พระเครื่อง

พบสถูป‘พระเจ้าอุทุมพร’ในพม่าพัฒนาเป็นมรดกประวัติศาสตร์

พบสถูป‘พระเจ้าอุทุมพร’ในพม่าพัฒนาเป็นมรดกประวัติศาสตร์

18 ก.ค. 2556

พบสถูป‘พระเจ้าอุทุมพร’ในพม่าพัฒนาเป็นมรดกประวัติศาสตร์ : เต๋อ สมิหลา

              เมื่อต้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ ผู้เขียนมีโอกาสได้เดินทางไปทำบุญไหว้พระที่ประเทศพม่า จุดหนึ่งที่หัวหน้าคณะทัวร์ได้พาไปชม คือ “สุสานลินซินกอง” (สุสานล้านช้าง) เมืองมัณฑะเลย์ และไม่ไกลจากสะพานไม้ “อูเบ็ง” ซึ่งเป็นสะพานไม้สักยาวที่สุดในโลก  ด้านหนึ่งของสะพานนี้ คือ ที่ตั้งของหมู่บ้านคนไทย ที่ถูกกวาดต้อนไปสมัยกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่า เมื่อ พ.ศ.๒๓๑๐ ทุกวันนี้คนไทยเหล่านั้นก็คือคนพม่าเชื้อสายสยาม ที่เรียกว่า “โยเดีย”

              ที่สุสานแห่งนี้กำลังมีการขุดแต่งสถูป ที่เชื่อว่าเป็นที่บรรจุพระอัฐิของสมเด็จพระเจ้าอุทุมพร ซึ่งสิ้นพระชนม์ขณะเป็นบรรพชิต เมื่อ พ.ศ.๒๓๓๙

              ตามประวัติศาสตร์ไทย สมเด็จพระเจ้าอุทุมพร เป็นกษัตริย์ช่วงสั้นๆ เมื่อ พ.ศ.๒๓๐๑ ต่อมาได้ทรงพระผนวชในปีเดียวกัน เพื่อให้พระเชษฐา คือ สมเด็จพระเอกทัศ ขึ้นครองราชย์แทน

              เมื่อ พ.ศ.๒๓๑๐ ได้เสียกรุงศรีอยุธยาให้แก่พม่า สมเด็จพระเจ้าเอกทัศ สวรรคตในครั้งนั้น พม่าได้กวาดชาวกรุงศรีอยุธยาไปยังพม่าจำนวนมาก รวมทั้งได้นิมนต์พระเจ้าอุทุมพร ซึ่งทรงพระผนวชให้เสด็จไปยังพม่าด้วย

              ชาวพม่ามีความศรัทธาเลื่อมใสในพระเจ้าอุทุมพรมาก ถึงกับถวายพระนามในพุทธศาสนาทางการพม่าว่า “มหาเถระอุทุมพร” (Maha Thera Udumbara) ทรงเป็นมหาเถระชั้นสูงที่ชาวพม่าให้ความเคารพนับถือเป็นพิเศษ

              เมื่อ พระมหาเถระอุทุมพร สวรรคตใน พ.ศ.๒๓๓๙ ครั้งนั้นตามหลักฐานบันทึกของพม่า กษัตริย์พม่าคือ “พระเจ้าปดุง” หรือพระนามอย่างเป็นทางการ คือ “พระเจ้าโบดอพญา” ได้พระราชทานเพลิงพระศพ “พระมหาเถระพระเจ้าอุทุมพร” เป็นพิธีหลวงอย่างสมพระเกียรติ ณ บริเวณสุสานล้านช้าง

              ต่อมาสุสานแห่งนี้กลายเป็นสุสานร้างมานานปี จนถึงทุกวันนี้ ทางการพม่าต้องการจะพัฒนาพื้นที่รกร้างให้คืนสู่สภาพที่ดีขึ้น จึงได้มีการขุดแต่งสถูปต่างๆ พบว่ามีหมู่สถูปหนึ่งพิเศษกว่าสถูปองค์อื่นๆ ซึ่งประกอบด้วยหมู่สถูป ๔ องค์ คือ สถูปที่บรรจุบรรจุพระอัฐิของสมเด็จพระเจ้าอุทุมพรดังกล่าว จึงได้แจ้งมาให้ทางเมืองไทยทราบ พร้อมกับให้จัดส่งผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ไปทำงานร่วมกับทางคณะทำงานของพม่า

              คณะทำงานฝ่ายไทยที่เดินทางไปทำงานร่วมกับคณะของพม่า เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๖ คือ ๑.คุณวิจิตร ชินาลัย สถาปนิกอำนวยการ / นักอนุรักษ์ ๒.ดร.สุเมธ  ชุมสาย ณ อยุธยา ศิลปินแห่งชาติ / สถาปนิกอาวุโส / นักอนุรักษ์ / นักเขียน / นักประวัติศาสตร์ ๓.คุณปองขวัญ ลาซูส สถาปนิก / นักอนุรักษ์ ๔.ออท.ประดาป พิบูลสงคราม ที่ปรึกษา ๕.คุณชาตรี รัตนสังข์ วิศวกรอาวุโส และ ๖.คุณพัทธมน นิยมค้า สถาปนิกประสานงาน

              ในการทำงาน คณะผู้เชี่ยวชาญทั้งฝ่ายพม่าและไทยได้ค้นพบบาตร ซึ่งอยู่บนพานแก้วแว่นฟ้า ในสถูปองค์หนึ่ง จึงร่วมกันทำพิธีกราบบังคมทูลขอขมา ขอพระบรมราชานุญาตทำการเปิดฝาบาตร เพื่อสำรวจดูสิ่งของข้างใน จึงได้พบพระอัฐิเป็นจำนวนมาก ห่ออยู่ในผ้าจีวร

              “บาตร” ที่อยู่บนพานแก้วแว่นฟ้านี้ ถือเป็นบาตรพระราชทานของกษัตริย์พม่า ที่เรียกว่า “บาตรแก้วมรกต” ประดับประดาด้วยกระจกสีฉาบปรอท มีเส้นทองสีลายต่างๆ สวยงามมาก...จากหลัก “บาตรพระราชทาน” นี่เองที่เชื่อได้ว่า พระอัฐิในบาตรนี้เป็นของพระเจ้าอุทุมพร อย่างแน่นอน

              การขุดแต่งสุสานแห่งนี้ พม่าถือว่าเป็นแหล่งประวัติศาสตร์ที่สำคัญ จึงต้องการอนุรักษ์ไว้ โดยทางฝ่ายไทยยินดีให้ความร่วมมือ เพื่อให้เป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ ที่แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างพม่ากับไทย และเป็นสัญลักษณ์ของชาวพม่าเชื้อสายไทยที่พำนักอยู่ในพม่า ตั้งแต่ พ.ศ.๒๓๑๐ จนถึงทุกวันนี้

              เมื่อโครงการนี้ได้ดำเนินการจนสำเร็จสมบูรณ์ในวันข้างหน้า ก็จะเป็นอีกจุดหนึ่งที่คนไทยเมื่อเดินทางไปทำบุญไหว้พระยังเมืองพม่า จะได้ไปเยี่ยมชม และสักการะพระบรมอัฐิของ พระเจ้าอุทุมพร อีกด้วย