พระเครื่อง

‘พระเทริดขนนก กรุหนองแจง’เนื้อสนิมแดงจ.สุพรรณบุรี

‘พระเทริดขนนก กรุหนองแจง’เนื้อสนิมแดงจ.สุพรรณบุรี

11 ก.ค. 2556

‘พระเทริดขนนก กรุหนองแจง’เนื้อสนิมแดงจ.สุพรรณบุรี : สาระสังเขปพระเนื้อชิน โดยชาติ วิศิษฏ์สรอรรถ


             บ้านหนองแจง อยู่ที่หมู่ ๔ ต.ไร่รถ อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี ใกล้ชายเขตแดน ต.เลาขวัญ อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี หมู่บ้านแห่งนี้เป็นถิ่นกำเนิดของกรุพระเครื่องหลัก ประเภทพระเนื้อชินสนิมแดง พระที่แตกกรุออกมานั้น เป็นพระเนื้อชินตะกั่วสนิมแดง ที่ขุดพบได้หลากหลายพิมพ์ พระทุกพิมพ์เป็นที่นิยมเล่นหากันในแวดวงพระเครื่อง และมีชื่อเสียงมากกรุหนึ่งของ จ.สุพรรณบุรี

             เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๘ มีการขุดพบพระต่างๆ ของกรุนี้ ในอาณาบริเวณที่ทำไร่ พบไหโบราณ ซึ่งภายในไหบรรจุพระเครื่องเนื้อชินตะกั่วสนิมแดงจำนวนมาก พระที่ขุดพบมีหลายพิมพ์ อาทิ พิมพ์ร่วงยืนพิมพ์ข้างรัศมี, พิมพ์เศียรโต, พิมพ์พระพักตร์เสี้ยม, พิมพ์จรวดอ้วน, พิมพ์จรวดผอม, พิมพ์ยกซ้ายที่มีสร้อยพระศอ, พิมพ์เทริดขนนก, พิมพ์แขนอ่อน, พิมพ์สบงก้างปลา ฯลฯ

             พระเครื่องดังกล่าวเป็นพระพิมพ์ในสกุล “พระร่วง” ทั้งหมด มีทั้งแบบนั่งและยืน โดยช่างที่สร้างในสมัยอู่ทอง ได้ออกแบบพิมพ์พระในลักษณะ ศิลปะอู่ทองผสมลพบุรี แบบล้อพิมพ์ ศิลปะงดงามอลังการพอควร ไม่เป็นรองพระยุคลพบุรี ที่เข้มขลังกว่ามากนัก

             พระร่วงกรุหนองแจง ทั้งหมดที่ขุดพบ เป็นพระเนื้อชินตะกั่วสนิมแดงจัด มีสีแดงเข้มสด พร้อมทั้งมีไขขาวมันวาว เกาะหุ้มคลุมอยู่ทั่วองค์พระอีกชั้นหนึ่ง ทำให้องค์พระแลดูสวยงามมากยิ่งขึ้น

             พระร่วงกรุหนองแจง ที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย และนิยมของวงการพระ คือ พระร่วงยืนพิมพ์ข้างรัศมี เนื้อชินสนิมแดง ที่มาของชื่อพระพิมพ์นี้ เนื่องด้วยองค์พระบริเวณปลายริมขอบจะมีรัศมีขีดโดยรอบ พุทธลักษณะองค์พระจัดอยู่ในเกณฑ์งดงามด้วยศิลป์ ขนาดองค์พระกว้าง ๒.๘ ซม. สูง ๘.๓ ซม. จัดว่ามีขนาดค่อนข้างใหญ่ และมีน้ำหนักมากถึง ๖๐ กรัม ขนาดองค์พระไม่สามารถห้อยบูชาประจำกายได้สะดวก นักสะสมที่นิยมพระกรุหนองแจงจึงพยายามเสาะแสวงหาพระอีกพิมพ์หนึ่งของกรุนี้ ที่มีความนิยมอย่างมากเช่นกันมาขึ้นคอบูชาแทน

             พระพิมพ์นิยมที่กล่าวถึงนี้ มีจำนวนพระน้อยมากที่ขึ้นจากกรุ และมีขนาดขององค์พระที่ไม่ใหญ่โตจนเกินไปที่จะบูชาห้อยคอ มีขนาดพอสมควร คือ กว้าง ๒.๗ ซม. สูง ๔.๕ ซม. อีกทั้งมีน้ำหนักเพียง ๑ ใน ๓ เท่านั้น คือ หนัก ๒๐ กรัม พิมพ์ทรงองค์พระงดงามและอลังการในฝีมือเชิงช่างที่สุดแสนวิจิตรบรรจงในรายละเอียด ทั้งด้านพุทธศิลปะขององค์พระที่ประดับด้วยเครื่องทรงศิราภรณ์ แบบทรงเครื่องชุดใหญ่มโหฬาร ในรูปแบบของยุคเก่าเดิมที่มีมาแต่ครั้งโบราณจริงๆ คือ พระเทริดขนนก กรุหนองแจง เนื้อชินสนิมแดง

             พระพิมพ์นี้วงการพระเครื่องจัดให้เป็น พระยอดนิยมสูงสุด ของกรุนี้ ในประเภท พระสกุลยอดขุนพล ที่มีองค์ประกอบตามหลัก คือ องค์พระประทับนั่งปางมารวิชัย บนฐานบัวแบบคล้ายเล็บช้างจำนวน ๕ กลีบ ทรงสวมพระมงกุฎแบบทรงเทริด (เซิด) ขาดเพียงสิ่งเดียวคือ ซุ้มเรือนแก้ว ที่ครอบคลุมองค์พระเท่านั้น ก็จะครบตามสูตรที่เรียกขานชื่อเต็มๆ ว่า พระยอดขุนพล

             พระเทริดขนนก เนื้อหาของพระจึงมีเนื้อที่พอเหมาะให้ช่างโบราณในยุคนั้น บรรจงแกะแบบพิมพ์พร้อมเทหล่อออกมาได้พระเครื่องที่มีรายละเอียดของพระพักตร์ พร้อมเครื่องทรงต่างๆ ได้ครบสมบูรณ์แบบลงตัวสวยงามด้วยความวิจิตรศิลป์จริงๆ แสดงความเป็นเลิศในงานทางศิลปกรรมและประติมากรรมให้คนรุ่นต่อๆ มาได้พบเห็นแล้ว บังเกิดความเกรงขามศรัทธา สื่อถึงพลังแห่งอำนาจและมหาบารมี สมดั่งที่องค์พระท่าน คือ พระยอดขุนพล ที่แสดงความเป็นผู้นำในการพาเหล่าผู้น้อยต่างๆ มากมายในการต่อกรกับทุกๆ สิ่งที่เข้ามากล้ำกราย

             พุทธลักษณะ พระด้านหน้ามีลักษณะที่เป็นแบบมีมิติ คมลึก คล้ายรูปทรง ลอยองค์ ซึ่งแตกต่างจากพระกรุเนื้อชินทั่วไป องค์พระมีพระพักตร์รูปไข่ที่สงบเคร่งในช่วงแห่งภควังสมาธิ จะเห็นว่า ทรงมีพระเนตรเหลือบลงต่ำ พระเนตรทั้ง ๒ เป็นแบบเม็ดข้าวสารที่มีหางพระเนตรชี้ขึ้นเล็กน้อย ปรากฏพระขนงให้เห็นแบบรางเลือน ปลายพระนาสิกบานใหญ่ พระโอษฐ์เป็นเส้นนูน ๒ เส้นแบบไม่กว้างนัก พระเศียรสวมศิราภรณ์ประกอบด้วยเทริด (กระบังหน้า) รัดทับบนมงกุฎ ตัวมงกุฎเองออกแบบเป็นลวดลายที่มีความโค้งเล็กน้อยในรูปแบบของเส้นนูนหนา ๒ ชั้น บนมงกุฎตรงกลางประดับด้วยกรอบลักษณะคล้ายสามเหลี่ยม (ตาบ) ที่มีลายดอกนูนบางๆ ซึ่งเป็นรูปแบบที่พบในศิลปะพุกาม ที่พระกรรณทั้ง ๒ ขององค์พระประดับด้วยกุณฑล (ตุ้มหู) ขนาดใหญ่ยาว และย้อยลงมาจรดพระอังสา (ไหล่) แลดูแล้วทำให้องค์พระดูเด่นขึ้นสวยงามมาก

             ในส่วนพระวรกายขององค์พระ มีครบด้วยเครื่องทรงชุดใหญ่ดังนี้ เหนือบริเวณพระอุระด้านบนประดับด้วยกรองศอ (สร้อยสวมคอ) ที่มีพวงอุบะ (พู่ห้อย) จำนวนหลายกลีบ อีกทั้งยังทรงเครื่องประดับที่ต้นพระกร (ต้นแขน) คล้ายเส้นนูนให้เห็นเป็นกำไลรัดแขนทั้ง ๒ ข้าง มีสายธุรำ (สายแสดงความเป็นนักบวช) พาดจากพระอังสา (ไหล่) ซ้ายทอดตรงลงมาที่พระกรซ้าย ส่วนบริเวณเหนือบั้นพระองค์ (เอว) มีอุธรพันธะ (สายรัดท้อง) สำหรับรัดรอบองค์ให้เห็นเป็นเส้นโค้งชัดเจนสวยงาม

             ด้านหลังขององค์พระ มีรอยแบบลายหลังผ้าลายใหญ่ ให้เห็นประปรายทั่วบริเวณด้านบน ส่วนเนื้อหาของพระทั้ง ๒ ด้าน ปกคลุมด้วยดินขี้กรุที่มีไขข้นอย่างหนา และมีนวลดินของขี้กรุสีเหลืองคล้ำที่แสดงถึงความแห้งเก่ายึดเกาะติดแนบแน่นถาวร ชนิดที่เอามาขัดถูก็ไม่มีทางหลุดออกได้ง่ายๆ ลักษณะการติดแน่นนี้ จึงเป็นช่องทางหนึ่งที่ต้องจำในการพิจารณาแยกแยะ พระเก๊ หรือพระแท้ ได้เป็นอย่างดี

             พระเทริดขนนก ของกรุนี้ปรากฏว่ามีพิมพ์ พระยอดขุนพล รวมอยู่ด้วยไม่กี่องค์ เป็นพระที่มีความอลังการด้วย ซุ้มเรือนแก้ว ด้านบนเป็นแบบ ๒ ชั้น จะเห็นได้ที่บนสุดของขอบปลายจั่วสามเหลี่ยม มีเส้นขีดรัศมีเล็กๆ ประดับเป็นซุ้มทับบนอีกชั้นหนึ่ง ครอบคลุมซุ้มด้านล่างที่มีลักษณะแบบซุ้มเสมาที่ออกแบบเป็นลวดลายของลายกนก อีกทั้งองค์พระยังประทับอยู่บนฐานแบบบัวเล็บช้างที่มีถึง ๒ ชั้น อีกเช่นกัน พระยอดขุนพล จึงมีขนาดใหญ่กว่าพิมพ์ พระเทริดขนนก มาก

             พระกรุหนองแจง ทุกพิมพ์ พุทธคุณดีเด่นทางด้านแคล้วคลาด คงกระพันชาตรีไม่แพ้กรุอื่นใด โดยเฉพาะ พระเทริดขนนก ในตระกูล พระยอดขุนพล ด้วยแล้ว ว่ากันว่ายังมีพุทธคุณเพิ่มอีกในด้านมหาอำนาจบารมี คู่ควรกับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ที่ต้องปกครองดูแลผู้คนจำนวนมาก ราคาเช่าหาบูชา พระร่วงยืนพิมพ์ข้างรัศมี สภาพปานกลางเช่ากันหลักแสนกว่าถึงสองแสน ตามสภาพที่ลดหลั่นกันไป สภาพเดิมๆ สวยคมชัดระดับแชมป์ หลักสามแสนกว่าถึงสี่แสน ยิ่งถ้าเป็น พระเทริดขนนก ด้วยแล้ว ราคาแม้จะทวีคูณเท่าตัวในสนามพระก็ยังหาของเช่าบูชาได้ยาก เพราะเป็นพระอันดับ ๑ ของกรุที่คนเมืองสุพรรณหวงแหนกันมาก