พระเครื่อง

พระธรรมมังคลาจารย์พระวิปัสสนากรรมฐานระดับโลก

พระธรรมมังคลาจารย์พระวิปัสสนากรรมฐานระดับโลก

09 ก.ย. 2556

พระธรรมมังคลาจารย์พระวิปัสสนากรรมฐานระดับแนวหน้าของโลก : เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู

              “อัคกา มหา กัมมัตตานา คาริยา” (Agga Maha Kammatthana Cariya) เป็นสมณศักดิ์ของพระธรรมมังคลาจารย์ หรือหลวงปู่ทอง สิริมงฺคโล เจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทอง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ และเจ้าสำนักวิปัสสนากรรมฐานหัวน้าพระวิปัสสนาจารย์หนเหนือ กองการวิปัสสนาธุระ ซึ่งถือว่าเป็นตำแหน่งสูงที่สุดที่รัฐบาลพม่าถวายแด่พระภิกษุต่างชาติสายวิปัสสนา

              โดยใน พ.ศ.๒๕๕๔ ที่ผ่านมานั้น มีพระภิกษุต่างชาติที่ได้รับการถวายสมณศักดิ์นี้มีทั้งหมด ๑๐ รูป อาทิ ไทย, อินเดีย, ศรีลังกา, เวียดนาม, เนปาล, บังกลาเทศ และสหราชอาณาจักร ทั้งนี้ มีการเข้ารับสมณศักดิ์ในวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๔ ณ พระเจดีย์อุปปตะสันติ นครเนปิดอว์ โดยพลเอกอาวุโสตัน ฉ่วย ผู้นำรัฐบาลพม่า จะถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกษุที่ได้รับการถวายสมณศักดิ์ด้วย
 
              หลวงปู่ทอง ได้เข้าฝึกวิปัสสนากรรมฐานจากสำนักวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ กทม. และสำนักมหาสีสยาดอ สาสนยิสสา กรุงย่างกุ้ง ประเทศพม่า แล้วได้กลับมาเปิดสำนักวิปัสสนากรรมฐาน ดำเนินการสอนตลอดมา และได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าพระวิปัสสนาจารย์หนเหนือกองการวิปัสสนาธุระ และได้ขยายสำนักสาขาปฏิบัติอีกหลายสำนัก โดยเฉพาะใน จ.เชียงใหม่ เช่น สำนักวิปัสสนากรรมฐานวัดเมืองมาง อ.เมือง สำนักวิปัสสนากรรมฐานวัดวัดร่ำเปิง (ตโปทาราม) อ.เมือง จ.เชียงใหม่ สำนักวิปัสสนากรรมฐานวัดถ้ำตอง อ.จอมทอง

              สำนักวิปัสสนากรรมฐานสมเด็จสุญญตวิโมกข์ อ.เวียงสา จ.น่าน สำนักวิปัสสนากรรมฐานพระเทพสิทธาจารย์ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย-สำนักวิปัสสนากรรมฐานพระธาตุเขาเขียว อ.เชียงของ จ.เชียงราย สำนักวิปัสสนากรรมฐานห้วยน้ำดิบ อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน สำนักวิปัสสนากรรมฐานวัดธัมมิกราช อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน-สำนักวิปัสสนากรรมฐานป่าสักคำ อ.เมือง จ.พะเยา-สำนักวิปัสสนากรรมฐานธรรมจักร อ.เมือง จ.นครนายก สำนักวิปัสสนากรรมฐานสุพรหมยาน อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น

              นอกจากนี้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๒๕ เป็นต้นมา ท่านยังได้เดินทางไปเผยแผ่การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ทั้งในภาคพื้นยุโรปและอเมริกา รวมทั้งใน พ.ศ.๒๕๓๖ สร้างวัดพุทธปิยวนาราม เมืองแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี

              หลวงปู่ทอง เป็นผู้เชี่ยวชาญในวิปัสสนากรรมฐานระดับแนวหน้าของโลก ด้วยแนวความคิดและการวางแผนก็สอนวิปัสสนากรรมฐานของท่านเพื่อให้เกิดการขยายสู่ความเป็นสากลและเป็นที่ยอมรับนั้น หลวงปู่ทองมิได้มุ่งเน้นในการสร้างวัดในต่างประเทศ แต่ท่านมีวิสัยทัศน์และเล็งเห็นว่าการเผยแผ่วิปัสสนากรรมฐานให้ชาวต่างชาตินั้น หากเป็นชาวต่างประเทศด้วยกันแล้วย่อมเข้าถึงกันได้ง่ายกว่าและสื่อสารกันได้ดีกว่า อีกทั้งการสร้างวัดในต่างประเทศต้องใช้งบประมาณจำนวนมากและยังมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาอีกด้วย

              ดังนั้นท่านจึงได้คิดและวางแผนในการผลิตบุคลากรจากชาวต่างชาติ โดยการอาศัยชาวต่างชาติที่ได้เดินทางมาปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานกับท่านให้เป็นบุคลากรกำลังสำคัญในการเผยแผ่เมื่อชาวต่างชาติเหล่านั้นปฏิบัติแล้วได้ผลดีและประสบความสำเร็จในการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานบุคลากรชาวต่างชาติเหล่านี้เมื่อกลับไปยังประเทศของตนก็จะได้นำความรู้ด้านวิปัสสนากรรมฐานที่ได้เรียนมาไปเผยแผ่ต่อๆ ไปและขยายวงกว้างขึ้นในประเทศของตน

              โดยในบางประเทศที่ชาวต่างชาติได้นำเอาการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานไปเผยแผ่ได้ผลดี ได้มีการจัดตั้งเป็นสมาคมหรือเป็นสำนักปฏิบัติธรรมเพื่อการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานขึ้น ท่านได้เป็นผู้ให้การสนับสนุน และได้ส่งพระอาจารย์ผู้มีความชำนาญในวิปัสสนากรรมฐานไปเป็นผู้ฝึกอบรม ถือเป็นการเผยแผ่วิปัสสนากรรมฐานโดยมุ่งเน้นการสร้างบุคลากรในพื้นที่นั้นๆ ซึ่งบุคลากรต่างชาติเหล่านี้เป็นผู้เข้าใจถึงภาษาและวัฒนธรรมของตนได้มากกว่า ทำให้การเผยแผ่วิปัสสนากรรมฐานของพระเดชพระคุณหลวงปู่เข้าถึงคนหมู่มากได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น สำหรับการเผยแผ่ในต่างแดนนั้นท่านได้มุ่งเน้นในแนวทางนี้มาโดยตลอด

              หลวงปู่ทองสอนการเจริญวิปัสสนากรรมฐานในแนว สติปัฐฐาน ๔ ตั้งแต่ขั้นพื้นฐานจนถึงระดับสูง สำหรับภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ตลอดจนผู้ที่สนใจทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ และมีการจัดให้สอบอารมณ์ทุกวัน (ยกเว้นวันพระ)

              ปัจจุบันสำนักวิปัสสนากรรมฐานวัดพระธาตุศรีจอมทอง สามารถรองรับผู้มาปฏิบัติธรรม โดยมีที่พักทั้งแบบเดี่ยวและแบบหมู่คณะ โดยมีกุฏิสำหรับผู้ปฏิบัติธรรมกว่า ๒๐๐ หลัง สำนักจะจัดอาหารให้ผู้ปฏิบัติวันละ ๒ มื้อ คือ เช้าเวลา ๐๖.๐๐ น. และเพล เวลา ๑๑.๐๐  น. โดยมีให้เลือกแบบธรรมดาและมังสวิรัติ สำหรับช่วงเวลาหลังเที่ยงไปจนถึงเช้ามืดของวันรุ่งขึ้นนั้น ผู้ปฏิบัติไม่สามารถรับประทานอาหารอีก (สามารถดื่มนม ชา กาแฟ ได้) สำหรับผู้ที่มีความต้องการเรื่องอาหารเพิ่มเติม สามารถปรึกษากับเจ้าหน้าที่ของสำนักได้


พระธาตุประจำปีหนู


              วัดพระธาตุศรีจอมทองเป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดวรวิหารตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๖ ตั้งอยู่ถนนเชียงใหม่-ฮอดหมู่ ๒ ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ ๕๘ กิโลเมตร

              วัดพระธาตุศรีจอมทอง เป็น ๑ ใน ๑๒ ของพระธาตุปีเกิดที่ประชาชนชาวไทยให้ความเคารพสักการะมาตั้งแต่โบราณกาล คือ พระธาตุแห่งนี้เป็นพระธาตุประจำปีคนที่เกิดปีชวด หรือปีหนูนั่นเอง

              พระธาตุศรีจอมทอง เป็นสถานที่ประดิษฐานของพระทักษิณโมลีธาตุพระธาตุส่วนที่เป็นพระเศียรเบื้องขวาของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีขนาดโตประมาณเมล็ดพุทราสัณฐานกลมเกลี้ยงสีขาวนวลเหมือนดอกบวบ หรือสีคล้ายดอกพิกุลแห้ง ตามประวัติเล่าว่า พระเจ้าอโศกมหาราช เป็นผู้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่ดอยจอมทองตั้งแต่ พ.ศ.๒๑๘

              ปัจจุบันพระธาตุถูกบรรจุไว้ในพระโกศ ๕ ชั้น ซึ่งตั้งอยู่ภายในพระวิหารจตุรมุข ก่ออิฐถือปูนทั้งองค์ มีฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส คล้ายพระเจดีย์ กว้าง ๔เมตรสูง ๘ เมตร ห้วงระยะเวลาของยุคฟื้นฟูเมืองเชียงใหม่วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหารได้รับการประกาศเป็นโบราณสถานสำหรับชาติตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ ๘ มีนาคม พ.ศ.๒๔๗๘ พร้อมวัดพระธาตุดอยสุเทพและวัดอีกหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่


ร่วมบุญสร้างตึกสงฆ์อาพาธ


              ปัจจุบันนี้หลวงปู่ทอง มีอายุ ๙๐ ปีพรรษา ๗๐ ในวันที่ ๑๘ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๖ นี้ จึงอยากจะเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมเป็นเจ้าภาพสมทบทุนก่อสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ ๘๔ พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (ตึกสงฆ์อาพาธ) โรงพยาบาลจอมทองเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กสูง ๕ ชั้น จำนวน ๑๒๐ เตียงเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และน้อมถวายเป็นพระราชกุศล

              อาคารดังกล่าวใช้สำหรับเป็นที่รักษาพระภิกษุสามเณรอาพาธ ด้วยพระเดชพระคุณหลวงปู่ทองท่านได้เห็นถึงความยากลำบากและความไม่ทั่วถึงในการเข้ารักษาตัวเวลาที่เจ็บป่วยของพระสงฆ์ทั้งในเรื่องของสถานที่ในการรักษา

              ทั้งนี้ ได้ทำพิธีวางศิลาฤกษ์และเริ่มการก่อสร้างมาตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๕โดยจะต้องใช้งบประมาณในการก่อสร้างพร้อมทั้งจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ เป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ ๑๒๕ ล้านบาท จึงขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบุญมหากุศลกับพระธรรมมังคลาจารย์ในครั้งนี้ สามารถเข้าดูรายละเอียดได้ที่ http://www.watchomtong.org