พระเครื่อง

ร่วมบุญปฏิสังขรณ์บุษบกธรรมาสน์วัดใหญ่สุวรรณาราม

ร่วมบุญปฏิสังขรณ์บุษบกธรรมาสน์วัดใหญ่สุวรรณาราม

14 ต.ค. 2556

ร่วมบุญปฏิสังขรณ์บุษบกธรรมาสน์วัดใหญ่สุวรรณาราม

              วัดใหญ่สุวรรณาราม ตั้งอยู่ในเขต ต.ท่าราบ อ.เมือง จ.เพชรบุรี ตามหลักฐานโบราณสถานและโบราณวัตถุในวัดแสดงถึงความเก่าแก่ที่น่าจะมีมาตั้งแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา และได้รับการปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยสมเด็จพระเจ้าเสือ (พ.ศ.๒๒๔๖-๒๒๕๑) โดยพระสุวรรณมุนี (สังฆราชแตงโม) ชาวเพชรบุรีซึ่งเคยมาอยู่อาศัยในวัดนี้และบรรพชาเป็นสามเณรก่อนจะขึ้นไปอยู่กรุงศรีอยุธยา ในสมัยรัชกาลที่ ๕ เมื่อปี ๒๔๕๒ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ยกวัดใหญ่สุวรรณารามขึ้นเป็นพระอารามหลวง และเสด็จฯ ทอดพระเนตรหลายครั้งพร้อมทั้งพระราชทานเงินสำหรับการปฏิสังขรณ์วัดด้วย แสดงถึงความสำคัญของวัดใหญ่สุวรรณารามที่ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์มาโดยตลอด

               โบราณสถานที่ปรากฏอยู่ในวัดใหญ่สุวรรณารามนั้นทรงคุณค่าทางด้านศิลปกรรม และสถาปัตยกรรมโบราณที่งดงาม สมัยกรุงศรีอยุธยา อันประกอบด้วย ๑.พระอุโบสถ ก่ออิฐถือปูนที่มีฐานปัทม์อ่อนโค้งแบบฐานสำเภาภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสี ฝุ่น ภาพพุทธประวัติ และเทพชุมนุม เสาและเพดานมีการตกแต่งด้วยลายทองบนพื้นแดงอย่างวิจิตร ตัวพระอุโบสถมีวิหารคตที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕  ๒.ศาลาการเปรียญ ลักษณะเป็นเรือนไทยขนาดใหญ่ ม.ร.ว.ศึกฤทธิ์ ปราโมช สันนิษฐานว่าเป็นพระตำหนักเจ้าพระขวัญในสมเด็จพระเพทราชา ที่สมเด็จพระเจ้าเสือได้พระราชทานให้พระสุวรรณมุนีมาปลูกเป็นศาลาการเปรียญ ลักษณะเด่น คือ ฝาผนังเป็นไม้แบบฝาปะกนด้านนอกเดิมเขียนลายทอง มีพรึงเป็นรูปกระจังปฏิญาณขนาดใหญ่ประดับโดยรอบอาคาร

               และ ๓.หอไตร ตั้งอยู่กลางสระน้ำ ลักษณะเป็นอาคารไม้ทรงไทยชั้นเดียวมีเสาไม้ ๓ เสาตามแนวยาวกลางอาคารซึ่งเป็นรูปแบบพิเศษ ฝาไม้ปะกน หลังคาทรงจั่วยอดแหลม มุงกระเบื้องเกล็ดเต่า

               นอกจากนี้ยังมีโบราณสถานที่สำคัญอีกหลายอย่างภายในวัดใหญ่สุวรรณาราม เช่น หมู่กุฏิสงฆ์ศาลาโถง หอระฆัง หอไตรหลังใหม่ พระปรางค์ เจดีย์ ถาน เป็นต้น ซึ่งมีรูปแบบศิลปกรรมในสมัยกรุงศรีอยุธยาและกรุงรัตนโกสินทร์ที่มีคุณค่า เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญ กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนวัดใหญ่สุวรรณารามเป็นโบราณสถานของชาติในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๘ พิเศษ ๘๗ ง เมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๔๔

               อย่างไรก็ตามในปี ๒๕๕๖ นี้ มูลนิธิเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีนายอร่าม สวัสดิวิชัย เป็นผู้อำนวยการสำนักงาน ได้จัดทำโครงการบูรณปฏิสังขรณ์บุษบกธรรมาสน์เก่าสมัยอยุธยา ซึ่งได้ชำรุดทรุดโทรมให้สมบูรณ์เช่นเดิม ทั้งนี้เพื่อให้โครงการแล้วเสร็จ จึงจัดสร้างเหรียญเม็ดแตงฉลองพระชนมายุ ๑๐๐ พรรษา สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ เข้าพิธีพุทธาภิเษก-มังคลาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร ๓ วาระ มีเนื้อทองคำ เนื้อเงิน เนื้อนวโลหะและเนื้อทองแดง จึงขอเชิญชวนผู้มีใจเป็นกุศลได้กรุณา ติดต่อบริจาคเงินที่มูลนิธิเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในพระบรมราชูปถัมภ์ อาคารศุภมิตร ภายในวัดมกุฎกษัติยาราม โทร.๐-๒๒๘๐-๒๓๗๔, ๐๘-๑๙๓๙-๒๘๒๘ และ ๐๙-๔๒๕๒-๒๔๒๘