พระเครื่อง

ตะลึง!พบห้องลับใต้ฐานพระแก้ว

ตะลึง!พบห้องลับใต้ฐานพระแก้ว

14 ก.ค. 2556

ตะลึงพบห้องลับใต้ฐานพระแก้วฯที่พักสงฆ์ป่าขันติธรรม ด้าน'ดีเอสไอ'เตรียมประชุม 15 ก.ค.เล็งออกหมายจับ 'อดีตพระหลวงปู่เณรคำ'

                เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 14 กรกฎาคม 2556 นายวิทูรย์ จำปาทอง ผู้แทนจากสำนักงานป้องกันปราบปรามยาเสพติดภาค 3 ได้เดินทางมาตรวจที่พักสงฆ์ป่าขันติธรรม บ้านยาง ตำบลยาง อำเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ ภายหลังจากที่คณะสงฆ์จังหวัดศรีสะเกษ ได้มีคำสั่งให้พระวิรพล หรื อนายวิรพล สุขผล หรือ หลวงปู่เณรคำ เดิม ได้อาบัติปาราชิก ไปแล้วตั้งแต่บ่ายวันที่ 13 ก.ค.56 พ้นสภาพจากการเป็นพระ

               คณะตรวจค้นนำโดย พล.ต.ต.ปรีชา เจริญทรัพย์ รองผู้บังคับการ ตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ภุชง วรรณนา ผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรกันทรารมย์ และคณะเจ้าหน้าที่ตรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าพบ นายถาวร เกษแก้ว มัคทายก และพระไกรศักดิ์ ธรรมโชโต พระลูกวัด ที่พักสงฆ์ป่าขันติธรรม นำเข้าตรวจสอบ โดยเน้นไปที่ใต้ฐานพระแก้วมรกต ซึ่งพบว่าในการก่อสร้าง ได้เตรียมจัดทำเป็นห้องเล็ก ห้องน้อย ห้องลับไว้ใต้ฐานพระแก้วฯ เป็นจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่ ปปส.ภาค 3 ได้เข้าไปตรวจค้น ถ่ายภาพเก็บไว้เป็นหลักฐานประกอบการสืบสวนสอนสวนทุกแง่ทุกมุม ทุกห้องทั้งด้านบน ด้านล่าง ขณะที่ในส่วนอื่นๆ ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ เนื่องจากการมาในครั้งนี้ไม่ได้นำหมายศาลมาเพื่อขอเข้าตรวจค้นแต่อย่างใด และในส่วนอาคารที่ทำการวัด ได้ปิดทำการลงหลายวันแล้ว นับตั้งแต่มีข่าวใหญ่ และข่าวการปาราชิก ของพระวิรพล

               นายวิทูรย์ เปิดเผยว่า ในเรื่องการตรวจสอบการเชื่อมโยงยาเสพติด เรายังให้ความเป็นธรรมอยู่ว่า สมีคำ ยังไม่ชัดเจนในเรื่องว่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติดหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ยังเป็นเพียงข่าวลือที่ทราบว่าเคยพบในรถยนต์ที่พระวิรพลนั่งไป แล้วอ้างว่าเป็นของลูกศิษย์ หรือที่ว่าใช้เครื่องบินในการลำเลียงยาเสพติดไปจำหน่าย แต่ที่น่าจะเกี่ยวในกระบวนการสืบสวนด้านการเงิน ปปง. และปปส.กำลังดำเนินการอยู่ บัญชีหลายฉบับ จำนวนเงินที่โอนเข้ามา กับจำนวนยาเสพติดมันจะสอดคล้องกัน แล้วขบวนการโอนเข้ามา ออกไป ไปแตะใครที่เกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด ต้องติดตามยึดทรัพย์ได้หมดแน่นอน แต่ขณะนี่ยังยืนยันไม่ได้ว่าพบเกี่ยวข้องยาเสพติด

               ในส่วนของพระไกรศักดิ์ ธรรมโชโต พระลูกวัดป่าขันติธรรม ที่นำเจ้าหน้าที่ ปปส.ภาค3 ตรวจห้องลับภายใต้ฐานพระแก้วมรกต องค์จำลองที่ใหญ่ที่สุดในโลก กล่าวว่า ขณะนี้พระลูกวัดที่อยู่ภายในที่พักสงฆ์ป่าขันติธรรมกว่า 10 รูป ได้รับทราบข่าวการที่คณะสงฆ์ศรีสะเกษ มีคำสั่งให้พระวิรพล ฉตฺติโก อาบัติ ปาราชิก แล้ว แต่ยังไม่ได้รับเอกสารที่ลงนามโดยเจ้าคณะจังหวัด พระทุกรูปมีการพูดคุยกัน และรู้สึกเห็นใจประธานที่พักสงฆ์ หลวงปู่เณรคำ ที่พวกตนเคารพนับถือ เพราะในการดำเนินการเช่นนี้ ถือว่าคณะสงฆ์ศรีสะเกษ ฟังความข้างเดียว ไม่รับฟังคำชี้แจงของพระวิรพล แต่ด่วนในการตัดสินประหารชีวิตพระวิรพล ซึ่งพวกตนในฐานะที่เป็นพระลูกวัดป่าขันติธรรม ยอมรับมติสงฆ์ศรีสะเกษ ไม่ได้ เพราะเชื่อว่าหลวงปู่เณรคำ ประสบวิบากกรรม และเชื่อว่าไม่ได้กระทำผิดใดใด เป็นเพียงการถูกใส่ร้าย กล่าวให้ร้าย ซึ่งตนเองก็เป็นศิษย์เจ้าคณะจังหวัดอุบลฯ โดยบวชจากวัดใต้พระเจ้าองค์ตื้อมาเช่นเดียวกันกับพระวิรพล และเดินทางมาจำพรรษาอยู่ที่ที่พักสงฆ์แห่งนี้ 3 ปีแล้ว ติดตามพบเห็นการทำงานของพระวิรพล มาโดยตลอดว่าได้ทำงานหนัก ทะนุบำรุงพระพุทธศาสนามากกว่าพระองค์ใดในภาคอีสานนี้ สร้างพระแก้วมรกตองค์จำลองที่ใหญ่ที่สุดในโลก ร่วมกับแรงศรัทธาของปวงชนทั้งในและต่างประเทศ และกล่าวด้วยวาจามาโดยตลอดว่า เมื่อสร้างเสร็จจะได้ถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พร้อมทั้งวัด สถานปฎิบัติธรรมทั้งหมดภายในอาณาเขตนี้ที่สร้างขึ้นไว้ ไม่ได้มุ่งหวังเก็บไว้เป็นสมบัติส่วนตนแต่อย่างใด แต่มาถูกใส่ร้ายจนต้องมีคำสั่งเช่นนี้ พระลูกวัดทั้งหมดรับไม่ได้ และไม่ยอมรับคำสั่งของคณะสงฆ์ศรีสะเกษ และอุบลฯ ด้วย และจะรอพระวิรพล เดินทางกลับมาสิ้นเดือนนี้ตามกำหนดก่อน

               ส่วน พระครูวัชระสิทธิคุณ เจ้าอาวาสวัดป่าศรีสำราญ ตำแหน่ง พระเลขาเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า จากนี้จะได้นำหนังสือคำสั่งของเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ พระครูวิสุทธิญาณ เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ( ธ ) ไปประกาศให้ญาติโยม และพระที่พักอยู่ยังที่พักสงฆ์ป่าขันติธรรม ได้รับทราบโดยทั่วกัน และจะได้ทำการสำรวจพระทุกรูปที่อยู่ภายในที่พักสงฆ์ป่าขันติธรรม มีการถ่ายใบสุทธิพระทุกรูป เพื่อการตรวจสอบ และจะได้ดำเนินการจัดตั้งประธานที่พักสงฆ์คนใหม่ขึ้นมาดูแลที่พักสงฆ์แทนองค์เก่าที่ถูกสั่งให้ปาราชิกไป และจะได้ประสานดำเนินการกับเจ้าของที่ดินที่เคยมีความประสงค์จะจัดตั้งวัด และจัดประชุมคณะสงฆ์ศรีสะเกษ ในการตั้งวัด หรือพิจารณาที่พักสงฆ์ต่อไป

               
              ส่วนเรื่องการที่พระสงฆ์ที่อยู่ยังที่พักสงฆ์ป่าขันติธรรม จะยอมรับคำสั่งของเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ หรือไม่นั้นไม่เป็นไร เพราะหากไม่อยู่ในโอวาสของเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ก็ต้องไปอยู่ที่อื่น เพราะในเมื่อพระผู้ปกครองได้มีคำสั่งไปแล้วก็คือจบ เพราะนี่คือที่พักสงฆ์ป่าบ้านยาง ตำบลยาง อำเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ คำว่าภายใต้จังหวัดศรีสะเกษ หากผู้ปกครองที่ได้รับการแต่งตั้งจากพระเถระผู้ใหญ่สั่งให้มาดูแลสงฆ์ทุกรูปภายในจังหวัด พร้อมสถานปฎิบัติธรรม ที่พักสงฆ์ วัดทุกวัด หากดื้อแพ่งก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ ก็จะต้องไปหาที่พักสงฆ์อื่นอยู่ วัดอื่นอยู่ที่ยอมรับฟังคำสั่งสงฆ์ยังที่วัดนั้นๆ

 

 

"สุขุม"ดิ้นเปิดแถลงการณ์ค้านสึกสมีคำ



           นายสุขุม วงประสิทธิ ประธานเครือข่ายบ้านวิมุตติธรรม ได้เปิดเปิดคำแถลงข่าวที่บ้านพัก อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี  โดยคัดค้านมติของคณะสงฆ์จังหวัดศรีสะเกษ โดยตั้งคำถามว่า การสึกโดยวิธีนี้ถูกต้องตามหลักพระธรรมวินัยสงฆ์หรือไม่ เพราะเพิ่งจะมีวิธีการสึกโดยวิธีนี้เป็นครั้งแรกในโลก
 


 

"พศ."ชงคำร้องทุกข์ผู้เสียหายแจ้งDSIแล้ว

 

                 พระพรหมเวที เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม กรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) ในฐานะประธานคณะกรรมการศูนย์ควบคุมการไปต่างประเทศสำหรับพระภิกษุสามเณร(ศ.ต.ภ.) กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้รับทราบว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ได้ส่งหนังสือเกี่ยวกับให้ ศ.ต.ภ.พิจารณากรณีถอนหนังสือเดินทางของพระวิรพล สุขผล หรือหลวงปู่เณรคำ แล้ว ซึ่ง ศ.ต.ภ.จะมีการประชุมในวันที่ 15 ก.ค.นี้ ที่วัดสังเวชวิศยาราม เกี่ยวกับ กรณีดังกล่าว โดยตนเห็นว่า ศ.ต.ภ.ไม่มีอำนาจในการถอนหนังสือเดินทาง ทำได้เพียงแต่อนุญาตให้พระไปต่างประเทศเท่านั้น ส่วนในกรณีหลวงปู่เณรคำศ.ต.ภ.ก็ทำได้เพียงพิจารณาให้ความเห็นเท่านั้น แต่ผู้ที่มีอำนาจในการถอนหนังสือเดินทางได้ ก็คือ กระทรวงการต่างประเทศ ที่เป็นผู้ออกหนังสือเดินทางให้

                “การยกเลิกหนังสือเดินทาง ขึ้นอยู่กับผู้ให้ ใครเป็นคนให้ คนนั้นต้องเป็นคนยกเลิก สำหรับกระบวนการเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลังจากที่ ศ.ต.ภ.ได้พิจารณาแล้ว ก็จะส่งความเห็นให้ สำนักพุทธฯ ดำเนินการประสานกับกระทรวงการต่างประเทศว่า จะยกเลิกหนังสือเดินทางหรือไม่ เพราะอำนาจอยู่ที่กระทรวงไม่ใช่ศ.ต.ภ. ในส่วนของมติคณะสงฆ์ศรีสะเกษที่ให้ พระวิรพล ปาราชิกตามที่เป็นข่าวนั้น อาตมายังไม่เห็นหนังสือที่เป็นทางการ ต้องรอให้เห็นหนังสืออย่างเป็นทางการก่อน โดย ศ.ต.ภ.ก็จะพิจารณายึดตามมติของคณะสงฆ์ศรีสะเกษเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม กรณีหากพระสงฆ์ สามเณร ไปกระทำผิดในต่างประเทศ โดยเฉพาะกรณีอาญา กระทรวงการต่างประเทศ ก็จะพิจารณาไม่อนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศ ขณะที่ศ.ต.ภ.บางครั้งไม่สามารถตรวจสอบได้ถึงขั้นนั้น มีบางรูปก็ให้ผ่านไปเหมือนกัน เนื่องจากไปเปลี่ยนชื่อมาก็มีหลายครั้ง แต่กระทรวงการต่างประเทศ ก็จะช่วยตรวจสอบเลขประจำตัวประชาชนให้ หากพบว่า ประวัติไม่ดี ก็จะแจ้งมายังศ.ต.ภ.ว่า ไม่สมควรให้เดินทางไปต่างประเทศได้ ศ.ต.ภ.ก็จะไม่อนุญาตให้เดินทาง”ประธานศ.ต.ภ.กล่าว

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการขั้นตอนการขอหนังสือเดินทางและวีซ่าของพระภิกษุ สามเณร จะต้องผ่านการพิจารณาของ ศ.ต.ภ. โดยกระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้อำนาจ ศ.ต.ภ.ว่า จะอนุญาตให้พระรูปนั้นได้ทำหนังสือเดินทางและวีซ่าหรือไม่ โดยในเว็บไซต์www.sortorpor.org/step.asp ได้ระบุกระบวนการไว้ดังนี้ การทำพาสสปอร์ต พระภิกษุ สามเณรที่จะเดินทาง กรอกรายละเอียดในแบบคำขออนุญาตเดินทางไปต่างประเทศของพระภิกษุสามเณร โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากเจ้าคณะปกครองตามลำดับ ตั้งแต่ เจ้าอาวาส เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะภาค จากนั้นยื่นแบบคำขออนุญาตไปต่างประเทศที่สำนักงานศ.ต.ภ.วัดสังเวชวิศยาราม คณะกรรมการศ.ต.ภ.จะประชุมพิจารณาว่า จะอนุญาตหรือไม่ หากมีผลอนุญาต ศ.ต.ภ.ก็จะส่งเรื่องให้พศ.แจ้งเรื่องยังกรมการกรมสุล กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อออกหนังสือเดินทาง ตามที่ศ.ต.ภ.อนุญาต จากนั้นสถานเอกอัครราชทูตประเทศต่างๆประจำประเทศไทย จึงที่จะออกวีซ่าหนังสือเดินทางให้ได้

               ด้านนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.พศ. กล่าวว่า จากการที่คณะสงฆ์ศรีสะเกษ พิจารณาให้ พระวิรพล สุขผล หรือหลวงปู่เณรคำ ให้ขาดจากความเป็นพระ คือ ปาราชิกนั้น คณะสงฆ์ศรีสะเกษได้ดำเนินการสอบปากคำผู้เสียหาย พยานหลักฐานแวดล้อม และดูพฤติกรรม ข้อสำคัญตัวผู้ถูกร้อง ไม่ยอมมาแก้ต่าง ทั้งที่แจ้งและยืดระยะเวลาให้แล้ว ก็ถือได้ว่า มีเจตนาทำให้เชื่อถือได้ว่า มีความผิดตามพระธรรมวินัยจริง ขั้นตอนจากนี้ไปคณะสงฆ์ก็จะแจ้งมายังพศ.ให้รับทราบ หากทางพศ.พบตัวนายวิรพลและมีการแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ ก็จะดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีตามกฏหมายได้ นอกจากนี้ ตามที่ดีเอสไอ รับคดีนี้เป็นคดีพิเศษ พศ.ในฐานะหน่วยงานราชการที่ได้รับการร้องเรียนมาก็จะส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่รับผิดชอบได้พิจารณา คือ ดีเอสไอ โดยมอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดศรีสะเกษ นำคำกล่าวร้องทุกข์ของผู้เสียหายไปแจ้งความต่อดีเอสไอแล้ว

               


 

สภามรภ.อุบลฯเต้นเร่งตัดสินถอดถอนปริญญา "สมีคำ" 26 ก.ค.นี้

 

                ภายหลังคณะสงฆ์ศรีสะเกษ ประชุมพิจารณาอธิกรณ์ กรณีพระวิรพล หรือ หลวงปู่เณรคำ ฉตฺติโก แล้วประกาศให้อาบัติ ปาราชิก ในฐานะที่ไม่มารายงานตัวต่อสงฆ์ผู้ปกครอง และเชื่อได้ว่าเสพเมถุน ความคืบหน้าล่าสุด ผศ.ประชุม ผ่าน อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎ(มรภ.) อุบลราชธานี กล่าวว่า ในวันที่ 26 ก.ค. นี้ สภามหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานีได้นัดประชุม เพื่อพิจารณาถอดถอนปริญญาบัตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาสังคมศาสตร์เพื่อการพัฒนา อดีตหลวงปู่เณรคำจากที่มหาวิทยาลัยมอบให้ตั้งแต่ปี 2553 ซึ่งมหาวิทยาลัยไม่เคยมีกรณีอย่างนี้มาก่อนกรณีนี้ถือเป็นกรณีแรก จากนี้การจะมอบปริญญาอะไรให้กับใครต้องดูอย่างรอบคอบ ส่วนกรณีนี้ที่ผ่านมาเมื่อเกิดเรื่องมหาวิทยาลัยก็หาข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจะนำข้อมูลทั้งหมดส่งให้กรรมการสภาฯอ่านก่อนที่จะมาประชุม ดังนั้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไรและในวันดังกล่าวตัดสินได้ทันที

 

 

"ดีเอสไอ"เตรียมประชุม 15 ก.ค.เล็งออกหมายจับ "อดีตพระหลวงปู่เณรคำ"



             นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ พร้อมด้วยนายวิรอด ไชยพรรณา ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดศรีสะเกษ, น.ส.เอ (นามสมมติ) และบุตรชายที่อ้างตัวว่าได้ร่วมหลับนอนกับอดีตพระหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ประธานสำนักสงฆ์ขันติธรรม ตั้งแต่อายุ 12 ปี , ยายของ น.ส.เอ (นามสมมติ), นายประเสริฐ วิเวกวัง กำนันตำบลโพธิ์ และนายณัฐกิตต์ กองรักษา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโพธ์ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังยายของ น.ส.เอ (นามสมมติ) เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษดีเอสไอ เพื่อให้ดำเนินคดีทางอาญา ในฐานความผิดกระทำชำเรากับเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี และพรากผู้เยาว์ไปจากบิดา มารดา หรือผู้ปกครอง โดยมีพยานรู้เห็น 3 ปาก คือ ยายของ น.ส.เอ (นามสมมติ), นายประเสริฐ วิเวกวัง กำนันตำบลโพธิ์ และนายณัฐกิตต์ กองรักษา นายก อบต.โพธิ์

             โดยนายธาริต กล่าวว่า เมื่อเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ มีมติดำเนินการทางพระธรรมวินัยให้ปลดอดีตพระหลวงปู่เณรคำพ้นจากความเป็นสมณเพศ ดีเอสไอจึงรับคำร้องทุกข์กล่าวโทษจากผู้เสียหาย ซึ่งมี 2 ส่วน คือสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและนางเผยที่ได้เข้าร้องทุกข์เพิ่มเติม ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบพยานทั้ง 3 ปากไว้แล้ว ขณะที่คดีอาญานี้ถือเป็นความผิดอุกฉกรรจ์ จึงได้เริ่มสอบพยานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินคดีกับอดีตพระหลวงปู่เณรคำทันที ขณะที่ในวันที่ 15 ก.ค.นี้ เวลา 10.00 น. จะประชุมพนักงานสอบสวนเพื่อพิจารณาขอศาลอนุมัติออกหมายจับอดีตพระหลวงปู่เณรคำต่อไป ก่อนส่งเรื่องให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อดำเนินการเพิกถอนหนังสือเดินทางของอดีตพระหลวงปู่เณรคำ ส่วนการเพิกถอนวีซ่า ทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอจะประสานกับทางการของสหรัฐอเมริกาโดยตรง

              นายธาริต กล่าวต่อว่า นอกจากการดำเนินคดีอาญาแล้ว ตนยังมอบหมายให้ศูนย์ช่วยเหลือประชาชนทางกฏหมายของดีเอสไอ ส่งทนายไปยื่นฟ้องคดีแพ่งต่อศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดศรีสะเกษในวันที่ 18 ก.ค.นี้ด้วย เพื่อขอให้รับรองบุตรของน.ส.เอ (นามสมมติ) กับอดีตพระหลวงปู่เณรคำ เพื่อให้จ่ายค่าเลี้ยงดูบุตร ซึ่งแม้ว่าขณะนี้จะไม่สามารถตามตัวมาได้ ก็จะให้นำทรัพย์สินของอดีตพระหลวงปู่เณรคำในส่วนที่ได้มาโดยถูกกฎหมายมาจ่ายเป็นค่าเลี้ยงดูในอนาคต โดยการยื่นฟ้องนั้นจะให้มีการไต่สวนฉุกเฉินเพื่อให้ตรวจดีเอ็นเอด้วย ซึ่งจะนำดีเอ็นเอพ่อ แม่ ของอดีตพระหลวงปู่เณรคำ มาตรวจเปรียบเทียบพิสูจน์ความเป็นพ่อ-ลูกของอดีตพระหลวงปู่เณรคำ ซึ่งเมื่อได้ผลจะนำผลดังกล่าวมาประกอบในคดีอาญาต่อไป นอกจากนี้ดีเอสไอ ยังได้ร่วม ปปส.กำลังตรวจสอบว่า อดีตพระหลวงปู่เณรคำ มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือไม่ ซึ่งหากชัดเจนแล้วจะแถลงให้ทราบอีกครั้ง

               พ.ต.ท.กรวัฒน์ ปานประภากร ผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษ ดีเอสไอ เปิดเผยถึงการตรวจสอบทรัพย์สินรถยนต์ของอดีตพระหลวงปู่เณรคำว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยเป็นรถเบนซ์ทำกำลังติดตามตรวจสอบ 22 คัน รถยนต์อีก 35 คัน ที่ถวายคณะสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ รวมถึงรถยนต์มายบัค 3 คัน และที่ได้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกประมาณ 10 กว่าคัน ซึ่งล่าสุดพบว่า มีรถยนต์จำนวนประมาณ 70 กว่าคัน ซึ่งคิดว่าจะถึง 100 คัน

               ขณะที่ น.ส.เอ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย กล่าวยืนยันว่า เคยมีความสัมพันธ์กับอดีตพระหลวงปู่เณรคำจริงตั้งแต่อายุ 12 ปี และยืนยันว่า ไม่ใช่พระน้องชายตามที่มีการโต้แย้งจากลูกศิษย์อดีตพระหลวงปู่เณรคำ

               ด้านยายของ น.ส.เอ (นามสมมติ) กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนเองได้เป็นโยมอุปฐาก ให้อดีตพระหลวงปู่เณรคำ และได้เคยพา น.ส.เอ (นามสมมติ) ไปทำบุญกับอดีตพระหลวงปู่เณรคำ แล้วต่อมาอดีตพระหลวงปู่เณรคำได้ขับรถมารับในตอน 6 โมงเย็น และส่งกลับบ้านในเวลาตี 5 ของทุกวัน ซึ่งทั้ง 2 คนได้มีความสัมพันธ์กันในช่วงที่ น.ส.เอ (นามสมมติ) มีอายุ 12-13 ปี จนตั้งครรภ์ ซึ่งอดีตพระหลวงปู่เณรคำ ได้รับปากจะดูแลเป็นอย่างดี โดยหลังจากคลอดบุตร น.ส.เอ (นามสมมติ) ได้อาศัยอยู่ที่ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี อดีตหลวงปู่เณรคำ ก็เคยมาเยี่ยมบ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ให้ค่าเลี้ยงดู

 

 

 

...................................

ข่าวเกี่ยวข้อง

- ภาพสุดท้าย'เณรคำ'ก่อนมติพ้นพระ : http://www.komchadluek.net/detail/20130714/163379/ภาพสุดท้ายเณรคำก่อนมติพ้นพระ.html