
'การละเล่นผีตาโขน'บุญประเพณีที่ขายได้
'การละเล่นผีตาโขน'บุญประเพณีที่ขายได้ 'ตั้งแต่รากแก้วถึงปลายใบ' : ท่องไปในแดนธนรรม เรื่อง/ภาพ โดยไตรเทพ ไกรงู
งานประเพณี "บุญหลวงและการละเล่นผีตาโขน" ประจำ พ.ศ.๒๕๕๖ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๐-๑๒ กรกฎาคม ถนนแก้วอาสา หน้าที่ว่าการอำเภอด่านซ้าย และวัดโพนชัย อ.ด่านซ้าย จ.เลย แม้จะเป็นการจัดงานในวันธรรมดาแต่ก็มีประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้ามาร่วมงานนับหมื่นคน
"บุญหลวงและการละเล่นผีตาโขน" เป็นประเพณีที่รวมเอา "งานบุญพระเวส" (ฮีตเดือนสี่) และ "งานบุญบั้งไฟ" (ฮีตเดือนหก) เข้าไว้เป็นงานบุญเดียวกัน นักท่องเที่ยวจะได้ชมขบวนแห่ "ผีตาโขน" ที่สร้างสีสันตื่นตา ตื่นใจ เต้นตามท่วงทำนองจังหวะดนตรีที่เร้าใจ แสดงเอกลักษณ์ของหน้ากากที่โดดเด่นของศิลปะการแต่งแต้มลวดลาย เน้นสีสันที่สดใสงดงาม โดยในปีนี้ สำนักงานการท่องเที่ยวจังหวัดเลย ได้จัดกิจกรรม "ถนนผีฯ...คนเดิน (Phi Ta Khon Road)" เพื่อนำเสนอศิลปวัฒนธรรมอันงดงามของชุมชนแห่งนี้
กิจกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่ พิธีเบิกพระอุปคุต พิธีบายศรีสู่ขวัญเจ้าพ่อกวน-เจ้าแม่นางเทียม ขบวนแห่ผีตาโขน ขบวนแห่เจ้าพ่อกวน-เจ้าแม่นางเทียม และคณะพ่อแสน พิธีบายศรีสู่ขวัญพระเวส ขบวนพิธีอัญเชิญพระเวสสันดรเข้าเมือง พิธีจุดบั้งไฟบูชาพญาแถน พิธีทิ้งหน้ากากผีตาโขน พิธีเทศน์มหาชาติ ๑๓ กัณฑ์ พร้อมด้วยการแสดงบนเวทีที่ยิ่งใหญ่
ความพิเศษที่ถือว่าโด่ดเด่นจากงานบุญประเพณีของจังหวัดออื่นๆ คือ การจำหน่ายผลิตภัณฑ์พื้นเมือง งานแฮนด์เมด งานหัตถกรรม งานศิลปะ และงานไอเดียสร้างสรรค์ต่างๆ จากชาวด่านซ้าย และชาวเมืองเลย ซึ่งล้วนมาจากพื้นฐานของ "บุญหลวงและการละเล่นผีตาโขน" ทั้งสิ้น
นายอภิชาติ คำเกษม อดีตอาจารย์ ๒ โรงเรียนศรีสองรักษ์วิทยา หนึ่งในนักประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ที่ถือเป็นผู้ผลิตสินค้าประเภทนี้รายแรก และรายเดียวของไทย เนื่องจากเป็นชาว จ.เลย บอกว่า ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับผีตาโขน แรกเริ่มเกิดจากนักท่องเที่ยงอยากได้ของที่ระลึกติดไม้ติดมือกลับบ้าน นักท่องเที่ยวบางรายได้ขอซื้อหัวผีตาโขนจากผู้เล่นในขบวนแห่ แต่ด้วยขนาดที่ใหญ่เกินไปจึงมีการพัฒนาขนาดให้ แรกเริ่มเป็นผลิตภัณฑ์ง่ายๆ เช่น พวงกุญแจจากไม้ขามและไม้ไผ่ จากนั้นก็มีการพัฒนาในหลายรูปแบบ ตั้งแต่ระดับบ้าน และที่รวมกันเป็นกลุ่ม เมื่อนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น มีการผลิตที่เพิ่มขึ้นทั้งรูปแบบและจำนวน
ทั้งนี้หากเรียบลำดับความสำคัญของผลิตภัณฑ์จะพบว่า ผู้บริโภคต้องการซื้อผลิตภัณฑ์ที่ใช้ประโยชน์ได้ด้วย เสื้อที่ระลึกพิมพ์ลายหน้ากากผีตาโขนจึงได้รับความนิยมเป็นอับดับแรก ส่วนหน้ากากผีตาโขน รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันโดยมีการใส่ลายหน้ากากผีตาโขนก็ได้รับความนิยมในระดับรองลงมา
อ.อภิชาติยังบอกด้วยว่า มีความผูกพันกับผีตาโขนอย่างลึกซึ้งตั้งแต่วัยเยาว์ และอยากถ่ายทอดศิลปะและภูมิปัญญาที่งดงามของบ้านเกิดให้เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกผ่านสินค้าที่ระลึก จึงเริ่มจากผลิตผีตาโขนย่อส่วนทำจากไม้มาเกือบ ๓๐ ปีแล้ว ปัจจุบันมีเซรามิกผีตาโขนมากกว่า 20 ประเภท เน้นให้สินค้าเป็นตัวเชื่อมระหว่างวัฒนธรรมพื้นบ้านสู่ความเป็นสากล การออกแบบจึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้ในชีวิตประจำวันของคนทั่วไป เช่น โคมไฟ แก้วน้ำ แก้วกาแฟ แจกัน กระถางต้นไม้ โมบาย ชุดน้ำชา ฯลฯ โดยได้รับมาตรฐานสินค้าอุตสาหกรรม และมาตรฐานสินค้าชุมชนด้วย ต่างจากผีตาโขนปัจจุบันที่ชาวบ้านมักจะนำศิลปะต่างๆ จากตะวันตก หรือญี่ปุ่นมาผสม แม้จะดูสวยงาม แต่เสน่ห์ความคลาสสิกมันหายไป
"งานเซรามิกผีตาโข ผมถือว่าเป็นงานศิลปะซ้อนศิลปะ เพราะเครื่องปั้นดินเผาก็เป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ผีตาโขนก็เป็นศิลปะอีกด้านหนึ่ง เมื่อเรานำมาประยุกต์ไว้ด้วยกัน ข้อดี คือ ความคงทน ซื้อไปนานเท่าไร ก็ยังอยู่ในสภาพเดิม นักท่องเที่ยวซื้อกลับไปวางโชว์ที่บ้านเขา ก็ช่วยเผยแพร่วัฒนธรรมนี้ ซึ่งเป็นตัวแทนของจ.เลย ภาคอีสาน และประเทศไทยให้ขยายกว้างออกไป" อ.อภิชาติกล่าว
ในขณะที่น.ส.เกศรา คำเกษม เจ้าของร้าน "พักเพลินจัง" ซึ่งตั้งอยู่บริเวณพระธาตุศรีสองรักษ์ พูดไว้อย่างน่าคิดว่า ผีตาโขนนอกจากเป็นบุญประเพณีที่ให้ความสนุกสนานแล้ว ยังให้ประโยชน์กับคนท้องถิ่นให้ได้อาศัยความน่ารักจากเอกลักษณ์ของหน้ากากผีตาโขน เป็นศิลปะที่จับต้องและขายได้ สามารถสร้างงานและรายได้ให้ชาวด่านซ้ายได้ทุกภาคส่วน ชาวด่านซ้ายจึงควรตระหนักถึงการทะนุบำรุงรักษาประเพณีดีงามเหล่านี้ให้คงอยู่ตลอดไป
สำหรับผลิตภัณฑ์ของร้าน "พักเพลินจัง" นั้น น.ส.เกศรา บอกว่า จะเน้นงานไอเดียที่ผลิตจากผีไม้ลายมือ เช่น งานเพ้นท์ร่มรูปผีตาโขน อันเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร ผลิตภัณฑ์ผ้าม่านพลิ้วลมที่เป็นงานปักสามมิติที่มีลวยลายผีตาโขน ส่วนงานที่รับมาขายในร้านก็จะเน้นงานทำมือเป็นหลัก
พิธีกรรมผีสำคัญยิ่งกว่าพระ
ประเพณีแห่ผีตาโขนจัดเป็นส่วนหนึ่งในงานบุญประเพณีใหญ่ หรือที่เรียกว่า "งานบุญหลวง" หรือ "บุญผะเหวด" ซึ่งตรงกับเดือน ๗ มีขึ้นที่ อ.ด่านซ้าย จ.เลย และจัดเป็นการละเล่นที่ถือเป็นประเพณีทุกปี เดิมที่งานประเพณีบุญหลวงและการละเล่นผีตาโขน จะตรงกับวันธรรมสวนะหรือวันพระเท่านั้นอันเป็นวันสำคัญของพุทธศาสนา เกี่ยวโยงกับงานบุญพระเวส หรือเทศน์มหาชาติประจำปี กับพระธาตุศรีสองรัก ปูชนียสถานสำคัญของชาวด่านซ้าย
ประเพณีแห่ผีตาโขน เล่นกันอยู่เฉพาะ ๔ วัด คือ ๑.วัดโพนชัย บ้านเดิ่น อันเป็นวัดประจำอำเภอด่านซ้าย ๒.วัดโพธิ์ศรี บ้านนาเวียง ๓.วัดศรีสะอาด บ้านหนามแท่ง และ ๔.วัดศรีภูมิ บ้านนาหอ ทั้ง ๔ วัดนี้อยู่ในอ.ด่านซ้ายทั้งหมด
การเปลี่ยนแปลงให้ตรงกับวันเสาร์-อาทิตย์ เนื่องจากอดีตศึกษาธิการอำเภอท่านหนึ่ง ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ดูแลวัดและโรงเรียนต่างๆ ท่านเห็นว่าถ้าจัดในวันธรรมดานักเรียนต้องหนีโรงเรียนมาร่วมงาน จึงขอความร่วมมือจากวัดและชุมให้จัดงานในวันเสาร์-อาทิตย์ สามารถแก้ปัญหานักเรียนหนีโรงเรียนได้จริง โดยปฏิบัติสืบทอดกันมาหลายสิบปี โดยให้อำนาจเจ้าพ่อกวน (ร่างทรงท้องถิ่นแห่งหมู่บ้านเดิมอันเป็นที่ตั้งของวัดโพนชัย) ในการกำหนดงาน
บอกว่า จากการศึกษาการเล่นผีตาโขนอย่างจริงจัง มาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๑ อ.อภิชาติ ได้ตั้งข้อสังเกตและท้วงติงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวไว้อย่างน่าสนใจ คือ การเปลี่ยนแปลงของการเล่นผีตาโขนทุกวันนี้ ให้ความสำคัญต่อร่างทรงมากกว่าการเป็นพิธีกรรมของพระ โดยเดิมทีนั้น พิธีกรรมทั้งหมดเกิดขึ้นที่วัด และทำกันที่วัด ที่สำคัญ คือเป็นเรื่องของพระกับชาวบ้าน เช่น การกำหนดวัน การหาเจ้าภาพของผู้ติดกัณฑ์เทศน์ต่างๆ ทั้ง ๑๓ กัณฑ์
ปัจจุบันเป็นเรื่องน่าเสียใจ พิธีกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานบุญหลวงก็ถูกนำเข้ามาผูกและยกระดับความสำคัญมากขึ้น เช่น การสู่ขวัญซึ่งเพิ่งเกิดขึ้นในช่วง พ.ศ. ๒๕๒๔ แม้ว่าจะเป็นพิธีกรรมที่เกิดภายหลัง แต่กลับถูกยกให้ความสำคัญมากยิ่งกว่าพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา ขณะเดียวกัน ก็มีการให้ความสำคัญกับเจ้าพ่อกวนมากกว่าวัดและพระอีกด้วย