
ประทีปแห่งพุทธที่...ฮอลแลนด์
ความสนใจในพุทธศาสนาในยุโรป มีมาตั้งแต่ ๓๐-๔๐ ปีก่อนแล้ว โดยในปัจจุบัน ชาวดัตช์ให้ความสนใจกับพุทธศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนั่งสมาธิ เพราะตอบสนองวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป
ขณะเดียวกัน ปัจจุบันมีสถานฝึกสมาธิหลายแห่งทั่วประเทศ ไม่เฉพาะแต่การทำสมาธิแบบเถรวาท แต่ยังมี แบบเซน แบบมหายาน และอื่นๆ
มีนิตยสาร ชั้นเรียน ที่เกี่ยวข้องกับการนั่งสมาธิมากมาย แต่ปัญหาที่พบเสมอ คือ ไม่มีครูอาจารย์สอน
หลวงพ่อเมตตาวิหารี จากวัดมหาธาตุ ได้ไปอยู่ที่ฮอลแลนด์กว่า ๔๐ ปี ได้สั่งสอนชาวดัตช์ให้รู้จักการทำวิปัสสนา ได้กลุ่มลูกศิษย์ที่ท่านสอนไว้ และท่านชี้ตัวว่า ให้เป็นครูสอนต่อได้อยู่ ๑๓ คน
ในบรรดาลูกศิษย์กลุ่มนี้ ส่วนมากเป็นผู้ชาย มีเพียง ซิสเตอร์โชติกา ที่เป็นหญิง ปีนี้ท่านมีอายุ ๗๗ ปีแล้ว เคยมารับรางวัลสตรีชาวพุทธดีเด่น ของสหประชาชาติ เมื่อ ๒ ปีก่อน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้ ภิกษุณีธัมมนันทา (อดีต ดร.ฉัตรสุมาลย์ กบิลสิงห์) หรือ หลวงแม่ แห่งวัตรทรงธรรมกัลยาณี จ.นครปฐม ได้ถูกนิมนต์ให้ไปบรรยายความรู้ด้านพุทธศาสนา ประกอบด้วย พระพุทธประวัติ, ธรรมะของพระพุทธเจ้า การก่อกำเนิดสงฆ์ในพุทธศาสนา และในวันสุดท้าย พูดถึงบทบาทของผู้หญิง และภิกษุณีในศาสนาพุทธ เพื่อปูพื้นฐานให้ชาวดัตช์บางคนที่ไม่มีโอกาสศึกษาพระพุทธศาสนาอย่างถ่องแท้ ได้เข้าใจถึงแก่นสำคัญในพระพุทธศาสนา
นอกจากนี้แล้ว ในวันสุดท้ายพูดถึงบทบาทของผู้หญิง และภิกษุณีในศาสนาพุทธ ขณะเดียวกันเมื่อเรียนจบ ๕ วัน ผู้ที่มาเรียนก็รับไตรสรณาคมน์ หรือการแสดงตนเป็นถวายตัวเป็นพุทธมามกะ โดยมีญาติพี่น้องมาร่วมเป็นสักขีพยาน และแสดงความยินดี
ขณะเดียวกัน ก็มีการคุยกันถึงเรื่องการย้ายศาสนา หรือ conversion โดยหลวงแม่อธิบายให้ผู้ที่มาฟังว่า ผู้ที่รับพุทธมามกะเหล่านี้ ไม่มีศาสนามาเป็นเวลานาน ไม่มีการไปโบสถ์ ไม่มีการเข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนาของเขามานับทศวรรษแล้ว
คุณหมออังคา ที่เข้าพิธีพุทธมามกะ ไปบอกว่า ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกมั่นคงในจิตใจมาก มีความรู้สึกว่า เช้าวันนี้ตื่นขึ้นมาเป็นชาวพุทธ มีความมุ่งมั่นชัดเจน ที่จะเดินตามแนวทางของพระพุทธเจ้า เป็นความรู้สึกที่ไม่มีอย่างนี้มานานแล้ว จึงเป็นเรื่องที่น่าโมทนายิ่ง
ที่สำคัญ คือ ในกลุ่มที่เข้าพิธีพุทธมามกะไป ๙ คนนี้ จะกลายเป็นแกนนำชาวพุทธ ในการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ซิสเตอร์โชติกาก็ยังนำสอนวิปัสสนาต่อไป ทำให้กลุ่มมีทิศทางชัดเจนมากขึ้น
หลังจากจบหลักสูตรแล้ว มีผู้ขอรับไตรสรณาคมน์ หรือการแสดงตนเป็นพุทธมามกะอีก ๔ คน เป็นผู้ชาย ๑ คน ผู้หญิง ๓ คน
ที่น่าสนใจ คือ ผู้ที่ขอเข้าเป็นพุทธมามกะ มิใช่ชาวบ้านทั่วไป แต่เป็นคนที่มีหน้าที่การงานที่สำคัญในสังคม
คุณอังคา อันสิค เป็นแพทย์สตรีที่เชี่ยวชาญเรื่องโรคมะเร็งของสตรี เวลานี้เป็นหัวหน้าหน่วยงานที่ดูแลอาการผู้ป่วยดังกล่าว หลังการเยียวยารักษาขั้นแรกไปแล้ว
คนที่เป็นผู้ชาย ทำงานธนาคาร สตรีอีกคนหนึ่ง เป็นพยาบาล จบปริญญาโท ทำงานดูแลเด็กที่พิการ และคนสุดท้าย เป็นชาวเบลเยียม ทำงานเกี่ยวกับมูลนิธิเอกชนในเรื่องการดูแลผู้หญิง
“การแสดงพุทธมามกะ หรือผู้ประกาศตนว่า เป็นผู้นับถือพระพุทธศาสนา ในครั้งนี้มีชาวดัตช์เพียง ๔ คน คนไทยอาจจะมองเพียงว่า เป็นเรื่องเล็กน้อยมาก แต่ที่ฮอลแลนด์เป็นเรื่องอันยิ่งใหญ่ ชาวดัตช์ที่แสดงตนเป็นพุทธมามกะ จะมีการเปลี่ยนชื่อเป็นภาษาบาลี อย่างกรณี ของ อ.โชติกา ชื่อเดิม คือ โจเก้อ เปลี่ยนเป็น โชติกา จะขอชื่อพุทธ มีทั้งที่เปลี่ยนในบัตรประชาชน รวมทั้งเป็นชื่อเรียกกันในหมู่ชาวพุทธด้วยกัน และสิ่งหนึ่งที่แตกต่างจากคนไทย คือ โดยมากคนไทยไปวัดมักจะไปหาพระ หรือพบพระมากกว่า ผิดกับชาวดัตช์ ที่ไปวัดเพื่อเรียนรู้ และปฏิบัติธรรม และนั่งสมาธิ การสืบสานพระศาสนาในฮอลแลนด์ กำลังเดินไปถูกทางแล้ว”
นี่คือ จุดเริ่มต้นที่ดี ของการสร้างศาสนิกชน จากมุมมองของหลวงแม่
พร้อมกันนี้ หลวงแม่ยังบอกด้วยว่า พระภิกษุไทยที่ไปประจำที่เมืองวาลแวกซ์ ก็จะเน้นการดูแลครอบครัวไทย นำในเรื่องการทำบุญ และงานด้านวัฒนธรรมเป็นหลัก
ส่วนชาวดัตช์เองต้องการความรู้ด้านพุทธศาสนา และไม่สนใจเรื่องวัฒนธรรมนัก เพราะเขาก็มีวัฒนธรรมของเขาเอง ไม่จำเป็นต้องรับวัฒนธรรมไทย ในการที่จะเป็นพุทธ และเป็นเรื่องที่น่ายินดี สำหรับพุทธศาสนิกชน ที่ชาวดัตช์หันมานับถือพุทธศาสนามากกว่า ๒๕๐,๐๐๐ คน และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี มีทั้ง สายทิเบต (มีมากกว่า ๘๐% เนื่องจากมีการเผยแผ่เป็นภาษาท้องถิ่น) สายเซน และสายเถรวาท
จำนวนศาสนิกของพุทธศาสนาที่เพิ่มขึ้น ไม่ได้เกิดจากการไปแย่งศาสนิกของศาสนาอื่น แต่เป็นการสร้างศาสนิกใหม่ ของผู้ที่ละทิ้งศาสนาไปแล้ว ซึ่งมีอยู่จำนวนหนึ่ง เช่นเดียวกับในประเทศที่เป็นชาวพุทธเฉพาะในบัตรประชาชน หรือตามทะเบียนบ้านเท่านั้น
“คนไทยไปวัดมักจะไปหาพระหรือพบพระมากกว่า ผิดกับชาวดัตช์ที่ไปวัดเพื่อเรียนรู้และปฏิบัติธรรมและนั่งสมาธิ การสืบสานพระศาสนาในฮอลแลนด์กำลังเดินไปถูกทางแล้ว”
พุทธศาสนาในเนเธอร์แลนด์
พระพุทธศาสนา ได้เผยแผ่เข้าสู่ประเทศเนเธอร์แลนด์โดยผ่านทางพ่อค้าชาวดัตช์ และชาวพื้นเมืองจากประเทศศรีลังกา ที่เดินทางไปศึกษาเล่าเรียนในประเทศเนเธอร์แลนด์
แต่ก็มีผู้นับถือพระพุทธศาสนาไม่มากนัก หลังจากสงครามโลกครั้งที่ ๒ แล้ว ในปี ๒๔๙๘ ได้มีชาวพุทธในกรุงเฮกได้ฟื้นฟูพระพุทธศาสนาขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
โดยการจัดตั้งชมรมชาวพุทธดัตช์ขึ้น มีจุดประสงค์เพื่อเป็นศูนย์กลางในการพบปะสังสรรค์ของพุทธศาสนิกชนในประเทศเนเธอร์แลนด์
ชมรมนี้ จะมีการพบปะกันทุกวันอังคาร สัปดาห์ที่ ๓ ของทุกเดือน ซึ่งในการพบปะกันแต่ละครั้งนั้น จะมีการบรรยายหลักธรรมของพระพุทธศาสนา แล้วอ่านพระสูตร พร้อมกับอธิบายความ และก่อนที่จะเลิกชุมนุม จะมีการฝึกนั่งสมาธิพร้อมกันด้วย
ปี ๒๕๐๗ ชาวพุทธจำนวน ๑๕ คน ได้ร่วมกันก่อตั้งกลุ่มพุทธศาสตร์ศึกษาขึ้นที่กรุงเฮก เพื่อดำเนินการเผยแผ่และกระทำกิจกรรมต่างๆ ตามหลักของพระพุทธศาสนา
ต่อมาปี ๒๕๑๒ สถานทูตไทยในประเทศเนเธอร์แลนด์ ก็ให้ความอนุเคราะห์ให้มีการจัดตั้งพุทธสมาคมขึ้น เพื่อจะส่งเสริมให้มีการศึกษาหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา และสนับสนุนให้นำเอาหลักธรรมดังกล่าวไปใช้ในชีวิตประจำวัน
ปัจจุบัน การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศเนเธอร์แลนด์ ดำเนินงานโดยพระภิกษุสงฆ์จากประเทศไทย เพราะในประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้มีการสร้างวัดไทยขึ้นเมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๑๖ โดยส่งพระสงฆ์จากเมืองไทยไปเป็นเจ้าอาวาส เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา มีผลทำให้จำนวนผู้นับถือพระพุทธศาสนาเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ
วัดในประเทศเนเธอร์แลนด์ คือ ๑.วัดพุทธาราม เป็นวัดมหานิกาย มี พระราชพุทธิวิเทศ เป็นเจ้าอาวาส และ ๒.วัดพุทธวิหาร อัมสเตอร์ดัม เป็นวัดมหานิกาย และวัดพุทธของชาวต่างชาติ มี พระครูไกรสรวิลาส เป็นเจ้าอาวาส
เรื่อง - ภาพ... "ไตรเทพ ไกรงู"