พระเครื่อง

การกู้หนี้เป็นทุกข์ในโลก

การกู้หนี้เป็นทุกข์ในโลก

08 มี.ค. 2557

ขุมทรัพย์ทางวัฒนธรรมฯ : ธรรมะยู-เทิร์น โดยอิทธิโชโต

         ทุราวาสา ฆรา ทุกฺขา

         การกู้หนี้ เป็นทุกข์ในโลก

         จากการประกาศใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ ๑ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศไทย ปี ๒๕๑๑ ส่งผลให้เกิดความเสียหายในเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม รวมทั้งอุตสาหกรรมการเกษตรมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ภาคกสิกรรมที่ไม่ได้ทำในระบบอุตสาหกรรม ไม่เสียหาย รัฐกลับไม่ส่งเสริมกัน ทั้งๆ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านก็ทรงแนะเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง แต่ก็ไม่ทำกัน ปัญหามันก็เลยเป็นเช่นนี้ 

         ถ้ารัฐยังไม่หันกลับมาสนับสนุนทฤษฎีในหลวง ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็แล้วแต่ อีกกี่ชั่วอายุคน ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศไม่มีทางสบาย มีแต่จะทุกข์ทนทรมานกันต่อไป ไม่มีทางที่จะลืมตาอ้าปากขึ้นมาได้ ยกเว้นคนไหนตั้งใจทำจริงๆ เริ่มมาทำเอง จึงจะได้ เพราะรัฐไม่ส่งเสริมโครงการต่างๆ เท่าที่ควรจะเป็นเท่าเทียมกับประเทศที่เจริญแล้ว ที่เป็นเช่นนี้ เพราะเมื่อจิตใจไม่เจริญ คนก็ไม่รู้จักว่าสิ่งไหนควรทำและส่งเสริมกัน เพื่อให้คนส่วนมากและทุกๆ คนในประเทศนี้ได้รับประโยชน์ เมืองไทยเป็นอย่างนั้น ต้องทำเองซะก่อน อย่างไรก็ตาม อย่าท้อ เพราะมันก็เข้าหลักธรรมะของพระพุทธเจ้าที่ว่า อัตตา หิ อัตตโน นาโถ:ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

         อย่างการกีฬาก็เหมือนกัน รัฐส่งเสริมไหม อย่างนักกีฬาดังๆ อย่าง "น้องเมย์" รัชนก อินทนนท์ เขาก็ใช้ทุนของเขา พอเขามีชื่อเสียงโด่งดัง รัฐก็ไปเอาชื่อเสียงเขา หรืออย่างภราดร ศรีชาพันธุ์  ก็เหมือนกัน แต่จะให้ส่งเสริมตั้งแต่เริ่มแรกไม่มีทาง ประเทศไทยก็เป็นเสียอย่างนี้

         ตอนนี้ยิ่งลำบาก รัฐไม่มีเงินจ่ายชาวนา สมัยก่อนชาวนาไม่มีเงินยังพอว่า เพราะลูกเต้าไม่ได้เรียนหนังสือ มีข้าวไว้กิน แทบไม่จำเป็นต้องใช้เงินเลย ตามบ้านนอกคอกนา เดี๋ยวนี้ บ้านใครก็ต้องส่งลูกไปเรียนหนังสือ ต้องมีค่าใช้จ่าย ถ้าไม่มีเงิน จะเอาเงินที่ไหนมาใช้ หนี้ก็รุมเร้า ทั้งทุกข์และเครียดจะตาย เกษตรกรเป็นหนี้หมื่นหนึ่ง แสนหนึ่งก็มากแล้ว เพราะหาเงินมาจ่ายดอกเบี้ยยากด้วย ปีหนึ่งๆ เขาต้องรอผลผลิตจากการเกษตรของเขาจึงจะได้มา หรือ ๖ เดือนได้ครั้งหนึ่ง แต่เงินต้องใช้ทุกวันใช่ไหม

         เพราะฉะนั้น เมื่อชาวบ้านทุกข์ยากก็เกิดปัญหาในสังคม

         สมัยก่อนตอนเราเป็นเด็ก ตามบ้านนอก เวลาใครมาค้าขาย แล้วไปนอนที่วัด ตอนเย็นอาบน้ำซักผ้า เขาก็เข้าไปขอข้าวตามหมู่บ้าน ไม่ได้ขอข้าวสาร แต่ขอข้าวนึ่ง ชาวบ้านก็ไปเอามาให้ปั้นหนึ่ง ไม่รู้จักกันนะ เขาก็ให้ ส่วนกับข้าวก็ไปทำกันเอง แต่สมัยนี้ไม่ได้แล้ว ทุกคนต้องปากกัดตีนถีบ หากัน ดิ้นรนกัน จะมาขอกันง่ายๆ ก็ยาก ยกเว้นคนสนิทสนมกันจริงๆ ที่วัดก็เหมือนกัน ต้องรู้จักกันจึงจะไปขอวัดได้ ศาสนาก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างที่เราเห็น... วัฒนธรรมเหล่านี้ กำลังค่อยๆ เสื่อมถอยไป