พระเครื่อง

ปณิธาน 'หลวงปู่เณรคำ' 
สร้างคน สร้างวัด สร้างพระแก้วใหญ่สุดในโลก

ปณิธาน 'หลวงปู่เณรคำ' สร้างคน สร้างวัด สร้างพระแก้วใหญ่สุดในโลก

11 มิ.ย. 2552

งานกฐิน ในปลายปี ๒๕๕๑ ที่ทอดถวาย ณ วัดป่าขันติธรรม โดยแรงศรัทธาญาติโยมลูกศิษย์ลูกหาของ พระอาจารย์วิรพล ฉัตติโก หรือ หลวงปู่เณรคำ จากทั่วประเทศ รวมทั้งจากต่างประเทศ ได้รับเป็นเจ้าภาพองค์กฐินกว่า ๒๐๐ กอง ปักเป็นต้นกฐินมากถึง ๑๘ ต้น ยอดเงินบริจาคมากกว่า ๒๗ ล

  ปัจจัยที่ได้จากพิธีทอดมหากฐินทานนั้น เพื่อเป็นการหารายได้ สมทบทุนก่อสร้าง พระแก้วมรกต จำลองขนาดใหญ่ และสวยงามมากที่สุดในโลก มูลค่าประมาณ ๑๕๐ ล้านบาท ณ วัดป่าขันติธรรม ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชาแด่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ ๘๐ พรรษา ในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการก่อสร้างไปได้แล้วประมาณ ๗๐ เปอร์เซ็นต์

 หลวงปู่เณรคำ มีลูกศิษย์ลูกหาจำนวนมาก ทั่วประเทศ  แม้แต่ต่างประเทศก็ยังมีลูกศิษย์ผู้เคารพศรัทธาในตัวของท่าน

 หลวงปู่พูดถึงเรื่องนี้ว่า “ลูกศิษย์สายต่างแดนมีหลายประเทศ อย่างกฐินที่ผ่านมา ลูกศิษย์สายอเมริกา อังกฤษ เวียดนาม สายนี้มากัน สายอเมริกาเป็นสายใหญ่ เขารับเป็นเจ้าภาพกฐินปีหน้าด้วย โดยหลวงปู่จะทำกฐินไปเรื่อยๆ จนครบ ๑๐๘ ต้น โดยยืนยันได้ว่า จะมีเงินเต็มทุกต้น ที่เพิ่มไม่ใช่นิมิตเห็นเทวดามาบอกให้เพิ่มอย่างเดียว  แต่ที่เพิ่มเพราะว่าจำนวนคนมาปักมากขึ้น ปีหน้าจะมีดอลลาร์ เงินปอนด์ มาด้วย” 

 “ถาวรวัตถุที่เราสร้างขึ้น เป็นการยืนยัน ว่าพระพุทธศาสนาในยุคนั้นๆ มีความเจริญรุ่งเรืองอยู่ ยกตัวอย่างสังเวชนียสถาน ๔ ที่ทำให้เราได้รู้ว่า พระพุทธเจ้าเกิดที่ไหน ตรัสรู้ที่ไหน ปรินิพพานที่ไหน ก็ด้วยมีวัตถุถาวรที่ยังหลงเหลืออยู่ ทำให้เราได้ทราบ เราพุทธศาสนิกชนยุคนี้จึงไม่ต่างจากยุคก่อนว่า เราทำไว้ คนรุ่นต่อไปอีก ๒,๕๐๐ กว่าปีก็จะได้รู้ว่า ยุคนั้นสมัยนั้นพระพุทธศาสนายังมีความเจริญรุ่งเรืองอยู่ เราจะไม่ทิ้งทั้งการสร้างคน และถาวรวัตถุ มันเป็นเครื่องยืนยันได้ทั้ง ๒ อย่าง ๑.คนยืนยันได้ในปัจจุบันชาติ  ๒.วัตถุยืนยันถึงอนาคตชาติได้”

 นี่คือเหตุผลในการก่อสร้างพระแก้วมรกตจำลองขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ของหลวงปู่เณรคำ
 นอกจากนี้แล้ว หลวงปู่เณรคำ ยังดำเนินการสร้างสาขาของวัดออกไป ๑๐ กว่าสาขา ได้ส่งพระลูกศิษย์ไปอยู่ วัดป่าขันติธรรมเป็นวัดใหญ่เป็นวัดหลัก ไม่ใช่ว่าหลวงปู่เณรคำเพิ่งสร้างวัดนี้วัดเดียว แต่วัดนี้สร้างมาก่อน และมีวัดที่เป็นลูกหลานของวัดนี้ออกไปอีก โครงการสร้างสาขากำลังดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง แต่ละสาขาก็จะเป็นศูนย์กลางในการเผยแผ่ศาสนธรรม

 ส่วน การสร้างคน หลวงปู่เณรคำพูดไว้อย่างน่าคิดว่า  การสืบทอดศาสนาให้วัฒนาถาวรยิ่งๆ ขึ้นไป เราจะมุ่งแต่สร้างศาสนวัตถุอย่างเดียวไม่ได้ สมัยพระเจ้าอโศกมหาราชที่ทรงสร้างเจดีย์ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ๘๔,๐๐๐ องค์  ความคิดของท่าน กับพระเจ้าอโศกมหาราชเหมือนกัน  จำนวนอาจไม่เท่ากัน แต่ว่าแนวคิดมีเหมือนกันกับพระเจ้าอโศกมหาราช เรื่องสร้างคนเจ้าสำนักบางแห่งก็บอกว่า เป็นเรื่องที่สร้างยาก แต่หลวงปู่ว่า คนสร้างง่าย ถ้าเรามีเทคนิค มีวิธีในการสร้าง หลวงปู่จึงทำทั้งสองด้าน คือ เราสร้างวัตถุให้เจริญด้วย  สร้างคนให้เจริญพร้อมกันด้วย   หลวงปู่ทำให้เจริญทั้ง ๒ อย่าง ทั้งสร้างคน และสร้างวัตถุถาวรอันยิ่งใหญ่ จิตใจเรามันยิ่งใหญ่ ศรัทธาเรามันเต็มร้อย เราไม่ลังเลสงสัยว่า รอให้แก่แล้วจึงทำ มีกำลังแล้วเราทำตอนนี้ เพื่อให้โลกรู้ว่า แม้อายุเรายังไม่มาก แต่จิตใจเราหนักแน่น ประดุจแผ่นดิน  เราจะทำสิ่งใดเพื่อพระพุทธเจ้า เราทำทั้งนั้น
 
ชาติหน้าไม่ขอกลับมาเกิดอีก
 หนังสือ “ชาติหน้าไม่ขอกลับมาเกิดอีก” เป็นหนังสือที่คณะศิษย์จัดพิมพ์ขึ้นเผยแผ่ประวัติชีวิตในแง่มุมต่างๆ ทั้งการเผยแผ่ธรรม วิธีการปฏิบัติ ปาฏิหาริย์ รวมทั้งประวัติส่วนตัวอย่างละเอียด ซึ่งมีจำหน่ายในศูนย์หนังสือชั้นนำทั่วไป

 โดยรายได้ในการจัดทำหนังสือเล่มนี้ ส่วนหนึ่งนำไปสมทบทุนการก่อสร้างพระแก้วมรกตจำลององค์ใหญ่ที่สุดในโลก รวมทั้งช่วยสืบสานปณิธานของ หลวงปู่เณรคำ

 วิธีการสอนของหลวงปู่เณรคำนั้น ท่านเน้นภาษาที่เรียบง่าย ไม่สลับซับซ้อน สามารถนำไปเป็นข้อคิดเตือนสติทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้หญิง หรือ ผู้ชาย สามารถเข้าถึงอย่างเท่าเทียมกัน

 โดยในหนังสือ “ชาติหน้าไม่ขอกลับมาเกิดอีก” จะทำให้ผู้อ่านเขาใจว่า การเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏสงสาร เป็นความทุกข์อย่างยิ่ง รักก็เป็นทุกข์ เกลียดก็เป็นทุกข์ หลงก็เป็นทุกข์ พลัดพรากจากกันก็เป็นทุกข์ แล้วทำไมมนุษย์จึงยังยินดีที่จะจมลงสู่ความทุกข์

 นอกจากนี้แล้ว หลวงปู่ท่านยังสอนให้เราท่านทั้งหลายฝึกสติให้ยิ่งๆ ขึ้นไป เจริญปัญญาให้มากๆ ใช้สติปัญญาควบคู่กันไป อาศัยความสงบที่เป็นสมาธิหล่อเลี้ยงไว้อยู่แล้ว เจริญลงไปให้มาก กำหนดรู้สึกในกระดูกให้มาก รู้เห็นเข้าไปในกระดูกให้มาก

 เมื่อรู้เห็นเข้าไปในกระดูกเด่นชัดมากแล้ว ร่างกายทั้งหมด จะเห็นหมดเลย มันมั่นคงในจิต สติปัญญามั่นคงอยู่ในกระดูก กำหนดรู้จนมันหายสงสัย แตกฉานในกายแล้ว จิตมันจะเด่นชัดขึ้นมา สติปัญญามันจะออกจากสภาพร่างกายเข้าสู่จิต ไปดำเนินสติปัญญา สภาพปัญญา สภาพสติในจิตใจล้วนๆ เลย ชำระล้างถอดถอนกิเลสตัณห อุปาทานอยู่ในจิตนั้นเลย

 จากนั้นจะดับไป จิตดับเหลือแต่ปัญญาล้วนๆ ที่ไม่มีอารมณ์อื่นแทรกแซงปรากฏ และใช้สติปัญญาที่เฉียบคมนั้น ทำการทบทวนเข้าไปในสภาพจิตใจ ให้มันละเอียดลึกซึ้งลงไปเรื่อยๆ และต้องทบทวนสิ่งที่ตนบรรลุนั้นอยู่ตลอด  จนกว่าลมหายใจจะขาดจากโลกใบนี้ก

 ทั้งนี้ หลวงปู่เณรคำ ได้ปวารณาตัวเองว่า ขอทุ่มเททั้งชีวิตให้กับพุทธศาสนาในชาติปัจจุบัน ดังคำกล่าวของท่านว่า “แม้เราจะอาศัยบ้านหลังนี้เป็นหลังสุดท้าย แต่เราก็ขอทำคุณงามความดีให้แก่บ้านเกิดหลังสุดท้ายอย่าเต็มภาคภูมิ เพื่อประโยชน์แก่ท่านทั้งหลาย ได้พึ่งพาต่อไปในภายภาคหน้า ถึงคนรุ่นหลังในอนาคต และขอให้สาธุชนทุกคนช่วยกันสั่งสมคุณงามความดี ซึ่งคุณงามความดีนี้จะประจักษ์เด่นชัดในใจของเรานี่เอง ถ้าเราทำความดี ความดีก็มีในใจเรา ไม่ต้องไปโออวดใครทั้งสิ้น”
 
เรื่อง - ภาพ... "ไตรเทพ ไกรงู"