
อ.คมจอมขมังเวทย์ที่ยังต้องพึ่ง'พุทธคุณ'
อ.คม ไตรเวทย์จอมขมังเวทย์ที่ยังต้องพึ่ง'พุทธคุณ' : พระเครื่องสรณะคนดัง เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู
"ฆราวาสผู้เรืองวิทยาอาคมแห่งเมืองสุพรรณบุรี" เป็นฉายานามที่ลูกศิษย์ขนานนามให้แก่ "อ.คม ไตรเวทย์" ซึ่งตั้งสำนักอยู่ในบริเวณวัดบางกุ้งใต้ ต.บางกุ้ง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ทั้งนี้ท่านได้ศึกษาเวทมนตร์คาถาต่างๆ ควบคู่ไปกับการเข้าฌานฝึกพลังจิต กระทั่งมีวิทยาอาคมแก่กล้า ปลุกเสกวัตถุมงคลเข้มขลังของจริง จนกลายเป็นที่ยอมรับนับถือของบรรดาลูกศิษย์ไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะชาวจีนยกย่องให้เป็น “ปรมาจารย์” ท่านหนึ่งเลยทีเดียว
"ผมไม่ใช่เป็นผู้วิเศษ เป็นเพียงสะพานและสื่อญาณให้ครูบาอาจารย์ที่จะรับความศักดิ์สิทธิ์จากครูบาอาจารย์ให้ประดิษฐานในสิ่งหนึ่งสิ่งใดในพิธีกรรมที่กระทำเท่านั้น ความศักดิ์สิทธิ์ของวัตถุมงคลนั้นเกิดจากบารมีของครูบาอาจารย์ บวกกับเวทมนตร์คาถา และบารมีที่เราปฏิบัติโดยการอธิษฐานบุญเข้าไปในวัตถุมงคล" นี่เป็นคำยืนยันของ อ.คม
ทั้งนี้ อ.คม ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ทุกๆ วันจะถือศีล ๕ เมื่อถึงวันพระจะถือศีล ๘ รวมทั้งสมาธิเจริญภาวนามาตลอด แต่ปัจจุบันไม่ถือทั้งศีล ๕ และศีล ๘ เพราะได้หันมายึดแนวทางปฏิบัติเพียง ๓ ข้อ คือ "ละเว้นความชั่ว พยายามทำแต่ความดีให้ถึงพร้อม และทำจิตใจให้ผ่องใส" ซึ่งเป็นหลักและแก่นที่แท้จริงของพระพุทธศาสนา
ประเด็นคำถามหนึ่งที่คนจำนวนไม่น้อยอาจจะตั้งคำถามในใจว่า “เมื่อถูกยกให้เป็นฆราวาสผู้เรืองวิทยาอาคมแห่งเมืองสุพรรณบุรี รวมทั้งสร้างวัตถุมงคลให้คนนำไปติดตัว แล้วไฉนตัว อ.คม ยังต้องพึ่งพาพระเครื่องและวัตถุมงคลจากวัดต่างๆ อีก”
อ.คม ได้ให้คำตอบไว้ว่า เกี่ยวกับการใช้เวทมนตร์คาถาหรืออำนาจจิตหากจิตเราพะวงคอห่วงลูกศิษย์และผู้อื่น มันจะลืมคุ้มกันหรือคุ้มครองตัวเอง เพราะจะนั้นต้องอาศัยสิ่งที่เราเชื่อมั่นนั้นคุ้มตัวเราเองอีกครั้งหนึ่ง พระเกจิอาจารย์ต่างๆ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ร้อยทั้งร้อยจะมีพระเครื่องและวัตถุมงคลของครูบาอาจารย์ของตนเองพกติดตัวไว้ หากไม่เชื่อใครเป็นลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดขอดูได้
โดยนิสัยส่วนตัวแล้วชอบพระเครื่องและเครื่องรางของขลังมาตั้งแต่เด็ก การแขวนพระเครื่องเพื่อเป็นเครื่องยึดเหนียวทางจิตใจ เพราะเป็นรูปลักษณ์องค์พระพุทธเจ้า เริ่มจากมีความชอบพระหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า และ หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด จากนั้นก็เก็บสะสมเรื่อยมา เมื่อมาก็จะเลี่ยมใส่กรอบไว้กว่า ๑,๐๐๐ องค์ ปัจจุบันนี้ก็จะนำออกมาแขวนสลับกันไป โดยไม่เลือกว่าจะแขวนพระอะไรเป็นหลัก ส่วนพระเครื่องที่สร้างเองไม่เคยแขวน เพราะโดยส่วนตัวแล้วชอบพระเก่ามากกว่าพระใหม่ๆ ซึ่งมีอยู่จำนวนมาก ทั้งพระกรุ พระเกจิ
ส่วนที่มาของพระถ้ำเสือที่มีอยู่จำนวนมากนั้น อ.คม บอกว่า ตอนแรกก็มีความอยากได้พระถ้ำเสือไว้ติดตัวบูชาสักองค์ แต่ไม่เคยมี ไม่เคยได้ จนกระทั่งมีเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งมาสักยันต์ พร้อมกับเล่าเรื่องการไปหาพระถ้ำเสือจากกรุเขาพระ (ศรีสรรเพชญ์) ครั้งแรกไม่ปักใจเชื่อเสียเลยทีเดียว จนกระทั่งมีคนเอาพระถ้ำเสือมาขายองค์หนึ่งโดยรับซื้อไว้ในราคา ๘๐๐ บาท จากนั้นก็ให้ลูกศิษย์ไปใส่กรอบ ปรากฏว่ามีเซียนใหญ่แห่งเมืองสุพรรณขอซื้อในราคาสูงถุง ๒๕,๐๐๐ บาท แต่ได้ยืนยันว่าจะเก็บไว้ใช้
เมื่อถามถึงความขลังของพระเครื่องและวัตถุมงคลว่าเกิดจากอะไร อ.คม บอกว่า ความขลังของพระเครื่องและวัตถุมงคลเกิดจากหลายๆ ส่วนประกอบกัน คือ ๑.ความเชื่อมั่นและศรัทธาอย่างเต็มเปี่ยมของผู้ใช้ ๒.การประพฤติปฏิบัติ ศีล และบุญของผู้ใช้ ๓.ความมีสัจจะของผู้ใช้ ๔.พระเกจิอาจารย์ผู้ปลุกเสก และ ๕.วัตถุอาถรรพณ์หรือมวลสารที่นำมาจัดสร้างวัตถุมงคล
พร้อมกันนี้ อ.คม ยังบอกด้วยว่า ก่อนหน้านี้ทุกๆ วันจะถือศีล ๕ เมื่อถึงวันพระจะถือศีล ๘ รวมทั้งสมาธิเจริญภาวนามาตลอด แต่ปัจจุบันไม่ถือทั้งศีล ๕ และศีล ๘ เพราะได้หันมายึดแนวทางปฏิบัติเพียง ๓ ข้อ คือ "ละเว้นความชั่ว พยายามทำแต่ความดีให้ถึงพร้อม และทำจิตใจให้ผ่องใส"
ส่วนข้อปฏิบัติและข้อห้ามของผู้สักยันต์ที่ อ.คม จะพร่ำสอนและเตือนลูกศิษย์อยู่เสมอๆ คือ ให้เป็นคนดีคิดดีทำดีอยู่เสมอแล้วลายยันต์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นจะคุ้มครอง ถ้าสักยันต์ไปแล้วไม่ปฏิบัติไม่ทำความดี ต่อให้สักยันต์ดียังไงก็ช่วยไม่ได้ ถ้าหมั่นปฏิบัติทำความดี หมั่นสวดมนต์ รับรองเลยว่าลายสักยันต์ อ.คม จะส่งผลให้เห็นอย่างที่คุณคาดไม่ถึงอย่างแน่นอน
บุญสร้าง"พระอุปคุต"บรรจุกรุ
อ.คม บอกว่า เมื่อ พ.ศ.๒๕๕๓ ได้จัดสร้าง "พระอุปคุตบัวเข็มขนาดหน้าตัก ๑๐๙ นิ้ว" ประดิษฐานอยู่ที่วัดบางกุ้งใต้ ต.บางกุ้ง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ถือว่าเป็นพระอุปคุตบัวเข็มขนาดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก
ทั้งนี้ อ.คม ได้เหตุผลว่า พระอุปคุตมหาเถระ ผู้เป็นอรหันตสาวกที่ทรงมหิทธานุภาพเป็นพระอรหันต์สมัยหลังพุทธกาล ร่วมยุคสมัยกับพระเจ้าอโศกมหาราชกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่พระอุปคุตมหาเถระเป็นยอดแห่งธรรมถึกผู้เป็นเลิศแห่งการแสดงธรรม
พระอุปคุตมีอิทธิฤทธิ์ปราบท้าววสวัตตี มีเรื่องเล่ามาว่าประมาณปลายพุทธศตวรรษที่ ๒ หลังพุทธปรินิพพาน ณ นครปาตลีบุตราชธานี (ปัจจุบันคือเมืองปัตนะ ภาคใต้ของประเทศอินเดีย) พระเจ้าอโศกมหาราช ผู้ครองราชสมบัติในขณะนั้น ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ได้ฉลองสมโภชพระสถูปเจดีย์ทั้งหมดที่พระองค์สร้างอย่างยิ่งใหญ่ ตลอด ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน แต่ถูกพญามารมาผจญ ท่านจึงนิมนต์พระอุปคุตไปปราบพญามารจนยอมแพ้จากนั้นพระอุปคุตก็มีชื่อเสียงในทางปราบมาร ท่านมีอีกชื่อว่า "พระบัวเข็ม"
ท่านตั้งความปรารถนาที่จะอยู่รักษาพระพุทธศาสนาให้ครบ ๕,๐๐๐ ปีปกป้องคุ้มกันปราบมารและอุปทวอันตรายทั้งหลาย ผู้ใดปรารถนาความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมจงนอบน้อมบูชาต่อพระอุปคุตเถระ เป็นสังฆานุสติ และปฏิบัติตนตามปฏิปทาของท่านคือ ฝึกตนเองให้สมบูรณ์ ขัดเกลากิเลส คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง ของตนเองให้เบาบางและช่วยเหลือสรรพสัตว์ทั้งหลายให้อยู่ร่วมกันอย่างผาสุกอีกทั้งช่วยพิทักษ์รักษาพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป
"พระอุปคุตเป็นพระที่เป็นที่นิยมนับถือของชาวอินเดีย มอญ และชาวไทยญวน และอีสาน สมัยก่อนพระมอญได้นำพระบัวเข็มมาถวายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในตอนที่พระองค์ผนวชอยู่ แม้แต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ยังทรงกล่าวถึงความเป็นมาในพระราชนิพนธ์พระราชพิธีสิบสองเดือนด้วย" อ.คมกล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ อ.คม กำลังสร้างพระอุปคุตจำนวน ๘๔,๐๐๐ องค์ ซึ่งเท่ากับจำนวนพระธรรมขันธ์ เพื่อบรรจุไว้ใต้ฐานพระอุปคุตองค์ใหญ่ ทั้งนี้เพื่อว่ากาลภายหน้าจะผ่านไปร้อยปี หรือพันปี จนกว่าสถานนี้จะพังทลายไปเองไปโดยธรรมชาติ ซึ่งในโบราณสมัยมีทั้งกาสร้างพระพุทธรูปและพระเครื่องบรรจุกรุไว้ เผื่อว่ากาลภายหน้าอนุชนคนรุ่นหลังจะได้รู้ว่าดินแดนแห่งนี้ผู้คนนับถือพุทธศาสนา นอกจากนี้แล้วในวันข้างหน้าอีกร้อยปีพระที่บรรจุไว้นี้จะเป็นกองทุนดูแลศาสนสถาน เช่นเดียวกับการแตกกรุในปัจจุบัน นอกจากน้ำไม่ซึมเข้าไปแล้ว ในการบรรจุพระแต่ละชั้นจะมีทรายละเอียดรองทับไว้ เพื่อป้องกันความชื้น ผู้มีจิตศรัทธาร่วมสร้างพระอุปคุต บรรจุกรุ สอบถามรายละเอียดได้ที่ วัดบางกุ้งใต้ ได้ที่ โทร.๐๘-๙๔๙๐-๐๗๓๙ และ ๐๘-๑๕๘๖-๔๔๙๕