สังฆราชเรียกฝนดับไฟ | คมชัดลึก

             แดน ท่าพระจันทร์ เล่าให้ฟังว่า เหตุการณ์หนึ่งที่คนในชุมชนตรอกบวรรังษีไม่เคยลืม คือ เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๓๔ เวลาประมาณ ๐๒.๐๐ น. เกิดเหตุเพลิงไหม้ใหญ่ชุมชนตรอกบวรรังษี หลังวัดบวรนิเวศวิหาร ปรากฏเป็นข่าวใหญ่หน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ข่าวแพร่สะพัดไปอย่างกว้างขวางว่า

             “ท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวรทรงอธิษฐานจิตดับไฟหลังวัดบวรนิเวศเพื่อช่วยเหลือผู้ที่อยู่อาศัยในชุมชนหลังวัดบวรนิเวศวิหารให้พ้นจากวิบัติภัย”

             บันทึกของ "กันตสีโลภิกขุ" (Karyl Bilbrey) ในนิตยสารน่านฟ้า กล่าวไว้ว่า เวลาประมาณตี ๑ ต้นเพลิงอยู่ที่บ้านแขกขายถั่ว ติดกับตึก สว.ธรรมนิเวศ รถดับเพลิงไม่อาจเข้าไปได้ เนื่องจากเป็นชุมชนที่แออัดในซอยขนาดเล็ก เพลิงจึงไหม้รุนแรง

             ศิษย์ของเจ้าพระคุณสมเด็จฯ รีบไปทูลท่าน ซึ่งประทับนั่งสมาธิอยู่ในพระตำหนัก เสด็จออกมาแล้ว พระสัทธิวิหาริกจะนำเสด็จไปที่ศาลา ๑๕๐ ปี อันตั้งอยู่กลางวัด ซึ่งน่าจะเป็นที่น่าจะปลอดภัยกว่า ทว่า สมเด็จพระญาณสังวรฯ โปรดที่จะเสด็จเข้าไปใกล้ที่เกิดเหตุ โดยเสด็จขึ้นไปยังชั้น ๕ ของตึก สว.ธรรมนิเวศ ซึ่งอยู่ใกล้กับเขตเพลิงไหม้อย่างน่ากลัวที่สุด มิทรงหวั่นพระทัย

             เจ้าพระคุณทรงมองลงไป แล้วทรงมองขึ้นฟ้า ก่อนจะยกพระหัตถ์โบก ๓ ครั้ง ชั่วครู่เดียวลมที่โหมกรรโชกเพลิงอยู่ก็หยุดลง และฝนก็ตกลงอย่างหนัก ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดได้ง่ายๆ ทำให้เพลิงไหม้มหาวินาศนั้นค่อยๆ บรรเทาลงจนมอดดับไปต่อหน้าต่อตาอย่างตะลึงเป็นที่สุด

             สักพักเสด็จเข้ามากราบพระพุทธรูปที่อยู่ในอาคารนั้น จากนั้นเสด็จออกจากอาคาร โดยทันทีที่ย่างพระบาทแรก ฝนที่กำลังตกหนักอยู่นั้นพลันหยุด ฟ้าที่กำลังฉ่ำด้วยเม็ดฝนก็เปิดโล่งขึ้นมาในทันใด

             บรรดาชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็มาคุกเข่ารับเสด็จ พลางส่งเสียงสาธุการแด่สมเด็จพระสังฆราช ที่ทรงพระเมตตา “เรียกฝนดับไฟ” หลายๆ คนต่างร่ำไห้น้ำตาไหลอาบหน้าด้วยความตื้นตันและซาบซึ้งในพระกรุณาคุณ ปาฏิหาริย์ซึ่งทรงสำแดงให้ปรากฏต่อหน้าต่อตาของทุกๆ คนอย่างที่ไม่มีใครอายใคร ต่างเข้ามาคุกเข่ารับเสด็จพร้อมเปล่งเสียงสาธุการทั้งน้ำตา ด้วยสำนึกในพระกรุณาคุณ และกล่าวกันว่า "สังฆราชเรียกฝนดับไฟ"

             นอกจากนี้แล้ว หลังเหตุการณ์คลี่คลายลง เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ยังทรงพระเมตตาเปิดวัดบวรนิเวศวิหารให้ประชาชนที่บ้านเรือนได้รับความเสียหาย เข้ามาพักอาศัยภายในวัดเป็นการชั่วคราวอีกด้วย