ศิษย์แจง'ครูบาบุญชุ่ม'ไม่ยุ่งการเมือง | คมชัดลึก

              ตามที่มีการแชร์ผ่านไลน์ระบุพระครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร  พระเกจิล้านนาชื่อดังสายป่ากรรมฐาน  เป็นที่นับถือของประชาชนชาวภาคเหนือ และทั่วประเทศไทย  ที่ได้ตั้งสัจจะถือศีลที่วัดถ้ำราชคฤห์ อ.งาว จ.ลำปาง ตลอดการเข้าพรรษานานถึง 3 เดือน ไม่มีการปลงผม ไม่ฉันอาหารใดๆและไม่รับกิจนิมนต์ ไม่รับบิณฑบาต แม้ว่าจะมีคนนำไปถวาย แต่ฉันเพียงผลไม้ที่ลูกศิษย์นำมาถวาย และที่หาได้ตามป่าเท่านั้น เพราะท่านปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดตามรอยพระพุทธเจ้า และได้ออกจากถ้ำเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2556 ซึ่งเป็นวันออกพรรษา ได้ทำนายเกี่ยวกับอนาคตทางการเมืองไทยนั้น

              ล่าสุดวันที่ 17 พฤศจิกายน2556 คณะศิษยานุศิษย์ชาว จ.ลำปาง ของพระครูบาบุญชุ่มได้ออกประกาศผ่านทางหน้าเฟซบุ๊ก ที่ชื่อ “ครูบาบุญชุ่มครูบาสายล้านนาสายป่ากรรมฐาน” เพื่อประกาศข้อความไปถึงพุทธศาสนิกชนผู้เคารพรัก - นับถือพระพุทธศาสนา พร้อมทั้งศิษยานุศิษย์ และผู้ศรัทธา - พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ให้ทราบ โดยมีข้อความว่า

              “จงช่วยกันพิทักษ์ - รักษาพระพุทธศาสนา ทุก ๆ ท่านที่นับถือ ขอทุก ๆ ท่าน โปรดทราบ สืบเนื่องจากมีการแชร์ในโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับการทำนายเรื่องเกี่ยวกับบ้านเมือง และตระกูลต่าง ๆ ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องจริงแต่อย่างใด เพราะพระครูบาเจ้าบุญชุ่ม ญาณสํวโร ไม่ได้รับรู้หรือเกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้แต่อย่างใด มีการเข้าใจผิด และคลาดเคลื่อนไป ขอบรรดาสาธุชน- ศิษยานุศิษย์ ได้โปรดรับทราบ และเข้าใจตามนี้ เพราะจะทำให้องค์ท่านเสียหายได้ และจะเป็นกรรมเวรจากการปรามาสพระสุปฏิปันโน โดยความที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขออ้อนวอน และขอเมตตาทุก ๆ ท่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และฟังเถิด อย่าพึ่งด่วนสรุปและเชื่อโดยไร้เหตุผล สาธุ สาธุ สาธุ”        

              ทั้งนี้เฟซบุ๊กดังกล่าวมีคณะศิษยานุศิษย์ชาว จ.ลำปาง ที่นับถือพระครูบาบุญชุ่มได้จัดทำขึ้น เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ และบอกกล่าวข่าวสาร และภาพความเคลื่อนไหวไปยังคณะศิษยานุศิษย์ และประชาชน ผู้ที่เคารพนับถือ ได้รับรู้ถึงความเคลื่อนไหวของ พระครูบาบุญชุ่ม ซึ่งโพสต์ล่าสุดที่เกิดขึ้นนั้น มีภาพของพระครูบาบุญชุ่มพนมมือและมีข้อความประกาศในข้อความข้างต้น โดยมีประชาชนได้เข้ามากดไลท์ และแชร์ต่อเป็นจำนวนมาก

              ในเฟซบุ๊กของพระครูบาบุญชุ่มนี้มีประชาชนกดถูกใจกว่า 5,000 คน และเข้ามาดูภาพรวมถึงความเคลื่อนไหวของพระครูบาบุญชุ่ม ซึ่งในการออกประกาศดังกล่าวนั้นสืบเนื่องจากที่ผ่านมาในโลกสังคมออนไลน์ได้แชร์ข้อความที่ส่งผ่านโปรแกรม ไลน์ (Line) กันอย่างกว้างขวาง ที่ระบุเป็นคำทำนายของพระครูบาบุญชุ่ม จนทำให้ประชาชนที่ได้รับข้อความดังกล่าวเกิดตื่นตกใจ และมีการส่งต่อไปเรื่อย ๆ ในส่วนของ จ.ลำปาง หลายคนต่างไม่เชื่อว่า เป็นคำทำนายจากพระครูบาบุญชุ่มจริง อาจจะมีการปลุกกระแสทางสังคมขึ้นมา   โดยเฉพาะชาวบ้านในพื้นที่ อ.งาว จ.ลำปาง ที่ไม่เชื่อกับข้อความดังกล่าว เพราะไม่เป็นความจริงว่า พระครูบาบุญชุ่มจะทำนายไว้แบบนั้น เพราะพระครูบาบุญชุ่มปฎิบัติธรรมอยู่ในธรรมตลอดเวลา
 
              ทั้งนี้จากข้อมูลในหน้าเฟสบุ๊ก “ครูบาบุญชุ่ม ครูบาสายล้านนาสายป่ากรรมฐาน” ที่ผ่านมานั้น ทำให้ทราบว่า พระครูบาาบุญชุ่ม ได้เขียนจดหมายด้วยลายมือจากภายในถ้ำ  เพื่อบอกกล่าวให้คณะศิษยานิศิษย์ได้รับทราบว่า จะออกจากถ้ำในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2556  จากนั้นจะได้ข้ามไปฝั่งประเทศพม่า วันที่ 15 พฤศจิกายน 2556 เพื่อจะไปปฎิบัติศาสนกิจ ที่วัดพระธาตุดอนเรือง ต.เมืองพงษ์ อ.ท่าขี้เหล็ก รัฐเชียงตุง ประเทศพม่า โดยไม่มีกำหนดกลับประเทศไทย จึงได้เขียนจดหมายให้คณะศิษยานุศิษย์ ได้เตรียมตัวไปส่ง ซึ่งในหน้าเฟซบุ๊กดังกล่าวนั้น ก็มีภาพของพระครูบาบุญชุ่มที่นั่งอยู่บนรถที่ถูกตกแต่งเป็นรูปบุษบกแล้วเคลื่อนไปตามเส้นทางต่าง ๆ ใน อ.ท่าขี้เหล็ก รัฐเชียงตุง ประเทศพม่า โดยมีชาวพม่าเดินทางมากราบไหว้กันเป็นจำนวนมาก

              สำหรับข่าวพระครูบาบุญชุ่มที่โด่งดังและเป็นที่สนใจไปทั่วภาคเหนือ และทั่วประเทศไทย คือ เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ.2556 พระครูบาบุญชุ่มได้ออกจากปฏิบัติธรรมเข้ากรรมฐาน หลังเข้ากรรมฐาน 3 ปี 3 เดือน 3 วัน ภายในที่ถ้ำราชคฤห์ บ้านแม่แก้ ม.5 ต.บ้านอ้อน อ.งาว จ.ลำปาง  โดยได้อธิษฐานไม่เปล่งวาจา และไม่พบบุคคลใด ๆ ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน พ.ศ.2553 เป็นต้นมา ซึ่งในครั้งนั้นมีประชาชนจากทุกสารทิศ ทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน ต่างพากันแต่งชุดขาวเดินทางมากราบไหว้และชื่นชมบารมีของพระครูบาบุญชุ่มกว่า 10,000 คน นับเป็นมหาบุญ ที่ทำให้ชื่อเสียงของพระครูบาบุญชุ่มโด่งดังมากยิ่งขึ้น  โดยเฉพาะประชาชนที่เข้าร่วมพิธีบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่ ด้วยการรับฟังธรรมเทศนา และจุดเทียนหมื่นเล่ม ก่อนที่พระครูบาบุญชุ่มจะเข้ากรรมปฏิบัติธรรมในถ้ำต่อไป  กระทั้งมีการออกจากถ้ำเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2556 เพื่อเดินทางไปประเทศพม่าที่ผ่านมา