พระเครื่อง

พระร่วงยืน พิมพ์เศียรโต   
กรุวัดราชเดชะ สนิมแดง จ.สุพรรณบุรี

พระร่วงยืน พิมพ์เศียรโต กรุวัดราชเดชะ สนิมแดง จ.สุพรรณบุรี

10 มิ.ย. 2552

สุพรรณบุรี เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีพระเครื่องแตกกรุขึ้นมาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะ พระมเหศวร ซึ่งเป็นหนึ่งในพระชุดเบญจภาคี เนื้อชิน และ พระผงสุพรรณ หนึ่งในพระชุดเบญจภาคี เนื้อดิน

 พระส่วนมากที่จัดเป็นยอดฮิตของเมืองสุพรรณ คือ พระเนื้อชินสนิมแดง ซึ่งมีการขุดพบบ่อยครั้ง และมีจำนวนมากมายหลายสิบพิมพ์

 ปัจจุบันเป็นพระยอดนิยมแทบจะทุกกรุ และมีอยู่พิมพ์หนึ่งในสกุล พระร่วงยืน ซึ่งมีการขุดพบในหลายกรุ และมีลักษณะแบบพิมพ์เหมือนกันทุกอย่าง จัดเป็นพระหลักชุดยอดนิยมที่มีราคาสูง วงการนักสะสมพระ ถ้ากล่าวถึงพระร่วงยืนพิมพ์นี้ จะต้องนึกถึง จ.สุพรรณบุรี เท่านั้น เพราะพระพิมพ์นี้ไม่มีในเมืองอื่นใด ถือเป็น “พระโลโก้ของเมืองสุพรรณบุรี” ก็ว่าได้

 พระพิมพ์ที่กล่าวถึงนี้ คือ พระร่วงยืน พิมพ์เศียรโต  หนึ่งในห้าของสุดยอดของพระเนื้อชินตะกั่วสนิมแดง ของเมืองสุพรรณ

 พระร่วงยืน พิมพ์เศียรโต มีขึ้นจากหลายกรุในเขต จ.สุพรรณบุรี นับรวมได้ทั้งหมดมี ๕ กรุ ที่ขุดพบเรียงตามลำดับดังนี้

 กรุแรก กรุปู่บัว ขุดพบเมื่อปี ๒๔๗๕ กรุที่ ๒ กรุหนองแจง ขุดเมื่อปี ๒๕๐๘ กรุที่ ๓ กรุวังวน พบครั้งแรกเมื่อเดือนมกราคม ๒๕๑๓ กรุที่ ๔ กรุท่าเสด็จ พบเมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๑๓ และกรุสุดท้าย กรุราชเดชะ พบเมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๓๕

 พระร่วงยืน พิมพ์เศียรโต สร้างด้วยเนื้อชินตะกั่วสนิมแดง พุทธลักษณะ เป็นพระร่วงยืน ปางประทานพร พระหัตถ์ขวาหงายแบยกขึ้นประทับที่พระอุระ พระกรข้างซ้ายปล่อยลงตรงๆ โดยหันฝ่าพระหัตถ์ซ้ายออกด้านหน้า

 พระเศียรใหญ่ และพระพักตร์โตเป็นพิเศษ (อันเป็นที่มาพระนามว่า “เศียรโต”) ประทับยืนโดยไม่มีอาสนะรองรับ  พระเกตุมาลาคล้ายฝาชีครอบ พระศกเป็นเส้นที่เรียกว่า "ผมหวี" พระเนตรโปน พระขนง (คิ้ว) ทั้งสองที่เชื่อมโค้งต่อกัน ดูคล้ายลักษณะนกมีปีกบิน

 พระพักตร์ดูแบบสงบ เรียบเฉย ไม่เคร่งเครียด หรือดุดัน  ริมพระโอษฐ์ด้านบนสั้น ด้านล่างยื่นออกมา ทำให้ดูคล้ายกับคางยาวยื่น

 จีวรห่มคลุม ไม่มีฉลองพระศกและพาหุรัด ลำพระองค์แสดงพระวรกายอวบล่ำสัน ใหญ่โตกว่าพระร่วงยืนพิมพ์อื่นๆ

 ที่กลางลำพระองค์ปรากฏพระนาภี (สะดือ) ชัดเจนเป็นหลุมตื้นๆ บริเวณเอวจะปรากฏเส้นรัดประคด ๒ เส้น พร้อมทั้งกลีบพระภูษา

 พระพิมพ์นี้จะปรากฏลายประจำยาม ลักษณะลายกนกจำนวน ๔ กลีบ ทับเส้นรัดประคด ใต้ล่างของรัดประคดประดับด้วยลายเม็ดพริกสวยงาม ซึ่งพระร่วงยืนพิมพ์อื่นๆ จะไม่มีปรากฏ

 รอยพับของสบงด้านหน้า ๓ ทิว ทิวกลางตรง ทิวด้านซ้ายและขวาด้านล่างย้วยออกทั้งสองข้าง ขนาดองค์พระกว้าง ๒.๕ ซม. สูง ๗.๕ ซม.

 สำหรับ พระร่วงยืน พิมพ์เศียรโต กรุสุดท้าย ซึ่งขุดพบที่ วัดราชเดชะ ต.รั้วใหญ่ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี เมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๓๕ นั้น ขุดพบขณะมีการขุดดินเพื่อทำถนน โดยพบไหพระโบราณ ด้วยความบังเอิญ คนขับรถที่ขุดได้ไม่ยอมให้ชาวบ้านดู เกิดชุลมุนขึ้น ไหจึงตกแตก พระกระจายตามพื้นดิน ชาวบ้านต่างเข้ายื้อแย่งกันชุลมุน

 พระพิมพ์นี้ ครั้งแรกที่ได้ดูคล้ายลักษณะผุกร่อน ไม่สมบูรณ์ เอกลักษณ์ไม่สมบูรณ์เต็มองค์ ถือเป็นข้อแตกต่างของลักษณะพิมพ์พิเศษ ที่ตัดชิดตรงที่ข้างพระบาท มีรอยตัดเว้าเข้าไป ดูเหมือนเท้าทั้ง ๒ ข้างประทับลอยองค์ออกมา

 พระพิมพ์นี้ เนื้อสนิมแดงจัดที่สุด ในบรรดาพระร่วงยืนที่ขุดพบทั้ง ๕ กรุ ราคาปากหลุมครั้งแรกองค์ละ ๒-๓ พันบาท ข้ามวันราคาทะยานขึ้นองค์ละ ๔-๕ หมื่นบาท จนถึงแสนบาท เพราะสนิมแดงจัด ชนิดไม่มีพระกรุไหนเทียบเท่าได้
 พระร่วงจำนวนร้อยกว่าองค์ของกรุนี้ ได้หายเข้ารังใหญ่ในช่วงไม่กี่วันต่อมา
 กรุวัดราชเดชะ นอกจากขุดพบพระร่วงยืน พิมพ์เศียรโต แล้วยังขุดพบพระร่วงยืน พิมพ์เล็ก รวมอยู่ด้วย เป็นเนื้อชินตะกั่วสนิมแดง พิมพ์ทรงเหมือนพิมพ์เศียรโต ทุกประการ ต่างกันที่มีขนาดย่อส่วนเล็กลง คือ องค์พระกว้าง ๑.๘ ซม. สูง ๖ ซม.เท่านั้น

 และพระพิมพ์เล็ก เป็นแบบพิมพ์ทรงที่สมบูรณ์เต็มฟอร์ม ที่ด้านข้างพระบาททั้ง ๒ ไม่มีรอยตัดเว้าเข้าไปเหมือนแบบพิมพ์ใหญ่

 ปัจจุบัน สนนราคาพระร่วงยืนพิมพ์ใหญ่ สภาพปานกลาง อยู่ที่หลักแสนต้นๆ ถ้าสวยสมบูรณ์คมชัดมาก  สนนราคาอยู่ที่ ๒-๓ แสนบาทขึ้นไป

 พระพิมพ์เล็ก สภาพปานกลาง หลักหมื่นกลาง ถ้าสวยสมบูรณ์สภาพดี ถึงหลักแสน ก็ยังหาของยาก เพราะมีจำนวนน้อยกว่า

 พุทธคุณ พระร่วงยืนพิมพ์เศียรโต กรุนี้ทุกพิมพ์ มีพุทธานุภาพด้านแคล้วคลาดคงกระพัน และมหานิยมอีกทางหนึ่งด้วย

"ชาติ วิศิษฏ์สรอรรถ"