เสามิ่งเมืองที่วัดมิ่งเมืองพร๔ทิศอันเป็นอุดมมงคลจ.น่าน
เสามิ่งเมืองที่วัดมิ่งเมืองพร๔ทิศอันเป็นอุดมมงคลจ.น่าน : ท่องไปในแดนธรรม เรื่องไตรเทพ ไกรงู ภาพ ธงชัย เปาอินทร์
วัดมิ่งเมือง ตั้งอยู่ที่ถนนสุริยพงศ์ เป็นที่ประดิษฐานเสาหลักเมืองของ จ.น่าน ประวัติของวัดมิ่งเมือง คือ เดิมเป็นวัดร้าง มีเสาหลักเมืองที่เป็นท่อนซุงขนาดใหญ่สองคนโอบ พบที่ซากวิหาร ในราว พ.ศ.๒๔๐๐ เจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าครองนครน่านสถาปนาวัดใหม่ ตั้งชื่อว่า วัดมิ่งเมือง ตามชื่อที่เรียกเสาหลักเมืองว่าเสามิ่งเมือง และได้เสด็จถวายสักการะบวงสรวงเสาหลักเมืองใกล้กับวัดร้างดังกล่าว “วัดมิ่งเมือง” ต่อมาเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๗ ได้มีการรื้อถอนและสร้างอุโบสถหลังใหม่เป็นแบบล้านนาร่วมสมัยแบบในปัจจุบัน
พระครูสิริธรรมภาณี เจ้าคณะอำเภอเมืองน่าน และเจ้าอาวาสวัดมิ่งเมือง หรือหลวงพ่อเสน่ห์ อายุ ๕๘ ปี พรรษาที่ ๓๘ ได้ให้ข้อมูลว่าวัดมิ่งเมือง เดิมมีชื่อเรียกตามที่ปรากฏบนแผ่นทองคำจารึกอักษรพม่าว่า “วัดตะละแม่ศรี” ซึ่งเป็นชื่อของผู้สร้างวัด มีนามว่า เจ้านางตะละแม่ศรี เป็นพระมเหสีของพ่อขุนเม็งรายมหาราช มหากษัตริย์แห่งแคว้นล้านนาผู้สร้างเมืองเชียงราย เจ้านางตะละแม่ศรีทรงมีอีกพระนามหนึ่งที่ปรากฏในแผ่นจารึกคือ มหาเทวีอุษาปายะโค พระนางเป็นธิดาของพระเจ้าพายุเจ็ง กษัตริย์พม่า เจ้าเมืองพะโค (หงสาวดี) ซึ่งได้มอบถวายให้เป็นข้าบาทบริจาริกาแด่พ่อขุนเม็งรายมหาราช เมื่อทรงชนะสงครามจากพม่า และวัดแห่งนี้ยังเป็นวัดประจำพระองค์ของพระนางอั๊วะมิ่งจอมเมือง (พระนางเทพคำกล๋าย - พระนางอั๊วะมิ่งไข่ฟ้า หรือพระนางอกแอ่น ซึ่วเป็นวีรสตรีของชาวไทยลื้อที่ได้ปลอมตัวเป็นชายออกรบจนได้รับชัยชนะ)
พระนางอั๊วะมิ่งจอมเมือง ทรงเป็นพระราชชนนีของพ่อขุนเม็งรายมหาราช พระนางจะเสด็จมาทรงปฏิบัติธรรมที่วัดแห่งนี้เป็นประจำ และในตำนานวัดที่ปรากฏในรัชสมัยของพ่อขุนเม็งรายมหาราช พระนางจะเสด็จมาประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนาที่วัดมิ่งเมืองปีละสองครั้ง คือ ในคืนวันเพ็ญวิสาขบูชา ขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๖ และในคืนวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ซึ่งตรงกับวันลอยกระทง หรือประเพณียี่เป็งของชาวล้านนา ทรงจุดผางประทีปบูชาพระเจดีย์ศรีมิ่งเมืองในวัด ซึ่งปัจจุบันเป็นที่บรรจุพระอัฐิของพระนางเทพคำกล๋ายและพระอัฐิของมหาเทวีอุษาปายะโค
องค์พระประธาน เป็นพระพุทธรูปปูนปั้น ลงรักปิดทองทั้งองค์ เป็นศิลปะเชียงแสน มีอายุถึงกว่า ๔๐๐ ปี ซึ่งมีนามว่า “หลวงพ่อพระศรีมิ่งเมือง” ที่มีพุทธลักษณะที่งดงามตามพุทธศิลป์แบบเชียงแสน โดยเฉพาะที่ยอดพระเกตุโมฬีเป็นรูปดอกบัวตูม แกะสลักจากหินแก้วเจีย หรือแก้วโป่งขาม ซึ่งเป็นหินที่เกิดขึ้นในดินแดนล้านนาเท่านั้น
เจดีย์เป็นปูชนียสถานเก่าแก่ที่มีคู่มากับวัด เป็นศิลปะแบบล้านนา เดิมก่อนการบูรณะเป็นรูปทรงพม่า วิหารเป็นวิหารไทยใหญ่ประยุกต์ผสมผสานกับรูปแบบของวิหารล้านนา ภายในตกแต่งด้วยลวดลายแกะสลัก ลงรักปิดทอง ประกอบกับการกรุฝ้าเพดานแบบ ไตรภูมิและบาลีรูปหงส์เป็นจำนวน ๓๔ ตัว บ่อน้ำชาวบ้านทั่วไปเรียกบ่อน้ำนี้ว่า “บ่อน้ำช้างมูบ”
หลวงพ่อเสน่ห์ยังบอกด้วยว่า ในระหว่างที่รื้อโบสถ์หลังเก่าซึ่งอยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรมมากๆ ออกนั้น เกิดนิมิตว่าบรรพบุรุษผู้สร้างโบสถ์ได้มาต่อว่า "เอ็งเป็นพระลูกพระหลานมารื้อทิ้งทำไม? จึงได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า "จะสร้างโบสถ์แทนหลังเก่าและจะไม่ให้ใครมารื้ออีก" จึงสร้างโบสถ์ให้มีลักษณะเด่นคือ ลายปูนปั้นที่ผนังด้านนอกของพระอุโบสถ เป็นฝีมือตระกูลช่างเชียงแสน มีความวิจิตรงดงามมาก ซึ่งเมื่อมีอายุครบ ๕๐ ปี กรมศิลปากรจะขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ซึ่งจะไม่มีการรื้ออีกต่อไป
ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังแสดงให้เห็นวิถีชีวิตของชาวเมืองน่าน เป็นฝีมือช่างท้องถิ่นยุคปัจจุบันลักษณะเด่นคือ ลายปูนปั้นที่ผนังด้านนอกของพระอุโบสถ มีความสวยงามวิจิตรบรรจงมาก เป็นฝีมือตระกูลช่างเชียงแสน มีความวิจิตรงดงามมาก ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังแสดงให้เห็นวิถีชีวิตของชาวเมืองน่าน ฝีมือช่าง ท้องถิ่นยุคปัจจุบัน
พร ๔ ทิศที่เสามิ่งเมือง
บริเวณวัดมิ่งเมือง ยังเป็นที่ประดิษฐานเสาหลักเมือง ซึ่งอยู่ในศาลาจตุรมุขด้านหน้าพระอุโบสถ ซึ่งแต่เดิมเรียกว่า “เสามิ่งเมือง” เดิมเป็น ไม้สักทองขนาดใหญ่ มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๓ ฟุต สูงประมาณ ๓ เมตร ลักษณะเป็นเสาทรงกลมส่วนหัวเสาเกลาเป็นดอกบัวตูมฝังไว้กับพื้นที่ดินโดยตรง ไม่มีศาลหรืออาคารครอบแต่อย่างใด สันนิษฐานว่าอาจจะสร้างขึ้นในสมัยเจ้าอัตถวรปัญโญ เป็นเจ้าผู้ครองนครน่าน เหตุเพราะแต่ก่อนมานั้นเมืองน่านไม่มีคติ การสร้างเสาหลักเมือง
อย่างไรก็ตามเมื่อ พ.ศ.๒๕๐๖6 เมืองน่านได้เกิดน้ำท่วมใหญ่ แม่น้ำน่านไหลเข้าท่วมถึงเสามิ่งเมือง ตัวเสาอายุร้อยกว่าปีที่เริ่มผุกร่อนจึงโค่นล้มลง ต่อมาทางวัดมิ่งเมืองพร้อมด้วยพ่อค้าประชาชนชาวน่านจึงได้ร่วมกันนำเสามิ่งเมืองน่านต้นเดิมที่โค่นล้มลงนั้นมาเกลาแต่งใหม่ และสลักหัวเสาเป็นพระพรหมสี่หน้า รวมทั้งสร้างศาลทรงไทยจตุรมุขครอบเสามิ่งเมืองขึ้นเป็นครั้งแรก ในครั้งนั้นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ทรงเป็นองค์ประธานประกอบพิธีตั้งเสาหลักเมืองน่าน เมื่อวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๑๖
คำเชิญขึ้นถวายสักการะหลักเมืองน่านตามทิศอันเป็นอุดมมงคล ดังนี้
ทิศเหนือ พระเมตตา ท่านท้าวเวสสุวรรณผู้รักษา มีอำนาจ มีบารมี มีความมั่นคง มีความกล้าแข็ง เข้มแข็ง เป็นที่เคารพเกรงขาม
ทิศตะวันออก พระกรุณา ท่านท้าวธตรัฏฐะผู้รักษา มีเสน่ห์ เมตตามหานิยม เป็นที่รักเป็นที่ปรารถนาและชื่นชอบของคนและเทวดา
ทิศใต้ พระมุทิตา ท่านท้าววิรุฬหกะผู้รักษา มีความมั่งคั่ง ร่ำรวย อุดมสมบูรณ์ทั้งทรัพย์สมบัติ ชื่อเสียง เกียรติยศ และบริวาร
ทิศตะวันตก พระอุเบกขา ท่านท้าววิรูปักษ์ผู้รักษา มีความสงบร่มเย็นเป็นสุข มีสันติภาพ ภราดรภาพ
มจร.น่าน
เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๕ คณะสงฆ์จังหวัดน่าน ร่วมกับจังหวัดน่าน ได้เสนอขออนุมัติโครงการขยายห้องเรียนระดับปริญญาตรี หลักสูตรพุทธศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา มาจัดการเรียนการสอนที่ จ.น่าน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายโอกาสทางการศึกษา บริการทางการศึกษา และส่งเสริมให้พระสังฆาธิการ ครูสอนพระปริยัติธรรมและพระภิกษุสามเณรทั่วไปในพื้นที่และต่างจังหวัดใกล้เคียงได้ศึกษาวิชาการด้านพระพุทธศาสนา คณะสงฆ์จังหวัดน่านได้แต่งตั้งคณะทำงานโดยมอบหมายให้พระปลัดศิระ จรณธมฺโม (ปัจจุบันคือ พระครูวิสิฐนันทวุฒิ, ดร.เจ้าคณะอำเภอภูเพียง เจ้าอาวาสวัดพระธาตุแช่แห้ง) เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดน่าน เป็นหัวหน้าคณะทำงานดำเนินการจัดทำเอกสารโครงการและประสานงาน
เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ.๒๕๔๕ ที่ประชุมสภาวิชาการมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) มีมติอนุมัติโครงการขยายห้องเรียนระดับปริญญาตรี หลักสูตรพุทธศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตพะเยา ไปที่วัดพระธาตุแช่แห้ง กิ่งอำเภอภูเพียง จ.น่าน โดยให้ชื่อว่า “โครงการขยายห้องเรียนมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์พะเยา วิทยาเขตพะเยา วัดพระธาตุแช่แห้ง จ.น่าน” ให้เปิดการเรียนการสอนแก่พระสังฆาธิการ ครูสอนพระปริยัติธรรม พระภิกษุสามเณรทั่วไปตั้งแต่ภาคการศึกษาที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๔๕ เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๗ พระพรหมบัณฑิต, ศ.ดร.กรรมการมหาเถรสมาคม, อธิการบดี มจร.ประธานพิธีฝ่ายบรรพชิต และท่านสำเริง เอี่ยมสะอาด รองราชเลขานุการในพระองค์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประธานพิธีฝ่ายคฤหัสถ์ ในพิธีวางศิลาฤกษ์ อาคารเรียนรวม วิทยาลัยสงฆ์นครน่าน พร้อมทั้งงานสมโภชสมณศักดิ์พระราชาคณะชั้นสามัญและถวายมุทิตาจิต พระชยานันทมุนี, ดร. (ธรรมวัตร จรณธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุแช่แห้ง พระอารามหลวง