'อ้วน ลอยฟ้า'กับ...ข้อคิดดีๆในการเล่นพระ | คมชัดลึก

               “ซื้อพระตั้งแต่ยังไม่รู่ว่าพระเก๊แท้เป็นอย่างไร ซื้อตามบ้าน ตามร้าน ตามตู้ทั่วๆ ไป มีตังค์ก็ซื้อไปเรื่อยๆ ไม่มีหลักอะไรเป็นพิเศษ แค่ดูแล้วคิดเก่าก็ซื้อเลย จนกระทั่งมีเซียนคนหนึ่ง แนะนำให้ซื้อพระหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี มีคำพูดหนึ่งที่กินใจและจำมาทุกวันนี้คือ ถ้าเอ็งยังซื้อพระแบบนี้ต่อไป มีเงินเป็นร้อยล้านก็หมด ที่เอ็งเล่นนั้นมันเป็นพระไม่แท้ จากนั้นเป็นต้นมาก็ลองไปหาหนังสือมาเปรียบเทียบกับพระที่ตัวเองมีอยู่ ในที่สุดก็ถึงบางอ้อว่า เราเล่นพระเก๊มาตลอด”

               ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นจุดเริ่มต้นในการเข้าสู่วงการพระเครื่องของนาชาญชัย มานิตทวีผล หรือที่รู้จักกันในนาม "อ้วน ลอยฟ้า" เซียนพระหนุ่มรุ่นใหม่ เจ้าของร้านคุณพระคุ้มครอง

               ด้วยเหตุที่มีความเลื่อมใสศรัทธาหลวงปู่โต๊ะ และเป็นเด็กฝั่งธน ทำให้อ้วน ลอยฟ้า มีโอกาสได้ไปกราบไหว้ขอพรท่านเป็นประจำ จึงคิดว่าน่าจะเริ่มจากหลวงปู่โต๊ะนี่แหละ เพราะเป็นพระที่ชอบ และขึ้นชื่อว่ามีประสบการณ์ดี จากนั้นก็เริ่มเช่าพระหลวงปู่โต๊ะอย่างเดียว โดยมีหลักว่าถ้าเป็นของแท้ ไม่ว่าสภาพไหนจะซื้อไว้ทั้งหมด ตั้งแต่หลักพันถึงหลักหมื่น ในระเวลา ๒-๓ ปี มีพระหลวงปู่โต๊ะเกือบล้านบาท เมื่อออกมาเทขายทั้งหมด โดยไม่คิดเลยว่าจะได้กำไรกว่า ๕ แสนบาท เมื่อเห็นว่ามีกำไรคิดว่าน่าจะยึดเป็นอาชีพได้จึงศึกษาและเช่าอย่างจริงจัง

               สำหรับจุดเริ่มต้นของเล่นพระสมเด็จนั้น อ้วน ลอยฟ้า บอกว่า พระสมเด็จ และพระชุดเบญจภาคีถือว่าเป็นที่สุดของความปรารถนาของคนเล่นพระ โดยได้เริ่มเช่าพระสมเด็จวัดเกศไชโยก่อน ด้วยความที่อยากนิมนต์ท่านขึ้นคออยู่พักใหญ่ จากนั้นก็มาเล่นพระสมเด็จบางขุนพรหมโดยซื้อพระที่ไม่สวย และพระที่ชำรุด ซึ่งราคาไม่แพง ที่สำคัญ คือ สามารถเห็นเนื้อในขององค์พระ เป็นพระที่ดูง่าย จากนั้นก็หาพระที่ช้ำๆ สภาพพอใช้ได้ ราคาก็เริ่มแพงมากขึ้น ในที่สุดก็พระในราคาหลักล้าน ขณะเดียวกันก็หันมาซื้อพระจากเซียนใหญ่โดยตรง

               ส่วนพระที่ขึ้นชื่อว่า ซื้อแพง และเป็นพระในตำนานมี ๒ องค์ คือ พระปิดตาหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ พิมพ์ใหญ่ จ.ชลบุรี และเหรียญหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ ราคาหลายสิบล้านบาท แต่ไม่เคยนิมนต์ขึ้นคอเลยสักครั้งเดียว

               “ผมชื้อพระมารักษาพระ ผมเชื่อว่าเก็บพระไว้ที่บ้านก็เปรียบเหมือนพระได้คุ้มครองคนในบ้านอยู่แล้ว ผมเชื่อว่าศรัทธาเกิดปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นแล้ว ทุกวันนี้ผมแขวนพระสมเด็จพระบางขุนพรม” อ้วน ลอยฟ้ากล่าว พร้อมกับบอกด้วยว่า

               “ระหว่างพระเหนียว กับพระเมตตา อ้วน ลอยฟ้า บอกว่า เลือกพระเมตตาก่อน เพราะถ้าขึ้นชื่อว่ามีเมตตาทุกอย่างก็จบ ซึ่งถือว่าครบเครื่อง มีเมตตาไม่ต้องพึ่งพุทธคุณเหนียว มีเมตตาก็มีโชคลาภเอง มีเมตตาทุกอย่างก็จะประความสำเร็จ”

               อย่างไรก็ตาม มีคนจำนวนไม่น้อย อาจจะคิดไปก่อนว่าการเปิดร้านรับเช่าพระลำพังเพียงร้านเดียวสู้การเปิดร้านพระที่อยู่ในศูนย์พระขนาดใหญ่ไม่ได้ แต่สำหรับ อ้วน ลอยฟ้า แล้วกลับมีมุมมุมมองที่แตกต่าง โดยเขาพูดทิ้งท้ายไว้อย่างหน้าคิดว่า

               "การเปิดร้านเดี่ยวๆ มีข้อดี คือ ได้โชว์ศักยภาพของตนเองว่าตาถึง ตาดี และใจถึงขนาดไหน ซื้อพระโดยไม่ต้องพึ่งตาใคร ได้กินคนเดียว ขณะเดียวกันก็ต้องโดนคนเดียวเช่นกัน ใครถนัดแบบไหนก็ต้องโดนแบบนั้น รวมแล้วสิบปีที่อยู่ในวงการโดนไปหลักล้านเช่นกัน" 

คติเตือนใจจาก "ป๋าพยัพ"
 

“การดูพระพันองค์ พอดูออก
แต่ดูคนกลับกลอก สุดวิสัย
การดูพระคือวัตถุ  พอเข้าใจ
แต่ดูคนเปลี่ยนไป  กาลเวลา
ดูพระแท้ก็คือแท้  ไม่แปรเปลี่ยน
แต่ดูเก๊ล้อเลียน เพียรศึกษา
เจอคนแท้ถือว่าแน่  พึงศรัทธา
เจอคนเก๊ยิ่งกว่า  เจอพระปลอม"

               นี้เป็นคติเตือนใจของ นายพยัพ คำพันธุ์ หรือ "ป๋าพยัพ" นายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทยที่ อ้วน ลอยฟ้า เขียนติดไว้ที่ร้าน เพื่อเป็นสติเตือน ใจตนเอง โดยในวันเปิดร้าน อ้วน ลอยฟ้าได้รับความเมตตาจากป๋าพยัพมาเซ็นชื่อให้ที่ป้ายด้วย 

               นอกจากนี้แล้วยังมีอีกคำพูดหนึ่งที่ อ้วน ลอยฟ้า ยังจดจำได้ไม่ลืมเลือน ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งบอกว่า "พระเครื่องเก๊-แท้ ก็เหมือนเด็กฝาแฝด เห็นครั้งแรกๆ แยกไม่ออกคนไหนพี่คนไหนน้อง พอได้คลุกคลีสักพัก เห็นบ่อยๆ ก็จะรู้เอง เป็นความคุ้นตา พระเครื่องก็เช่นกัน ที่สำคัญ คือ เราจะไม่เอาความผิดพลาดของเราไปยัดเยียดให้คนอื่น"

               ทั้งนี้ อ้วน ลอยฟ้า ได้ให้คำแนะนำนักเล่นพระรุ่นใหม่ว่า ต้องเห็นของแท้บ่อยๆ ไปหาร้านพระที่คุณเชื่อใจ มีชื่อเสียงดี แล้วก็บูชาพระเครื่องที่คุณชอบมาศึกษา ขาดไม่ได้คือองค์ทำเลียนแบบ เอามาเทียบดูกับองค์แท้ว่าต่างกันอย่างไร ดูให้คุ้นตา ผมว่าถ้าตั้งใจจริงๆ ประมาณ ๒ เดือน จะคุ้นระดับหนึ่ง พยายามดูหลายแบบจะได้ชินตา

"พระ"มีคุณค่าที่มากด้วยราคา

               พระเครื่องที่ อ้วน ลอยฟ้า ถนัดและชอบเป็นพิเศษก็คือ พระสมเด็จอรหัง, พระสมเด็จบางขุนพรหม, หลวงปู่ภู วัดอินทรวิหาร, หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม ทั้ง ๔ องค์นี้เป็นพระเครื่องที่ชอบเป็นพิเศษ ด้วยความที่ผมชอบพระเนื้อผงเป็นพิเศษ คิดว่ากระบวนการสร้างพระเนื้อผงนั้นยาก เนื่องด้วยรายละเอียดมวลสารแต่ละชนิด ที่มาที่ไป ความศักดิ์สิทธิ์ รูปแบบพิมพ์ทรง โดยองค์รวมนั้นค่อนข้างมีเนื้อหากว่าพระเครื่องชนิดอื่น"

               อ้วน ลอยฟ้า บอกว่า คนจำนวนไม่น้อยคิดว่า เพชร และทองคำ เป็นของที่ขึ้นชื่อว่าเป็นของแพงที่สุดในโลก” แต่สำหรับอ้วน ลอยฟ้า กลับคิดว่า “ดิน และผงว่านของไทยแพงที่สุดโลก ที่สำคัญ คือ มีเงินยังหาซื้อไม่ได้ ต้องมีบารมีและมีบุญถึงจะได้ครอบครอง” อย่างกับล่าสุดได้ซื้อ “พระปิดตาพิมพ์ใหญ่ หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์"

               สำหรับประเด็นที่ว่า "เราไม่เอาความผิดพลาดของเราไปยัดเยียดให้คนอื่น" อ้วน ลอยฟ้า บอกว่า

               ๑.รับประกันความแท้ตลอดกาล ถ้าในกรณีที่ตรวจสอบพระจากการประกวดที่สมาคมพระเครื่องแห่งประเทศไทยรับรองแล้วว่าไม่แท้ยินดีคืนเงินสดทันทีโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้นเต็มจำนวนโดยไม่หัก % ตลอดเวลา 2.รับประกันสภาพ (ไม่อุด ไม่ซ่อม ไม่แต่งจมูกพระ ไม่หลอกสภาพ) ตามข้อตกลง 3.รับซื้อคืนพระที่เช่าบูชาไปทุกองค์ ด้วยเงินสดตลอดเวลา ตามสภาพคล่องการตลาดในปัจจุบัน (ขายคืนหัก 10% เปลี่ยนหัก 5%) โดยพระทุกองค์ต้องอยู่ในสภาพเดิม โดยไม่ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสภาพใดๆ ทั้งสิ้น

               ๒.รับประกันสภาพ (ไม่อุด ไม่ซ่อม ไม่แต่งจมูกพระ ไม่หลอกสภาพ) ตามข้อตกลง

               ๓.รับซื้อคืนพระที่เช่าบูชาไปทุกองค์ ด้วยเงินสดตลอดเวลา ตามสภาพคล่องการตลาดในปัจจุบัน (ขายคืนหัก 20% เปลี่ยนหัก 10%) โดยพระทุกองค์ต้องอยู่ในสภาพเดิม โดยไม่ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสภาพใดๆ ทั้งสิ้น

               สำหรับนักนิยมสะสมพระเครื่อง หากมีเวลาว่าง สามารถเข้าไปพบปะพูดคุยกับ เซียนอ้วน ลอยฟ้า ได้ที่ร้านพระคุ้มครอง ตั้งอยู่หลังห้างพาต้าปิ่นเกล้า พระในร้านล้วนได้รับการคัดสรรใส่ตลับทองฝังเพชรนับไม่ถ้วน ส่วนใหญ่เป็นพระยอดนิยม พระสมเด็จวัดระฆังกว่า ๒๐ กว่า พระสมเด็จบางขุนพรหมอีกกว่า ๑๐ องค์ ทั้งตู้มีมูลค่ากว่า ๒๐๐ ล้าน อ้วน ลอยฟ้า บอกว่า นี่แค่ส่วนหนึ่ง ยังมีเบอร์รองๆ อีกมาก ใครอยากได้อยากดูก็แวะชมกันเองครับ