
ติวเข้ม 'พระธรรมทูต'
เมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๒ ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ร่วมกับ สมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และ วัดไทยกรุงวอชิงตัน ดีซี ได้จัดสัมมนาพระธรรมทูตสายต่างประเทศทั่วโลก ณ วัดไทยกรุงวอชิงตัน ดีซี มลรัฐแมริแลนด์ สหร
ทั้งนี้ เพื่อประเมินผลการดำเนินงาน รับฟังความเห็น และหาแนวทางในการพัฒนางาน องค์กร และกิจการพระธรรมทูตไทยในต่างประเทศ ทั้งระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ ถึงระดับนานาชาติ โดยมี พระพรหมวชิรญาณ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดยานนาวา เป็นประธาน
สำหรับพระเถระชุดก่อตั้งสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา ที่ยังมีชีวิตอยู่ในขณะนี้ มี พระพรหมคุณาภรณ์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) ขณะดำรงสมณศักดิ์ที่พระราชวรมุนี แล้วก็มี พระพรหมวชิรญาณ ขณะดำรงสมณศักดิ์ที่ พระสุธีรัตนาภรณ์ มี พระราชรัตนเมธี ขณะดำรงสมณศักดิ์ที่ พระศรีสมโพธิ และ พระวิเทศธรรมรังษี หรือ หลวงตาชี ขณะยังดำรงสมณศักดิ์ที่ พระมหาสุรศักดิ์ ชีวานนฺโท
และอีกรูปหนึ่ง ซึ่งลาสิกขาไปแล้ว ยังรักวัดรักพระพุทธศาสนาอยู่ จึงกลับเข้ามาบวชใหม่อีก คือ พระมหาโสบิน โสปาโก ก็มีคณะกรรมการสมัชชาฯ ช่วยกันทำงานส่งต่อกันมาถึงปัจจุบัน มี พระเทพกิตติโสภณ เป็นประธานสมัชชาฯ ก็มีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น มีพระรุ่นใหม่ๆ มาร่วมทำงานมากขึ้น
พระพรหมวชิรญาณ กล่าวว่า ปัจจุบันพระธรรมทูตที่ออกปฏิบัติศาสนกิจในต่างประเทศค่อนข้างมีความคล่องตัวสูง สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้หลายๆ ด้าน แต่ที่ต้องคำนึง คือ การปรับตัวเข้ากับสภาพของสังคมและสภาพภูมิประเทศของแต่ละท้องถิ่น โดยเฉพาะด้านภาษา ต้องมีความพร้อมสามารถสื่อสารกับชาวต่างชาติได้
ที่ผ่านมามักประสบปัญหาด้านนี้ จึงไม่สามารถเผยแผ่พระพุทธศาสนาแก่คนพื้นเมืองของแต่ละประเทศได้อย่างเต็มที่ ทุกท่านต้องรำลึกอยู่เสมอว่า ท่านคือผู้ทำหน้าที่ประกาศพระพุทธศาสนา และเป็นตัวแทนของชาวไทย
ดังนั้น จึงต้องพยายามรักษาภาพลักษณ์นี้ไว้ อย่าหลงลืมเด็ดขาด และที่สำคัญ คือ ต้องรักและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา และชื่อเสียงของประเทศไทย
บทบาทหน้าที่ของพระธรรมทูตแห่งคณะสงฆ์ไทย คือ การปฏิบัติศาสนกิจ เพื่อประโยชน์เกื้อกูล และสันติสุขแก่มหาชน ตามอุดมการณ์หลักการ และวิธีการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ที่พระพุทธเจ้าได้ประทานไว้เป็นที่ตั้ง เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา
การที่พระธรรมทูตสายต่างประเทศจะปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวให้บรรลุผลโดยชอบนั้น จึงต้องปฏิบัติให้ถูกกฎหมาย และวัฒนธรรมของประเทศที่จาริกไปปฏิบัติด้วย และให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า สอดคล้องกับนโยบายของมหาเถรสมาคมแห่งคณะสงฆ์ไทยด้วย
การปฏิบัติศาสนกิจในประเทศต่างๆ หากมีองค์กรของคณะสงฆ์ดูแล และได้รับการอุปถัมภ์เป็นอย่างดีจากสาธุชน ก็จะทำให้การทำงานเป็นไปได้ด้วยดี ถึงจะมีอุปสรรคบ้าง ก็สามารถช่วยกันแก้ไข พัฒนาไปได้
อย่างกรณีสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา ซึ่งตั้งขึ้นมาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๙ เพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ระหว่างวัดและพระสงฆ์ไทย เพื่อปฏิบัติศาสนกิจให้ถูกต้องตามกฎหมายและพระธรรมวินัย ให้สอดคล้องเป็นแบบฉบับอันหนึ่งอันเดียวกันในสหรัฐอเมริกา
ในขณะที่ ดร.อำนาจ บัวศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานเลขาธิการมหาเถรสมาคม กล่าวว่า "ที่ผ่านมา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ให้การสนับสนุนงานด้านพระธรรมทูตตลอดมา และพยายามที่จะจัดสรรงบประมาณให้เท่าที่ได้รับจัดสรรมาจากรัฐบาล แต่ก็น่าเป็นห่วง เนื่อจากที่ผ่านมานั้น งานด้านพระธรรมทูตยังไม่มีแผนการดำเนินการที่ชัดเจน เพื่อนำไปสู่ภาคปฏิบัติได้ดังที่พระธรรมโกศาจารย์ได้กล่าวในเบื้องต้น
ผลจากการประชุมสัมมนาในครั้งนี้ จะเป็นการจุดประกายให้งานด้านพระธรรมทูตมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น อีกทั้งจะได้นำผลของการประชุมครั้งนี้ไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมต่อไป
พระธรรมทูต
“จรถ ภิกฺขเว จาริกํ พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํ มา เกน เทฺว อคมิตฺถ เทเสถ ภิกฺขเว ธมฺมํ อาทิกลุยาณฺ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ เกวลปริปุณฺรํ ปริสุทฺธี๊ พฺรหมฺจริยํ ปกาเสถ” (วิ มหา. ๔/๓๒/๓๙)
“ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงเที่ยวจาริก เพื่อประโยชน์และความสุขแก่ชนหมู่มาก เพื่ออนุเคราะห์โลก เพื่อประโยชน์เกื้อกูล และความสุขแก่ทวยเทพและมนุษย์ พวกเธออย่าได้ไปร่วมทางเดียวกันสองรูป จงแสดงธรรมงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด จงประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ ครบบริบูรณ์ บริสุทธิ์”
นี่คือ พุทธนโยบาย ในการส่งพระสาวกไปประกาศพระศาสนาเป็นครั้งแรกของสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า หลังจากได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว
พระสาวกผู้ไปปฏิบัติหน้าที่นี้ ในกาลต่อมาเรียกว่า “พระศาสนทูต” “พระสมณทูต” หรือ “พระธรรมทูต” ซึ่งหมายถึงผู้ทำหน้าที่จาริกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในที่ต่างๆ ทั้งใกล้และไกล ทั้งในและต่างประเทศ
ทั้งนี้ พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) ป.ธ. ๙ ราชบัณฑิต พจนานุกรม เพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุด คำวัด, วัดราชโอรสาราม กรุงเทพฯ พ.ศ.๒๕๔๘ ได้ให้ความหมาย ของ พระธรรมทูต (อ่านว่า -ทำมะทูด) พระธรรมจาริก หมายถึงภิกษุที่เดินทางไปแสดงธรรมในที่ต่างๆ ทำหน้าที่เหมือนทูตทางธรรม หรือทูตของพระศาสนา
พระธรรมทูต เริ่มมีครั้งแรกเมื่อพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม จนมีพระสาวกมากรูปแล้วจึงส่งพระสาวกเหล่านั้นไปประกาศธรรมในทิศต่างๆ โดยตรัสว่า
"เธอทั้งหลาย จงจาริกไปเพื่อประโยชน์สุขแก่ประชุมชน เพื่ออนุเคราะห์แก่ประชุมชน" ดังนี้เป็นต้น
พระธรรมจาริก มีความหมายเดียวเช่นเดียวกันกับ พระธรรมทูต แต่เป็นคำบัญญัติที่เกิดทีหลัง
คำว่า พระธรรมทูต คณะสงฆ์ไทยจึงมีกฎเกณฑ์วางแนวปฏิบัติในความเป็นพระธรรมทูตไว้เฉพาะ กล่าวคือ พระธรรมทูตในประเทศไทย มี ๒ ประเภท คือ พระธรรมทูตสายในประเทศ และ พระธรรมทูตสายต่างประเทศ
แท้ที่จริงแล้ว พระสงฆ์ที่ได้รับการบวชทุกรูป ถือว่าทำหน้าที่พระธรรมทูตด้วยกันทั้งนั้น เพราะพระสงฆ์ คือหมู่ชนที่ได้รับฟังคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า แล้วไปเผยแผ่แก่ประชาชน แต่เพื่อให้การบริหารงานและการจัดการงานพระศาสนา มีความรัดกุม และสนับสนุนพระธรรมวินัยมากขึ้น
"เรื่อง - ภาพ... "ไตรเทพ ไกรงู"