลวงพ่อพาน (ด้วยตัวของเขาเอง) เล่าให้อาจารย์ไชยาฟังว่า สมัยก่อนเป็นป่าเต็มไปหมด ตชด.ก็ลาดตระเวนในเวลากลางคืน พอมาถึงหน้าโบสถ์ ซึ่งเป็นป่าเขาสูง เห็นเงาตะคุ่มๆ ก็นึกว่าคอมมิวนิสต์
พวก ตชด.ยิงใส่ไม่มียั้ง ยิงเท่าไรก็ไม่ยอมล้มเสียที จึงค่อยๆ ย่องไปดูใกล้จึงรู้ว่าเป็นพระมาเดินจงกรม ตชด.คนยิงกล่าวกับอาจารย์ไชยา “แปลกทำไมยิงท่านไม่ถูกเลย” ซึ่งไปสอดคล้องกับชาวบ้านที่อยู่ใกล้วัด ถ้าได้ยินเสียงปืนมาจากทางวัดรู้ได้ทันทีว่าหลวงพ่อพานโดนยิงอีกแล้ว เพราะว่า ตชด.จะต้องสับเปลี่ยนกำลังพลเป็นประจำ จึงไม่รู้ว่ามีพระเดินจงกรมอยู่ เป็นเรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อพานที่ผู้เล่ายังมีชีวิตอยู่
ขอบคุณ ด.ต.วิรัตน์ อาจสัญจร ผบ.หมู่งานจราจร สน.บางยี่ขัน กทม. ที่เอื้อเฟื้อข้อมูลและภาพภ่าย หลวงพ่อพาน สุขกาโม
เรื่องเล่าจาก "ศิษย์พ่อยิด"
นายปิยพัชร์ อ่ำสำอาง หรือ "อ.ไชยา ศิษย์พ่อยิด" และเจ้าของฉายา "ศิษย์พ่อยิด" เล่าให้ฟังต่อไปว่า มีอยู่ครั้งหนึ่ง เป็นงานบวชพระที่เพชรบุรี อาจารย์ไชยาไปนิมนต์หลวงพ่อพานไว้ก่อน โดยบอกว่า ในตอนเช้าของวันงานจะให้คนขับรถมารับ (ทางสมัยก่อนจะเป็นทางรถสวน คือไปใต้ ๑ เลน) พอถึงวันงานคนขับรถก็ไปรับแต่เช้า พอขับถึงวัดโป่งกะสัง พบหลวงพ่อพานกำลังคุยธุระกับแขกอยู่
โดยท่านบอกให้คนขับรถกลับไปก่อนเดี๋ยวจะตามไป อาจารย์ไชยาซึ่งมาถึงงานแล้ว เห็นหลวงพ่อพานเดินอยู่หน้าบ้านงานกำลังจะเข้าไปในบวชก็เลยไปนิมนต์ท่านขึ้นบ้านงาน อีกสักพักใหญ่คนขับรถไปรับหลวงพ่อพานก็มาถึง อาจารย์ไชยาก็เลยถามด้วยความโมโหว่า ”เอ็งไปไหนมา ให้ไปรับหลวงพ่อพาน” คนขับรถตอบว่า “ก็ไปรับแล้วแต่แกบอกให้กลับมาก่อน เพราะติดธุระกับแขกอยู่ เดี๋ยวจะตามไปเอง”
อาจารย์ไชยาจึงถึงบางอ้อ หลวงพ่อพานย่นระยะทางได้ดังที่เขาลือกันจริงๆ แต่ด้วยความที่เป็นคนขี้สงสัย ต่อมาจึงไปถามหลวงพ่อพานที่วัดโป่งกะสังเลย “หลวงพ่อพานครับ หลวงพ่อย่นระยะทางได้จริงดังที่เขาลือกันจริงหรือเปล่า ก็งานบวชวันนั้นไงที่หลวงพ่อมาถึงก่อนคนขับรถไปรับหลวงพ่ออีก" หลวงพ่อพานตอบ “ใครมันจะเก่งปานนั้น แต่ถ้าจะเดินไม่ให้เหนื่อยละก็ ว่าตามฉัน ฉันจะเสกให้ฟัง เสกขา ธมฺมาๆ ท่องไปเดินไม่มีเหนื่อย" อาจารย์ไชยา จึงจับจุดได้ว่า ท่านคงให้คาถาเรา
"ลองของ" เรื่องเล่าอมตะ
"การลองพระหลวงพ่อพาน" เรื่องเล่าหนึ่งที่เป็นอมตะ คือ นายสน ผุดเผือก อายุ ๔๙ ปี อยู่ที่ ๐๑๗ หมู่ 2 ต.กุยบุรี อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้เล่าประสบการณ์เกี่ยวกับวัตถุมงคลของหลวงพ่อพานให้ฟังว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นในราวปี พ.ศ.๒๕๔๘ วันนั้นที่ อ.กุยบุรี มีการจัดงานเลี้ยงประจำปีขึ้น ตนเองเป็นเจ้าหน้าที่อำเภอจึงอยู่ร่วมงานเลี้ยงนั้นด้วย เวลาผ่านไปจนงานใกล้เลิก เพื่อนรุ่นเดียวกันและทำงานด้วยกันเดินมาที่โต๊ะที่งานเลี้ยงของเรา
พร้อมกับกล่าวว่า “เฮ้ย..ไอ้สน ปืนของมึงยิงพระของกูไม่ออกหรอก ผม(นายสน)จึงตอบกลับไปด้วยความคิดที่ว่าเป็นไปได้อย่างไร พระอะไรปืนยิงไม่ออก มา..มา..มึงไปเอาพระของมึงมา เพื่อนรุ่นเดียวกันจึงล้วงในกระเป๋าสะพายของตนเองหยิบพระมา ๑ พวงใหญ่ เสร็จแล้วเลือกออกมา ๑ องค์ พนมมือ โดยเอาพระใส่ไว้ที่ฝ่ามือทำปากขมุบขมิบคล้ายๆ กับท่องคาถา หรือบอกหลวงพ่อว่าเขาจะทดลองยิง เสร็จแล้วได้ยื่นให้ ผม(นายสน)ผมถามพระหลวงพ่ออะไร"
เพื่อนคนที่ท้าผมตอบ เป็นเหรียญหล่อ ๗ รอบของหลวงพ่อพาน ผมพยักหน้าตอบ..อ้อ..เสร็จแล้วนายสนได้นำพระดังกล่าวไปแขวนไว้ที่ต้นสะเดา เดินถอยห่างออกมาประมาณเกือบ ๒ เมตร ชักปืนประจำกายขนาด ๓๒ มม. ที่เพิ่งซื้อมาใหม่ กระชากลำกล้องขึ้นลำปืน แต่ก่อนยิงผมยกมือขึ้นสาธุพร้อมปืนที่อยู่ในมือ พร้อมกล่าวว่า “หลวงพ่อครับอย่าถือโทษโกรธเคืองลูกนะ เขาท้าให้ลูกยิง เสร็จแล้วเล็งปืนไปที่พระเครื่ององค์ดังกล่าว เหนี่ยวไกปืน เสียงดัง..แชะ..ลูกปืนด้านไม่ออก นายสนคิดอยู่ในใจ ลูกปืนของเราด้านแน่นอนเลย สลัดลูกเก่าทิ้ง ปืนก็ขึ้นลำโดยอัตโนมัติ แต่ก่อนยิงนายสนก็ทำเหมือนเดิมคือ ยกมือพนมพร้อมปืนแล้วกล่าว ”หลวงพ่อครับอย่าถือโทษโกรธเคืองลูกนะ เขาท้าลูกยิง” เสร็จแล้วเล็งไปที่พระเครื่องดังกล่าว สับไก เสียงดัง..แชะ..นายสนสะดุ้งเป็นไปได้อย่างไรปืนเพิ่งซื้อมาใหม่แค่ 3 เดือน ลูกก็มาพร้อมปืน
นายสนจึงกระชากลำกล้องสลัดลูกปืนเก่าทิ้ง ลูกปืนก็ขึ้นลำโดยอัตโนมัติ เอาปลายกระบอกปืนชี้ขึ้นฟ้า เป้าหมายคือยิงปืนขึ้นฟ้า เสร็จแล้วนายสนสับไก เสียงดัง..ปั๊ง..ปั๊ง...นายสนยิงปืนขึ้นฟ้าจนหมดแม็ก ไม่มีติดขัดอะไรเลย ลูกปืนออกทุกลูก แต่ปืนของนายสนตั้งแต่นั้นมาใช้การได้ไม่เหมือนเก่า ยิงไป ๒-๓ นัดก็ขัดตลอด เสียปืนไปเลย นายสนกล่าวว่า อย่าลองเลย วัตถุมงคลของหลวงพ่อพาน วัดโป่งกะสัง เขาลองกันมาเยอะแล้ว ปืนของท่านจะเสีย ใช้การไม่ได้เหมือนเก่า