พระเครื่อง

พระธรรมที่อยู่ในพระเครื่องมุมมอง'อั้ง เมืองชล'

พระธรรมที่อยู่ในพระเครื่องมุมมอง'อั้ง เมืองชล'

17 ก.พ. 2557

พระธรรมที่อยู่ในพระเครื่องเรื่องของบาปและบุญในมุมมองของ 'อั้ง เมืองชล' : เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู

               "โดน" ในภาษาเซียนพระ หมายถึง ถูกหลอกให้เช่าพระเก๊ หรืออาจจะเช่าของแท้ในราคาสูงเกินจริง ซึ่งถือเป็นประสบการณ์อันสำคัญของเซียนชนิดที่เรียกว่า "จะเป็นเซียนใหญ่แค่ไหนล้วนมีประสบการณ์โดนมาแล้วทุกคน" จนมีคำพูดว่า "คนที่ไม่เคยโดน คือ คนที่ไม่เช่าและไม่ซื้อพระเท่านั้น"

               "ผมมีครูคนจีนคนหนึ่ง ท่านเคยสอนเสมอๆ ว่าความผิดหวังย่อมเป็นพี่ของความสมหวัง ความพ้ายแพ้ย่อมเป็นพี่ของชัยชนะ ความสมหวังย่อมมาคู่กับความผิดหวังเสมอ เมื่อศึกษาธรรมอย่างชัดเจนเราก็จะเข้าใจเรื่องกรรม และกฎแห่งกรรม ซึ่งทุกคนล้วนมีกรรมติดตัวมาตั้งแต่เกิดอยู่ ๒ อย่าง คือ กรรมในด้านดี ที่ทำให้เราสุขสบาย และกรรมด้านไม่ดีที่ทำให้เราเสียหาย อย่างกับกรณีที่เซียนพระโดน เป็นผลของกรรมที่ติดตามเรามาตั้งแต่อดีตชาติ"

               นี่เป็นข้อคิดจาก "ประสบการณ์โดน" ของนายสมภพ ไทยธีระเสถียร หรือ อั้ง เมืองชล อุปนายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย ประธานชมรมอนุรักษ์พุทธศิลป์ไทย และหนึ่งในกรรมการตัดสินพระชุดเบญจภาคี ที่คร่ำหวอดในวงการพระเครื่องมากเกือบ ๔ ทศวรรษ

               อั้ง เมืองชล บอกว่า เกือบ ๔๐ ปีของการเล่นพระ ตัวเลขของการโดนน่าจะไม่ต่ำกว่า ๓๐ ล้านบาท เหตุผลหนึ่งที่โดน มาจากเราต้องมีกรรมต่อเขา ซึ่งเมื่อชาติก่อนเราอาจะเคยโกงเขามาก่อน ชาตินี้เราจึงถูกโกงบ้าง หากชาติที่แล้วเราไม่เคยโกงใครมาก่อนแล้วถูกโกงในชาตินี้ พระพุทธเจ้าเคยแสดงธรรมไว้ มีเหตุแล้วจึงเกิดผล ทุกอย่างในโลกที่เกิดขึ้นต้องมีเหตุปัจจัยในอดีตเป็นเครื่องประกอบ คนที่โกงเราในชาตินี้ย่อมไปเกิดเป็นทาสรับใช้เราไม่ทางใดหรือทางหนึ่ง หากเราอภัยให้เขาได้ เขาจะเกิดมาเป็นสัตว์เลี้ยงช่วยเรา บางคนที่โกงไปจะบอกตรงๆ ว่า ไม่ต้องใช้ชาตินี้ก็ได้ให้ไปใช้ในชาติหน้าก็ได้

               ประเด็นหนึ่งที่หน้าคิด คือ มีคนจำนวนไม่น้อยอาจจะคิดไปก่อนว่า คนที่นำพระออกมาขายนั้น ต้องมีความเดือดร้อนทางการเงิน แต่ความจริงแล้วเขาหมดบุญที่จะครอบครองพระองค์นั้นๆ มากกว่า พระหลักๆ ที่มีการเช่าซื้อหมุนเวียนในตลาดปัจจุบันนี้ ๖๐% เป็นพระของคนที่มีอันจะกิน

               อย่างไรก็ตามตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อั้ง เมืองชล เคยชักชวนพรรคพวกในวงการพระไปปฏิบัติธรรมด้วยกัน แต่เวลาว่างไม่ตรงกันจึงไม่มีโอกาสได้ปฏิบัติธรรมร่วมกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย คนวงการพระรู้คุณค่าพระเครื่องแต่ไม่เห็นคุณค่าพระธรรมที่ซ่อนไว้ในพระเครื่อง อย่างที่ว่า เราเห็นน้ำแต่ไม่ได้กินน้ำ หรือผู้ปฏิบัติธรรมย่อมที่รู้ว่าปฏิบัติธรรมนั้นดีอย่างไร คนอื่นจะมาเล่าอย่างไรคงเปรียบไม่ได้กับลองได้กินน้ำแล้วช่วยดับกระหาย หรือมีความสุขได้จากการปฏิบัติธรรมเอง
 
               ทั้งนี้ อั้ง เมืองชล พูดทิ้งท้ายไว้อย่างน่าคิดว่า “การปฏิบัติธรรมไม่จำเป็นต้องไปที่วัด ไปสำนักปฏิบัติธรรม รวมทั้งสำนักสงฆ์ เพราะคนที่ปฏิบัติธรรมได้คือคนที่หายใจได้อยู่ แค่ระหว่างหายใจเข้าท่องว่าพุธ หายใจออกท่องว่าโท มีสติอยู่เสมอ เรียกว่า พุทธนุสติ เท่านี้ก็ขึ้นชื่อว่าปฏิบัติธรรมแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่เราหายใจทิ้งโดยเปล่าประโยชน์”


พระปิดตาหลวงปู่แก้วที่สุดแห่งค่านิยม

                "พระปิดตาหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ จ.ชลบุรี" ซึ่งเป็นสุดยอดพระปิดตาเนื้อผงคลุกรัก ทั้งนี้ เมื่อปีก่อนมีการเช่าซื้อพระปิดตาหลวงพ่อแก้วเป็นข่าวสนั่นวงการพระเครื่อง คือ พิมพ์ใหญ่ หลังแบบ ๒ องค์ ในราคา ๒๕ ล้านบาท และ ๓๐ ล้านบาท

               ความเป็นเมตตามหานิยมของพระปิดตาหลวงปู่แก้ว ถึงกับมีเรื่องเล่ากันว่า ในสมัยโบราณหากใครทำพระปิดตาตกลงไปในตุ่มน้ำ หากใครได้กินน้ำเข้าไปจะคิดถึงแต่คนที่เป็นเจ้าของพระ เพราะการสร้างของท่านได้ใส่ไม้ไก่กุก หรือไม้กุ๊กไก่ไว้เป็นมวลสารส่วนผสมสำหรับสร้างพระ โดยท่านได้ไม้ไก่กุกระหว่างออกเดินธุดงค์ ซึ่งหากไก่ตัวใดกินไม้ชนิดนี้เข้าไปจะไม่ยอมไปไหน จะหากินอยู่แต่ใกล้ไม้ไก่กุกเท่านั้น

               อั้ง เมืองชล บอกว่า โดยส่วนตัวแล้วพระเครื่องที่ถนัดมากที่สุดก็คือ พระปิดตาหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ เรียกว่าลืมตาอ้าปากได้ก็มาจากการเช่าซื้อพระเครื่องมากที่สุดก็จากพระหลวงปู่แก้วนี่แหละ ตอนที่ตกอับคราใดก็จะได้พระหลวงปู่แก้วเข้ามาโดยไม่ได้ตั้งใจเสมอ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในช่วงวันทำบุญศูนย์พระมณเฑียร และการทำบุญในวันคล้ายวันมรณภาพของหลวปู่แก้ว ซึ่งที่ผ่านมาเคยเช่าพระปิดตาหลวงปู่แก้วองค์ละ ๒๐-๓๐ ล้านมาแล้ว และปัจจุบันยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

               ช่วง ๒-๓ ปีที่ผ่านมานี้ มีใบสั่งซื้อพระปิดตาหลวงปู่แก้ว ทั้งเศรษฐีและเซียนพระชนิดที่เรียกว่า เซียนหาให้ไม่ทัน เมื่อแย่งกันเช่าราคาจึงสูงขึ้น และหากการเมืองสงบ เศรษฐกิจดี อีก ๒-๓ ปีข้างหน้า พระทั้ง ๒ องค์นี้น่าจะขยับไปถึงหลัก ๔๐-๕๐ ล้านบาท และเท่าที่รู้คนเช่าเพื่อไปแขวน มิได้เช่าเพื่อฝากเก็บไว้ในเซฟของธนาคาร

               ทั้งนี้ อั๊ง เมืองชล ได้จัดอันดับค่านิยมพระปิดตาเนื้อผงคลุกรักชุดเบญจภาคี ที่นักเลงพระจัดลำดับกันไว้นั้น มีดังนี้
 
               ๑.พระปิดตา หลวงพ่อแก้ว วัดเคลือวัลย์ จ.ชลบุรี

               ๒.พระปิดตาหลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน (วัดบพิตรพิมุข) กทม. ค่านิยมเช่าหาไม่ต่ำกว่า ๑๐ ล้านบาท

               ๓.พระปิดตาหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง จ.นนทบุรี

               ๔.พระปิดตาหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี ค่านิยมเช่าหาไม่ต่ำกว่า ๕ ล้านบาท
 
               ๕.พระปิดตาหลวงปู่ภู่ วัดนอก ค่านิยมเช่าหาไม่ต่ำกว่า ๓-๕ ล้านบาท และ

               ๖.พระปิดตาหลวงพ่อเจียม วัดกำแพง จ.ชลบุรี ค่านิยมเช่าหาไม่ต่ำกว่า ๒ ล้านบาท


ขายพระไม่บาป

               ชาวพุทธมีข้อสงสัยว่า “คนขายพระเครื่องเปรียบเสมือนหากินกับพระนั้นเป็นบาป” แล้วทำไม "พระสงฆ์ที่พิมพ์ธรรมะของพระพุทธเจ้าออกมาขายไม่เป็นบาป ทั้งๆ พระสงฆ์มีหน้าที่แผ่ธรรมะของพระพุทธเจ้าแล้ว กลับเอาธรรมะมาขายกินไม่บาปยิ่งกว่าหรือ"

               อั้ง เมืองชล บอกว่า พระเครื่องทุกชนิดเป็นองค์แทนของพระพุทธเจ้า เปรียบเสมือนแผนที่เพื่อให้เรามีพุทธานุสติให้เดินตามพระธรรม แต่คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะคนในวงการพระเครื่องติดอยู่กับที่พระเครื่อง มีแต่ศรัทธาแต่ไม่มีปัญญาเรียกว่าหลง เพราะเห็นถึงราคาค่างวด และความเป็นไปได้ที่จะซื้อขายทำกำไร จึงทำให้ลืมแก่นแท้ของพระเครื่อง การส่องพระเครื่องแม้ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่เป็นเรื่องของการเสียโอกาสมากกว่า ซึ่งที่ผ่านมานั้น การเช่าซื้อพระเครื่องเป็นเพียงส่วนหนึ่งของอาชีพที่เลี้ยงชีวิตและครอบครัวเท่านั้น

               ส่วนเรื่งเป็นบาปหรือไม่นั้น ต้องยกเรื่องในพระไตรปิฎกในหมวด มิจฉาอาชีวะ ซึ่งหมายถึง อาชีพที่ไม่ควรทำ คือการเลี้ยงชีวิตในทางทุจริตและในทางผิดธรรมเนียมทำแล้วเป็นบาปอย่างแน่นอน ประกอบด้วย

               ๑.สัตถวณิชชา คือ การขายอาวุธ

               ๒.สัตตวณิชชา หมายถึง การค้าขายมนุษย์

               ๓.มังสวณิชชา หมายถึง ค้าขายสัตว์เป็น สำหรับฆ่าเพื่อเป็นอาหารเป็นการส่งเสริมให้ทำผิดศีลข้อที่ ๑

               ๔.มัชชวณิชชา หมายถึง การค้าขายน้ำเมา ตลอดจนการค้าสารเสพติดทุกชนิด

               ๕.วิสวณิชชา หมายถึง การค้าขายยาพิษ ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ รวมทั้งเป็นอันตรายต่อสัตว์

               "การขายพระเครื่อง การขายพระธรรม ในส่วนนี้คงอยู่ที่ว่าเจตนาอย่างไร หากนำมาประกอบอาชีพบนพื้นฐาน ซื่อสัตย์ สุจริต ไม่คดโกง หลอกลวงผู้อื่น ถือเป็นเจตนาดีไม่เกิดโทษ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการสนับสนุนเผยแพร่ อนุรักษ์ พระพุทธศาสนาในทางอ้อม ให้ผู้คนหันมาสนใจศรัทธาในพระพุทธศาสนามากขึ้น ถึงแม้ไม่ถูกต้องตามหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา แต่ถ้าอยู่บนพื้นฐานของศีลธรรม ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ก็คงไม่เสียหายอะไร" อั้ง เมืองชลกล่าว