'เดชอิศม์ ขาวทอง'กับ'เหรียญหลวงพ่อรื่นเหรียญหยุดรถไฟ'
'เดชอิศม์ ขาวทอง'กับ'เหรียญหลวงพ่อรื่นเหรียญหยุดรถไฟ' : เรื่อง/ภาพ สุพิชฌาย์ รัตนะ ศูนย์ข่าวภาคใต้
“คนใต้นิสัยนักเลง หมายถึงเป็นคนจริง คนตรง รักใครแล้วรักเลย ประเภทใจถึงใจ ไม่ต้องมากความ ได้คือได้ ให้ก็คือให้ หากคำว่าไม่แล้วก็คือไม่ ซึ่งพระที่ผมแขวนก็สะท้อนตัวตนของผมนั่นคือแนวแคล้วคลาด เมตตา มหาอุด” นี่คือคำนิยามเป็นคนจริงของชายชื่อ "เดชอิศม์ ขาวทอง” ประธานสโมสรหาดใหญ่ เอฟซี คนใหม่
แม้จะเพิ่งก้าวมาทำหน้าที่ประธานสโมสรหาดใหญ่ เอฟซี คนใหม่ถอดด้าม แต่หากย้อนปูมหลังจะรู้ทันทีว่า “เดชอิศม์ ขาวทอง” ไม่ใช่คนอื่นไกลสำหรับแวดวงลูกหนังเลยแม้แต่น้อย เพราะหลายขวบปีที่ผ่านมามักจะให้การสนับสนุนงานด้านกีฬามาอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญเคยส่งเสริมทีมฟุตบอลสงขลา ร่วมโม่แข้งในรายโปรวินเชียลลีกมาแล้ว แถมยังเป็นคนค้นคิดโปรเจกท์ฟุตบอล อบจ.คัพ จนมีหลายพื้นที่นำไปจัดการแข่งขันจนดังระเบิดทั่วบ้านทั่วเมือง
นอกจากนี้แล้วกีฬาพื้นบ้านที่เป็นอัตลักษณ์ประจำถิ่นอย่าง "การชนโค” หรือ "วัวชน” ยังเป็นอีกหนึ่งกีฬาที่หลงใหลและหลงรักมาตั้งแต่เด็ก ล่าสุดจึงตัดสินใจทุ่มงบประมาณหลายสิบล้านสร้างสนามชนวัวที่ใหญ่ที่สุดโดยใช้พื้นที่บริเวณใกล้สี่แยกคูหา อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ซึ่งเป็นหนึ่งทำเลทองที่อยู่ชานเมืองหาดใหญ่ เนรมิตเนื้อที่กว่า ๒๖ ไร่ รับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่จะเกิดขึ้นในปี ๒๕๕๘ นี้ เนื่องจากปัจจุบันพบว่ากีฬาวัวชนเริ่มเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวมากขึ้น ซึ่งหากสามารถพัฒนาให้ดีจะกลายเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้ท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี
เมื่อถามถึงพระเครื่องคู่ใจที่นิมนต์ติดตัวชนิดไปไหนไปกันไม่เคยห่าง เจ้าตัวตอบทันทีว่ามีอยู่ ๓ องค์ ประกอบด้วย ๑."เหรียญหลวงพ่อรื่น” วัดหารเทา จ.พัทลุง รุ่น ๒ ปี ๒๕๓๕ โดยเหรียญนี้ได้รับมอบมาจากพรรคพวก พร้อมเล่าถึงที่มาว่าเหตุใดที่เรียกว่าเป็นเหรียญหยุดรถไฟ เนื่องมาจากตอนที่ขนพระเครื่องมาปลุกเสกมีการขนย้ายมาทางรถไฟ ซึ่งสถานีรถไฟก็อยู่ตรงข้ามวัด พอถึงเวลารถไฟออกปรากฏว่า รถไฟไม่สามารถเขยื้อนไปไหนได้ จนต้องมีการนำหัวรถจักรมาใหม่จากหาดใหญ่ ก็ยังไม่สามารถเคลื่อนไปไหนได้อีก สุดท้ายก็มีการเข้าไปถามหาสาเหตุจากเจ้าอาวาสท่านก็บอกว่า ให้ไปหาดูว่าบนรถไฟยังมีพระไม่ได้เอาลงอยู่อีกหรือเปล่า ปรากฏว่ายังมีอยู่อีก 1 ลัง เมื่อเอาลงมาแล้วรถไฟก็สามารถออกไปได้ตามปกติ
ส่วนองค์ที่ ๒ คือ พระปิดตาหลวงพ่อดิษฐ์ วัดปากสระ จ.พัทลุง ซึ่งเป็น "สายเขาอ้อ” ทั้งนี้ส่วนตัวเป็นคนที่ศรัทธาและเลื่อมใสใน “สำนักตักศิลาไสยเวทแดนใต้” แห่งนี้อยู่แล้ว และองค์ที่ ๓ คือ พระผงของขวัญ หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ซึ่งเป็นพระที่มีอยู่เดิมในครอบครัว
“ผมว่าการแขวนพระก็เป็นกุศโลบายธรรมอย่างหนึ่งจากองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่คอยให้เราพึงระลึกอยู่เสมอว่า ควรทำการใดๆ ด้วยการตั้งมั่นในความดีเพราะการกระทำดีย่อมนำมาซึ่งเรื่องดีๆ ในชีวิต ความศักดิ์สิทธิ์จากองค์พระจะแสดงปาฏิหาริย์โดยที่เราไม่ทันได้รู้ตัวแน่นอน” เดชอิศม์ กล่าว
สำหรับประสบการณ์นั้น ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาก็มีแต่เรื่องดีๆ เกิดขึ้นกับชีวิต แม้ในบางเวลาจะพานพบกับวิกฤติบ้าง แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดีเหมือนมีใครคอยส่งเพื่อนดีหรือมิตรแท้มาโอบอุ้มให้แคล้วคลาดพ้นผ่านเรื่องเลวร้ายได้ด้วยดีอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งอธิบายเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ได้ยาก หากไม่ได้ประสบกับตัวเอง เช่นเดียวกับเรื่องการเปลี่ยนชื่อที่มีพระรูปหนึ่งที่เคารพทักมานานให้เปลี่ยนชื่อจะได้พบกับความสำเร็จ สมหวัง และที่สำคัญรวยแน่นอน แต่ด้วยภารกิจรัดตัวทำให้ไม่ได้เร่งดำเนินการในทันใด กระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีโอกาสจึงตัดสินใจเปลี่ยนชื่อและดูเหมือนว่าทุกอย่างในชีวิตประจำวันเริ่มดีขึ้นจริงตามลำดับ