พระเครื่อง

'เปี๊ยก ปากน้ำ'คาถายันต์และพระเครื่องของ'นักเลงพระ'

'เปี๊ยก ปากน้ำ'คาถายันต์และพระเครื่องของ'นักเลงพระ'

12 ต.ค. 2556

'เปี๊ยก ปากน้ำ'คาถา ยันต์ และพระเครื่องของ'นักเลงพระ' : พระเครื่องสรณะคนดัง เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู

               "นักเลงพระ" และ "มรดกฅนไทย" เป็นนิตยสารพระเครื่อง ของ "นายเติมศักดิ์ ปิยะมณีพร" หรือเจ้าของฉายา "เปี๊ยก ปากน้ำ" อดีตประธานชมรมอนุรักษ์พุทธศิลปะไทยคนแรก ที่คร่ำหวอดในวงการพระเครื่องกว่า ๓๐ ปี นอกจากเป็นเจ้าของนิตยสารพระเครื่อง และเปี๊ยก ปากน้ำ ยังจัดรายการวิทยุที่สถานีวิทยุ ๐๑ ดอนเมือง คลื่น ๑,๒๓๓ เอเอ็ม ทุกวันจันทร์-ศุกร์  เวลา ๒๑.๐๐-๒๒.๐๐ น. เป็นรายการให้ความรู้เกี่ยวกับพระเครื่อง ซึ่งได้จัดติดต่อกันเป็นเวลา ๑๔ ปีแล้ว

               ผลงานล่าสุดของ "เปี๊ยก ปากน้ำ" คือ จัดพิมพ์หนังสือ "พระเครื่องฅนไทย" ที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ตั้งแต่ขั้นพื้นฐานตลอดจนกลเม็ดเคล็ดลับต่างๆ ในการดูพระเครื่องทั้งพระเหรียญ พระเนื้อดิน พระเนื้อชิน พระเนื้อผง และรูปหล่อพระคณาจารย์ รวมทั้งยังชี้ตำหนิพระยอดนิยมแห่งยุคอีกด้วย เรียกว่า "อ่านจบแล้วท่านสามารถก้าวเข้าสู่วงการพระเครื่องได้อย่างมั่นใจ" เพื่อมอบเป็นรางวัลชนะเลิศแต่ละรายการในการประกวดพระวันอาทิตย์ที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๖ ณ ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ

               บนเส้นทางสายพระเครื่องของเปี๊ยก ปากน้ำ เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี ๒๕๒๓ ที่ท่าพระจันทร์ ตลาดพระเก่าแก่ของเมืองกรุง ซึ่งถือว่าเป็นแผงแรกในชีวิต และปี ๒๕๓๐ ก็มาเปิดศูนย์พระเครื่องเป็นของตัวเองใช้ชื่อว่า ศูนย์พระเครื่องสนิมไข อยู่ในตลาดรามอินทรา กม.๒ พร้อมๆ กับเปิดนิตยสารพระเครื่องอีก ๒ เล่ม คือ นักเลงพระ และราคาพระเครื่องเมืองไทย สาเหตุที่หันมาเปิดหนังสือพระ ก็เพราะว่าความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับพระเครื่องก็ได้มาจากหนังสือ ดังนั้นเมื่อมีความรู้มากขึ้น ก็เลยคิดอยากที่จะทำหนังสือพระขึ้นมาเพื่อเป็นการถ่ายทอดความรู้ของตนลงไปในหนังสือ เผื่อคนที่สนใจจะได้ใช้หนังสือพระของตนเป็นคู่มือในการศึกษาว่าพระเก๊-แท้ แตกต่างกันอย่างไร

               สำหรับพระเครื่องที่ไม่เคยห่างคอ คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) พิมพ์สังฆาฏิ วัดบางขุนพรหมเป็นพระคู่บารมี ที่เปี๊ยก ปากน้ำ บอกว่า แขวนแล้วดีวันดีคืน แขวนมาตั้งแต่ปี ๒๕๒๐ ซื้อมาในราคาองค์ละ ๑,๗๐๐ บาท จากบ้านพญาราชสารโสภณ สมัยนั้นถือว่าแพงมาก ส่วนตอนนี้ราคาประมาณ ๓ ล้านบาท แต่ไม่ขาย แขวนทุกวันไม่เคยห่างตัว และไม่กลัวว่าใครจะมาปล้นจี้เอา เพราะเชื่อว่าพุทธคุณแห่งพระสมเด็จช่วยเปลี่ยนใจโจร และป้องกัน

               ส่วนความเชื่อที่ว่า "สวดคาถาชินบัญชรแล้วจะได้พระสมเด็จ" เปี๊ยก ปากน้ำ บอกว่า "ไม่จริง แต่คาถาที่จะได้พระสมเด็จ คือ คาถาอัญเชิญพระสมเด็จมาสู่ตัว ให้เริ่มจากการท่องนะโม ๓ จบก่อน แล้วตามด้วยบทสวด ที่ว่า พุทธังวันทามิ ธัมมังวันทามิ สังฆังวันทามิ วิญญาณสัมปันโน พรหมารังสิโต สเด็จมาสู่ข้าพเจ้า นะ โม พุท ธา ยะ  นะ มะ พะ ทะ ปะ ฏิ รู ปัง" ใครท่องคาถาบทนี้ได้พระสมเด็จ ๑๐๐% แน่นอน ซึ่งที่ผ่านมาตนเองไม่เคยท่องคาถาชินบัญชรเลยสักครั้งเดียว


พระหลวงพ่อทวดรุ่น'สมเด็จเมืองใต้'

              การจัดงานประกวดพระในวันอาทิตย์ที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๖ ในฐานะที่เป็นประธานจัดงาน เปี๊ยก ปากน้ำ บอกว่า ได้คัดสรรรายการประกวดไว้อย่างดี มีการบรรจุวัตถุมงคลของพระคณาจารย์ชื่อดังของแต่ละภูมิภาคเอาไว้ในรายการประกวดมากมาย อย่างที่ไม่เคยมีงานไหนทำมาก่อน นอกเหนือจากรายการพระกรุ-พระเกจิยอดนิยมอย่างเช่นงานอื่นๆ งานนี้มีทั้งสิ้น ๖๒ โต๊ะ ๒,๓๔๔ รายการ มีรางวัลที่น่าสนใจ คือ รางวัลยอดเยี่ยมประจำโต๊ะจะได้รับเหรียญหลวงปู่คำพันธ์ วัดพระธาตุมหชัย รุ่นสมปรารถนา พ.ศ.๒๕๓๗ รางวัลชนะเลิศแต่ละรายการจะได้รับมอบ หนังสือพระเครื่องฅน ไทย ๑ เล่ม  ส่วนผู้ที่ซื้อบัตรส่งพระคบ ๑๐ ใบ จะได้รับมอบพระหลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืด รุ่น "สมเด็จเมืองใต้" เนื้อว่าน พิมพ์จัมโบ้ ๑ องค์

               พระหลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืด รุ่น "สมเด็จเมืองใต้" เนื้อว่าน ได้สืบสานตำนานการสร้างจากพระหลวงพ่อทวด เนื้อว่าน ปี ๒๔๙๗ ทั้งพิมพ์ทรง และเนื้อหามวลสาร ศักดิ์สิทธิ์ด้วยชนวนมวลสารที่พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ และพระอาจารย์นอง วัดทรายขาว ได้ปลุกเสกไว้ เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ รวมทั้งมวลสารจากวัตถุมงคลพระหลวงพ่อทวด วัดต่างๆ อาทิ พระหลวงพ่อทวด เนื้อว่าน ปี ๒๔๙๘ วัดช้างให้ วัดเมืองยะลา วัดพะโคะ วัดดีหลวง วัดเอี่ยมวรนุช และผงพุทธคุณจากพระเครื่องยอดนิยมหลายสำนัก พระวัดประสาทบุญญาวาส พิมพ์ต่างๆ ซึ่งมีผงพระสมเด็จ บางขุนพรหมผสมอยู่เป็นจำนวนมาก รวมทั้งดินกากยายักษ์ และว่านยาต่างๆ ตามสูตรการสร้างแต่ดั้งเดิม

               พระหลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืด รุ่น "สมเด็จเมืองใต้" ได้ผ่านพิธีพุทธาภิเษก โดยมีพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ๑๐๘ รูป จากทั่วทุกภาค อาทิ หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน จ.ลพบุรี, หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน, หลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม, หลวงพ่อเสาร์ วัดดอนย่านาง, หลวงพ่อเกิด วัดโพธิ์แทน, หลวงพ่อพูลทรัพย์ วัดอ่างศิลา, หลวงพ่อจ้อย วัดวังน้ำเขียว และหลวงพ่อชื่น วัดในปราบ จ.สุราษฎร์ธานี พระเกจิอาจารย์สายปักษ์ใต้ชื่อดังในทุกวันนี้ นั่งปรกอธิษฐานจิตปลุกเสก

 

คาถาปูนคาดคอสุดยอดคงกระพัน

               "อุนุยัง อุนุยัง อุนุยัง อุนุยัง" เป็นคาถาปูนคาดคอที่มีคติความเชื่อว่าผู้ที่คาดปูนนี้จะอยู่ยงคงกระพัน หนังเหนียวทนต่อ "คมหอกคมดาบ" และยังสามารถนำไปถ่ายทอดต่อได้อีก ๗ คน ซึ่งจะทำให้มีความอยู่ยงคงกระพันเฉกเช่นเดียวกัน นอกจากนี้มีคติความเชื่อด้วยว่า "หากจะคุ้มครองทุกขณะ จะต้องเสกปูนคาดคอ ทุกค่ำเช้า วันละสองครั้ง และจะต้องทำจนกว่า จะครบ ๕ ปี ถึงจะไม่ต้องเสกปูนคาดคอแล้ว จะคงกระพันอยู่ตัว"

เปี๊ยก ปากน้ำ บอกว่า ผู้ที่รู้และใช้คาถาปูนคาดคอในปัจจุบันต้องมีอายุมากกว่า ๖๐ ปีขึ้นไป โดยได้คาถาบทนี้เมื่อครั้งเคยเป็นนายตรวจรถเมล์สายพระประแดง-สำโรง ซึ่งเส้นทางนั้นถือว่าเป็นดงนักเลง มีเรื่องตีรันฟันแทงกันบ่อยๆ เหตุนี้จึงทำให้ผมเริ่มเสาะหาวัตถุมงคลที่มีพุทธคุณด้านคงกระพันมาแขวนเพื่อป้องกันตัว ช่วงนั้นผมได้ยินกิตติศัพท์ของ อ.ผล พันธ์นุช บางจาก ๙๓ กทม. เป็นอาจารย์ฆราวาสสักยันต์ชื่อดัง จึงได้เดินทางไปพบท่านที่ย่านบางจากเพื่อขอให้ท่านสักยันต์ให้ ซึ่งท่านก็ยินดีสักให้โดยไม่คิดเงิน อาจารย์ผลได้สักยันต์ครูของ ล.ป.เผือก วัดกิ่งแก้ว จ.สมุทรปราการ ที่แขน และสักหมูทองแดงหรือหมูเขี้ยวตันที่หลัง รวมทั้งยังได้วิชาปูนคาดคอจาก อ.ผล อีกด้วย

               เมื่อครั้งที่ อ.ผล พันธ์นุช ยังมีชีวิตอยู่ ท่านเป็นอาจารย์สักยันต์ที่เลื่องลือว่า ลายยันต์ของท่านขึ้นชื่อว่าสุดยอดของความเป็นคงกระพัน ใครที่เป็นลูกศิษย์ของ อ.ผล มีลายยันต์ที่ต้นแขนเป็นสัญลักษณ์ทุกคน  ขณะเดียวกันคาถาปูนคาดคอของ อ.ผล ก็ขึ้นชื่อว่าสุดยอดคงกระพันมากเชื่อขนมกินได้ ท่านมีลูกศิษย์จำนวนมาก นักเลงรุ่นเก่าหากเห็นใครมีปูนคาดคอจะไม่กล้าเข้าทำร้ายกัน ปัจจุบันนี้ลูกศิษย์ของ อ.ผล คือ พระอาจารย์พร ซึ่งเป็นพระที่บวชอยู่วัดบางนาใน ท่านเคยสืบทอดการสักยันต์ของ อ.ผล แต่ปัจจุบันอายุมากแล้วท่านจึงเลิกสักยันต์