พระเครื่อง

วัดป่าดาราภิรมย์ในการพัฒนาของ'พระโสภณธรรมสาร'

วัดป่าดาราภิรมย์ในการพัฒนาของ'พระโสภณธรรมสาร'

21 ก.พ. 2557

วัดป่าดาราภิรมย์ในการพัฒนาของ'พระโสภณธรรมสาร' : ท่องไปในแดนธรรม เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู

               วัดป่าดาราภิรมย์ ตั้งอยู่ที่ต.ริมใต้ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ได้รับพระบรมราชานุญาตให้ยกเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ เมื่อวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๔๒ อันเป็นปีเฉลิมฉลองพระชนมายุครบ ๖ รอบ แห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช

               ปี ๒๔๗๓ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระกรรมฐานนักปฏิบัติธรรมผู้ยึดมั่นในการถือธุดงควัตร ได้จาริกมาทางอ.แม่ริม ได้พักอยู่ที่ป่าช้าร้างบ้านต้นกอก ซึ่งในขณะนั้นเต็มไปด้วยป่าไม้สักและไม้เบญจพรรณ อยู่ติดกับบริเวณสวนเจ้าสบาย ตำหนักดาราภิรมย์ ของพระราชายาเจ้าดารารัศมี ในรัชกาลที่ ๕ ในขณะนั้นบริเวณวัดเป็นป่าไม้เบญจพรรณ (ป่าแพะ ) อยู่เขตชายป่าเทือกเขาดอยสุเทพ และดอยม่อนคว่ำหล้อง (ในตำนานของขุนหลวงวิรังคะ) ยังไม่พลุกพล่านด้วยบ้านผู้คน เป็นสถานที่เงียบสงบสงัด วิเวก ร่ำลือกันว่าเป็นสถานที่ผีดุ

               พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต อยู่จาริกอาศัยบำเพ็ญสมณธรรมตามวิถีแห่งธุดงคกรรมฐาน เป็นการชั่วคราวบ้าง ถาวรบ้าง จึงกล่าวได้ว่าจุดเริ่มต้นของสถานที่แห่งนี้เกิดเมื่อปี ๒๔๗๓ โดยท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็มีพระธุดงคกรรมฐานมาอยู่ปฏิบัติที่ป่าช้าแห่งนี้เป็นครั้งคราว 

               ปี ๒๔๘๑ โดยคณะพุทธบริษัทกลุ่มหนึ่งมีความเลื่อมใสศรัทธาในปฏิปทาของพระธุดงค์กรรมฐานสายอาจารย์มั่น ภูริทตตมหาเถร ที่จาริกมาประพฤติปฏิบัติ จึงพร้อมใจกันสร้างเสนาสนะ มีกุฏิ และศาลา ถวายแก่พระกรรมฐานเหล่านั้น โดยได้ตั้งชื่อวัดว่า “วัดป่าวิเวกจิตตาราม” บางหมู่ก็เรียกว่า “วัดป่าเรไร” บางหมู่ก็เรียกว่า “วัดป่าแม่ริม” โดยมีพระอ่อนตา อคคธมโม เป็นประธานสงฆ์อยู่ โดยมีนายแก้ว รัตนนิคม, นายศรีนวล ปัณฑานนท์ เป็นหัวหน้า สถานที่ตั้งแห่งนี้เป็นป่าช้าติดกับตำหนักดาราภิรมย์ สวนเจ้าสบาย ของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี เมื่อวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๔๘๒

               เมื่อพระโสภณธรรมสารได้รับแต่งตั้งให้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าดาราภิรมย์ ตั้งแต่ปี ๒๕๓๖ ท่านได้นำพระภิกษุสามเณร และอุบาสก อุบาสิกา ช่วยกันพัฒนาวัด รักษาศาสนสมบัติ ข้อวัตรปฏิบัติที่พระบูรพาจารย์ได้พากันปฏิบัติมาแต่กาลก่อน มีการไหว้พระสวดมนต์ ทำวัตรเช้า-เย็น การเจริญกรรมฐานภาวนา การบิณฑบาต การบำรุงวัดให้ร่มรื่น สะอาด สงบ ร่มเย็นสมกับเป็นอารามในพระพุทธศาสนา จัดวางระเบียบของการประพฤติปฏิบัติของพระภิกษุสามเณร และอุบาสกอุบาสิกา ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย งดงามสมตามสมณสารูป จนได้ความนิยมเลื่อมใสจากสาธุชนโดยทั่วไป

               โดยได้จัดเขตของวัดเป็น ๔ เขต คือ

               เขตพุทธาวาส เป็นเขตประทับของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยมีพระอุโบสถซึ่งได้สร้างขึ้นใหม่เวลาต่อมา

               เขตสังฆาวาส เป็นเขตที่อยู่อาศัยของพระภิกษุสามเณร โดยจัดสร้างเป็นกุฏิหลังเล็กๆ เรียบง่าย ตามสภาพของวัดป่ากรรมฐานทั่วไป

               เขตอุบาสิกา เป็นเขตที่พำนักของอุบาสิกาผู้ปรารถนาจะมาอยู่ประพฤติรักษาอุโบสถศีล และ ศีล ๘ อบรมกรรมฐานภาวนา เป็นต้น

               เขตศาสนาสงเคราะห์ เป็นที่ตั้งของมูลนิธิศึกษาพัฒนาชนบท ที่ตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือประชาชนในทางวิชาชีพ

               นอกจากนี้แล้วพระโสภณธรรมสาร เป็นพระที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีความประสงค์ให้วัดมีความเป็นระเบียบสง่างามถูกต้องตามศิลปกรรมล้านนา โดยทำการรื้อถอนถาวรวัตถุที่ชำรุดเสียหาย ตลอดถึงบูรณะถาวรวัตถุที่ทรุดโทรมให้มั่นคง แข็งแรง เช่น พระอโบสถ พระบรมธาตุเจดีย์ และทำการก่อสร้างพระวิหารหลวง มณฑปพระจุฬามณีศรีบรมธาตุ โรงเรียนพระปริยัติธรรม พระตำหนักสมเด็จพระสังฆราช หอพระอุปคุตมหาเถระ อนุสาวรีย์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ปฐมบูรพาจารย์ อนุสาวรีย์พระราชชายาเจ้าดารารัศมี และสิงห์คู่หน้าวัด เป็นต้น


พระโสภณธรรมสาร


               เมื่อพระเทพกวี (จันทร์  กุสโล) ได้รับบัญชาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวง เมื่อปี ๒๕๓๘ ท่านได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ให้เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่พระธรรมดิลก ในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๕ รอบ ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๓๕ ได้มอบฐานานุศักดิ์ให้พระครูปลัดฤทธิรงค์ เป็นพระครูปลัดธรรมจริยวัฒน์ ทำหน้าที่เลขานุการเจ้าคณะภาค ๔-๕-๖-๗ (ธ) และผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าดาราภิรมย์

               ต่อมาเมื่อพระธรรมดิลกได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ให้เป็นพระราชาคณะชั้นหิรัญบัฏที่ได้มอบฐานานุศักดิ์ให้เป็นพระครูปลัดสุวัฒนวรคุณและได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ในราชทินนามที่พระโสภณธรรมสาร ในพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๖ รอบ ของสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๔๗

               ทั้งนี้ พระโสภณธรรมสารได้ให้คติธรรมไว้อย่างน่าคิดว่า "ทุกคนรอบๆ ตัวเราล้วนเป็นเพื่อร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น แม้แต่พระมหากษัตริย์ก็ยังต้องทุกข์ ทุกข์แบบกษัตริย์ เช่น ทุกข์เกี่ยวกับปัญหาแผ่นดิน ปัญหาของบ้านเมือง ปัญหาของราษฎร เป็นต้น นักโทษก็ทุกข์แบบนักโทษ รัฐบาลก็ทุกข์แบบรัฐบาล ที่เห็นว่าสุขแท้ที่จริงแล้วไม่มีใครสุขจริงเลย"


ร่วมบุญเครื่องดนตรีมอบร.ร.วัดบวรฯ


               โรงเรียนวัดบวรนิเวศ เป็นโรงเรียนรัฐบาลประเภทชายล้วน เปิดสอนตั้งแต่มัธยมศึกษาตอนต้นถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย มีสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช  สกลมหาสังฆปริณายก เป็นองค์อุปถัมภ์โรงเรียน ปัจจุบันมีนายชาญณรงค์ แก้วเล็ก เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน

               เมื่อเริ่มก่อตั้งโรงเรียน ยังมีนักเรียนไม่มากนักได้เปิดทำการสอนที่ตึก "หอสหจร" ต่อมาย้ายไปเรียนที่ศาลาฤาษีบริเวณพระอุโบสถ วัดบวรนิเวศและที่ตึกหอสมุดมหามกุฎราชวิทยาลัย (ริมคลองบางลำพู) ในปัจจุบัน ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรวมวัดรังษีสุทธาวาสซึ่งอยู่ติด กับวัดบวรนิเวศเข้าด้วยกัน และแบ่งอาณาเขตที่อยู่ของภิกษุสงฆ์ และสถานศึกษา ของนักเรียนออกจากกัน สถานศึกษาของโรงเรียนจึงได้วิวัฒนาการเรื่อยมาตามลำดับ 

               เมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ คณะผู้บริหารโรงเรียนได้จัดพิธีบวงสรวงบูรพาจารย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำโรงเรียนวัดบวรนิเวศ ก่อนจัดกิจกรรมวันคล้ายวันสถาปนาโรงเรียน ปีที่ ๑๒๑ โดยมี นายชาญณรงค์ แก้วเล็ก เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ครู อาจารย์ นักเรียน ครูเก่า ศิษย์เก่า แขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมพิธี และนายธวัชชัย ชัยเพชระกุล ผู้อำนวยการโรงเรียนธนบุรีวรเทพีพลารักษ์ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนวัดบวรนิเวศร่วมพิธีด้วยก่อนจัดกิจกรรมวันคล้ายวันสถาปนาโรงเรียนวัดบวรนิเวศ ในวันอาทิตย์ที่ ๒๓  กุมภาพันธ์นี้
 
               อย่างไรก็ตามในปีนี้ ได้มีการจัดสร้างเหรียญพระพรหม รุ่น “สมปรารถนา” ทั้งนี้ สมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศวิหาร ประธานเททองหล่อ
พร้อมนั่งปรกอธิษฐานจิตปลุกเสก เพื่อนำเงินสมทบทุนซื้อเครื่องดนตรีของโรงเรียนวัดบวรนิเวศ ทั้งนี้ได้ประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดบวรฯ และพิธีพุทธาภิเษก ในวาระแรก วันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๖ วาระที่ ๒ วันศุกร์ที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ณ ห้องสิริสมบัติ โดยมีพระครูวิมลญาณอุดม วัดมณีชลขัณฑ์ จ.ลพบุรี, พระครูพิศาลจริยาภิรม วัดประดู่ พระอารามหลวง จ.สมุทรสงคราม, พระครูปลัดปิฏกวัฒน์ วัดชุ้ง จ.สระบุรี ร่วมกับพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง อาทิ พระอาจารย์ติ๋ว วัดมณีชลขัณฑ์ ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบุญได้ที่ อ.มนตรี ๐๘-๑๔๐๓-๙๕๓๕