
โผล่อีก!อ้างเจ้าของตัวจริงยกที่ให้'เณรคำ'
โผล่อีก!อ้างเจ้าของที่ตัวจริงยกให้'หลวงปู่เณรคำ'สร้างวัด ด้าน'กรมศิลป์'จี้วัดป่าขันติธรรมขออนุญาตสร้างพระแก้วมรกต
24 มิ.ย.56 น.ส.เบญจมาภรณ์ วุฒิยาสาร อายุ 28 ปี กล่าวว่า เป็นบุตรคนที่ 3 ของนางทองมี วุฒิยาสาร ซึ่งเป็นเจ้าของโฉนดที่มอบถวายให้กับหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก หัวหน้าสงฆ์วัดป่าขันติธรรม จ.ศรีสะเกษ ซึ่งขณะนั้นยังเป็นวัดป่าบ้านยาง โดยโฉนดดังกล่าวเดิมมีเนื้อที่ 33 ไร่ 3 งาน 52 ตารางวา โฉนดเลขที่ 6390 ทิศเหนือติดกับป่าช้าสาธารณะประโยชน์ ทิศใต้ติดถนนสาธารณะ เดิมมีชื่อ 2 คนคือ นางแพง เพ็งจันทร์ ยาย และนางทองมี วุฒิยาสาร แม่ของ น.ส.เบญจมาภรณ์
"ต่อมาปี 2544 ยายเสียชีวิต แม่จึงได้โอนมรดกมาเป็นกรรมสิทธิ์ของตนแต่เพียงผู้เดียว ต่อมาแม่ไปวัดประจำ เกิดศรัทธาจึงถวายที่ดินเพื่อที่จะสร้างวัด โดยแบ่งแยกโฉนดออกไป 14 ไร่ 3 งาน 12 ตารางวา เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2549 โดยถวายให้วัด แต่หลวงปู่โอนเอาไม่ได้ จึงได้ให้นางลอน มนัส มาถือกรรมสิทธิ์ร่วม ซึ่งนางลอน เป็นโยมอุปัฏฐากหลวงปู่อยู่ที่วัดมาโดยตลอดเช่นเดียวกัน" น.ส.เบญจมาภรณ์ กล่าว
น.ส.เบญจมาภรณ์ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบด้านหลังเอกสารโฉนด ก็มีหลักฐานการแบ่งแยกที่ดินหลายครั้ง ทั้งเพื่อขายและบริจาค คณะกรรมการวัดสมัยนั้นก็ไม่ได้เอาฟรี พอมีญาติโยมมาทำบุญถวายเงิน ก็นำมาปรับปรุงบ้านให้แม่ เพราะกรรมการบอกว่า หากแม่ทองมี จะขายเอาเงินมาสร้างบ้านก็ได้ แต่เลือกที่จะถวายสร้างวัด จึงตอบแทนมาสร้างบ้านให้ แต่ไม่มาก บ้านที่สร้างก็ไม่ได้หลังใหญ่โตอะไร เป็นเพียงบ้านธรรมดาเท่านั้น หลังจากนั้นแม่ก็แบ่งที่ขายอีกหลายครั้ง จนขณะนี้เหลือที่เพียง 4 ไร่ข้างวัดเท่านั้น
นายบุดสี โพธิ์ขาว ผู้ใหญ่บ้านยาง หมู่ที่ 1 ตำบลยาง อำเภอกันทรารมย์ เปิดเผยว่า เมื่อปี 2537 หลวงปู่เณรคำ ได้มาอยู่ในป่าช้า เพื่อที่จะมาสร้างสำนักสงฆ์ ชาวบ้านส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วยพากันขับไล่ออกจากป่าช้า จึงได้ปรึกษาคณะกรรมการหมู่บ้าน และคณะกรรมการวัด จากนั้นได้มาขอซื้อที่ดินนางทองมี ซึ่งมีที่ดินอยู่ข้างป่าช้าพอดี ซึ่งนางทองมี ก็มาวัดตลอด และลูกชายบวชอยู่ที่วัดนี้ด้วย จึงได้ถวายที่ดิน 14 ไร่ 3 งาน 12 ตารางวา ให้ โดยคณะกรรมการวัดได้ไปดำเนินการแบ่งแยกที่ดินเอง และให้นางลอน มาถือกรรมสิทธิ์ร่วมไว้ เพราะนางลอน เป็นโยมอุปัฏฐากอยู่ พอวัดมีเงินก็ได้ไปให้นางทองมี แต่นางทองมี ไม่รับ จึงได้ลงมติที่จะสร้างบ้านนางทองมีใหม่
"จากนั้นอยู่ๆ มาวัดก็สร้างพระหลายองค์ สถานที่จึงคับแคบลง จึงได้ซื้อที่ดินเพิ่มจากชาวบ้าน จนล่าสุดได้ขอซื้อที่ดิน 10 ไร่ จากนางทองมี ซึ่งที่อยู่ด้านข้างวัดทิศใต้หลังพระแก้วมรกต นางทองมีตกลงที่จะขายให้ล้านเศษ แต่ยังไม่ได้จ่ายเงิน นางทองมีก็มาเสียชีวิต ที่ดินตกเป็นของ 3 พี่น้องลูกนางทองมี อันได้แก่ นายสุดิย์ - น.ส.ฐิติมา และน.ส.เบญจมาภรณ์ วุฒิยาสาร ซึ่งทุกคนก็ยอมขายตามคำสั่งแม่ไว้ แต่ขณะนี้ยังค้างจ่ายเงินกันอยู่บางส่วน ดังนั้นนางลอน แทบไม่มีสิทธิ์ที่จะมาขอที่ดินคืนเพื่อไปจดตั้งวัดเอง เพราะวัดโดยคณะกรรมการซื้อที่ดินมาเอง ไม่ได้เอามาจากนางลอน ที่ตนมาพูดร่วมกับหลานๆ ก็เพื่อที่จะให้ความจริงกระจ่าง ไม่ได้เข้าข้างใคร" นายบุดสี กล่าว
นายบุดสี กล่าวต่อว่า เดิมชาวบ้านก็มาวัดกันปกติ มาช่วยกันบูรณะวัด สร้างศาสนา แต่พอระยะหลังมีญาติโยมจากต่างแดนมาไกลจำนวนมาก ชาวบ้านก็เริ่มที่จะถอยออกไป ประกอบกับหลวงปู่เณรคำก็ไม่ค่อยที่จะอยู่ประจำที่วัด พอดังมากก็มีกิจนิมนต์มาก เดินทางไปตลอดทั้งใน และนอกพรรษา อันเป็นเป้าหมายของการโจมตี บ้างก็ว่ามาเฉพาะช่วงมีงาน เสร็จแล้วก็หอบเงินไป บ้างก็ว่าเป็นพระ แต่ทำตัวไม่สำรวม ระยะหลังพอดังแล้ว ชาวบ้านธรรมดาตาดำๆ มาพบก็ลำบาก ไม่มีเวลา มีเฉพาะแขกวีไอพี อันที่จริงชาวบ้านยาง เราก็ต้องการพระที่อยู่วัด จำพรรษาอยู่วัด พาชาวบ้านสวดมนต์ ถือศีลปฎิบัติธรรม ยิ่งระยะหลัง 2 - 3 ปีที่ผ่านมา พระหลวงปู่เณรคำแทบไม่อยู่วัดเลย ไปตลอดไม่รู้ไปไหน มาเฉพาะงาน เสร็จงานก็ไป มาบางครั้งก็มาเครื่องบิน มาลงที่หน้าวัด เสร็จงานก็ขึ้นเครื่องไปทันที อย่างนี้เป็นต้น ชาวบ้านแบบบ้านนอกเราบ้านยาง เขาก็ไม่คุ้นเคย จึงได้พากันห่างวัดไป ยิ่งมีข่าวไม่ดีเช่นนี้ ชาวบ้านก็แตกออกเป็น 2 ฝ่าย บ้างก็บอกว่าให้นิมนต์หลวงปู่เณรคำไปอยู่ที่อื่น บ้างก็บอกว่าอยู่ต่อก็ได้ แต่ต้องให้ชาวบ้านได้มารับรู้เรื่องราวต่างๆ ด้วย และอยากให้หลวงปู่อยู่วัดประจำ พาชาวบ้านปฎิบัติธรรมเช่นเมื่อก่อนสมัยที่ยังไม่ดังเช่นนี้ ตนก็ไม่รู้จะทำเช่นไร เพราะคณะกรรมการวัดขณะนี้แทบไม่มีชาวบ้านเป็นเลย มีมาแต่จากที่อื่น เหมือนมายืมสถานที่วัด จัดงานเพื่อเอาเงินทำบุญแล้วก็พากันไปเท่านั้น
สำหรับงาน ทำบุญห่มผ้าพระพุทธรูป พระแก้วมรกต องค์จำลองใหญ่ที่สุดในโลก ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 27 - 30 มิถุนายน นี้ ซึ่งยังไม่ได้รับการติดต่อจากหลวงปู่เณรคำว่าจะกลับมาร่วมงานเหมือนทุกปีหรือไม่ แต่ทางคณะกรรมการวัดส่วนหนึ่งก็ยังเดินหน้าต่อในการจัดเตรียมงานต่อไป
"พศจ."ชี้ยังไม่พบสังกัดวัด"หลวงปู่เณรคำ"
นายวิรอด ไชยพรรณนา ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา (พศจ.) ศรีสะเกษ กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ได้มีหนังสือเชิญให้เข้าชี้แจงต่อปัญหาที่เกิดขึ้นในวัดป่าขันติธรรม อ.กันทราลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ ในวันที่ 26 มิ.ย. นั้น ตนได้เตรียมเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการขออนุญาตสร้างวัด และขั้นตอนกระบวนการสร้างวัดไว้แล้ว ส่วนเอกสานหลักฐานอื่นๆ ยังไม่มีความคืบหน้า โดยเฉพาะสังกัดวัดปัจจุบันของหลวงปู่เณรคำคงต้องรอท่านเดินทางกลับมาก่อนจึงจะทราบว่าสังกัดวัดใด
นายสมเกียรติ ทรงศรี ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม พศ. กล่าวว่า ตนได้รับคำสั่งจากนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ให้เข้าชี้แจงกรณีหลวงปู่เณรคำต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการการศาสนาฯ คาดว่าในรายละเอียดส่วนหใญ่คงเป็นหน้าที่การชี้แจงของ พศจ.ศรีสะเกษ ส่วนที่มีการระบุว่าหลวงปู่เณรคำมีสังกัดอยู่ที่วัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ จ.อุบลราชธานีนั้น ตนยังไม่สามารถระบุชัดได้ในขณะนี้
จี้วัดป่าขันติธรรมขออนุญาตสร้างพระแก้วมรกต
นายสหวัฒน์ แน่นหนา อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบบัญชีขออนุญาตจำลองพระพุทธรูปสำคัญของสำนักช่างสิบหมู่ พบว่า การก่อสร้างพระพุทธมณีมหารัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกตของวัดป่าขันติธรรม ดำเนินการไม่ถูกต้องตามระเบียบ เนื่องจากไม่ได้ขออนุญาตก่อนจัดสร้าง เพราะตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการก่อสร้างอนุสาวรีย์แห่งชาติและการจำลองพระพุทธรูปสำคัญ พ.ศ. 2520 กำหนดไว้ว่าการจำลองพระพุทธรูปสำคัญ 60 รายการ ต้องขออนุญาตมายังกรมศิลปากร เพื่อกราบบังคมทูลขอพระบรมราชานุญาต และจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักพระราชวัง ขณะนี้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งทำหนังสือแจ้งให้วัดป่าขันติธรรม รับทราบว่าการดำเนินการไม่ถูกต้องตามขั้นตอน สมควรดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบที่กำหนดไว้
นายสหวัฒน์ กล่าวต่อว่า มอบให้สำนักศิลปากรที่ 11 อุบลราชธานี ซึ่งกำกับดูแลพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ จ.อำนาจเจริญ จ.มุกดาหาร และ จ.ยโสธร นำหนังสือฉบับดังกล่าวแจ้งให้กับวัดป่าขันติธรรม ภายในวันที่ 26 มิถุนายนนี้ ส่วนจะสั่งให้ชะลอหรือว่าหยุดการก่อสร้างพระแก้วมรกต กรมศิลปากรไม่มีอำนาจ เพราะไม่ได้กำหนดบทลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืนทำได้แค่ขอให้วัดเร่งดำเนินการขออนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ตนจะแจ้งให้สำนักศิลปากร 15 แห่งทั่วประเทศ ไปตรวจสอบด้วยว่าในพื้นที่แต่ละจังหวัด ตอนนี้มีที่ไหนบ้างก่อสร้างหรือว่าจำลองพระพุทธรูปสำคัญๆ โดยไม่ขออนุญาตบ้าง เพราะจากรายงานเบื้องต้นทราบว่าตอนนี้มีจำนวนมากที่จำลองพระพุทธรูปสำคัญแต่ไม่ยอมขออนุญาต
"รายชื่อพระพุทธรูปสำคัญ 60 รายการที่ต้องได้รับอนุญาตก่อนการจำลอง ได้แก่ 1.พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (แก้วมรกต) 2.พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก 3.พระพุทธเลิศหล้านภาลัย 4.พระสัมพุทธพรรณี (วัดพระศรีรัตนศาสดาราม) 5.พระพุทธบุษยรัตน จักรพรรดิพิมลมณีมัย 6.พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (แก้วมรกตน้อย) 7.พระพุทธบุษยรัตนน้อย 8.พระนิรันตราย 9.พระพุทธเพชรญาณ 10.พระพุทธนรสีห์ 11.พระชัยนวรัตน 12.พระพุทธสิหิงค์ 13.พระพุทธเทวปฏิมากร 14.พระพุทธศาสดาฯ 15.พระพุทธมารวิชัย 16.พระพุทธโลกนาถ 17.พระพุทธชินราช (วัดพระเชตุพนฯ) 18.พระพุทธชินสีห์ (วัดพระเชตุพนฯ) 19.พระพุทธปาลิไลยก์ 20.พระศรีสากยมุนี 21.พระพุทธตรีโลกเชษฐ 22.พระพุทธรรมิสรราช 23.พระพุทธนฤมิตร 24.พระพุทธชินสีห์ (วัดบวรนิเวศวิหาร) 25.พระศาสดา (วัดบวรนิเวศวิหาร) 26.พระโต 27.พระไสยา 28.พระพุทธวชิรญาณ 29.พระพุทธปัญญาอัคคะ 30.พระสมุทรนินนาท 31.พระพุทธอนันตคุณ อดุลยบพิตร 32.พระพุทธสิหิงคปฏิมากร 33.พระพุทธอังคีรส" อธิบดีกรมศิลปากร กล่าว
นายสหวัฒน์ กล่าวต่อว่า 34.พระพุทธชินราช (วัดเบญจมบพิตร) 35.พระสักยสิงห์ 36.พระหริภุญชัยโพธิสัตว์ 37.พระพุทธนรสีห์น้อย 38.พระอัฏฐารส ศรีสุคตทศพลญาณบพิตร 39.พระพุทธไตรรัตนนายก (วัดกัลยาณมิตร) 40.พระศาสดา (วัดสุวรรณาราม) 41.พระสัมพุทธพรรณี (วัดราชาธิวาส) 42.พระทศพลญาณ ปางมารวิชัย 43.พระสิทธารถ 44.พระเศรษฐตมมุนี 45.พระสุรภีพุทธพิมพ์ 46.พระสิหิงค์ (วัดพระปฐมเจดีย์) 47.พระพุทธชินราช (วัดพระมหาธาตุฯ จังหวัดพิษณุโลก) 48.พระร่วงโรจนฤทธิ์ ศรีอินทราทิตย์ธรรโมภาส มหาวชิราวุธราชปูชนียบพิตร 49.พระสัมพุทธมุนี 50.พระพุทธนฤมลธรรโมภาส 51.พระพุทธมหาโลกาภินันท์ 52.พระพุทธไตรรัตนนายก (วัดพนัญเชิง) 53.พระเสริม 54.พระแซกดำ 55.พระฉันสมอ 56.พระใส 57.พระแสนเมืองมหาชัย 58.พระแสนเมืองเชียงแตง 59.พระอินทรแปลง และ60.พระอรุณ
นายขจร มุกมีค่า ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 11 อุบลราชธานี ซึ่งดูแลพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ จ.อำนาจเจริญ จ.มุกดาหาร และ จ.ยโสธร กล่าวว่า การดำเนินการก่อสร้างพระแก้วมรกตจำลองของวัดป่าขันติธรรมนั้น สำนักศิลปากรที่ 11 อุบลราชธานี ไม่ทราบเรื่องดังกล่าว และไม่ได้มาขออนุญาตหรือว่าปรึกษาเรื่องการก่อสร้าง พึ่งมาทราบเรื่องตอนเป็นข่าวนี้เอง ทั้งนี้ให้เจ้าหน้าที่เร่งรวบรวมข้อมูล อยากให้ไปสอบถามเรื่องนี้จากอธิบดีกรมศิลปากรเอง อย่างไรก็ตามการดำเนินการหลังจากนี้ต้องรออธิบดีกรมศิลปากรสั่งการมาว่าจะให้สำนักศิลปากรที่ 11 อุบลราชธานีทำอย่างไรต่อไป
จัดถวายความรู้พระสังฆาธิการช่วยดูแลมรดกชาติ
กรมศิลปากร โดยสำนักศิลปากรที่ 2 สุพรรณบุรี กำหนดจัดประชุมสัมมนาถวายความรู้แด่พระสังฆาธิการ และฆราวาสผู้สนับสนุนวัด เพื่อสร้างความร่วมมือในการดูแลมรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติ ในวันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน ณ วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี สำนักศิลปากรที่ 2 สุพรรณบุรี มีหน้าที่ในการดูแลพื้นที่รับผิดชอบ 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุพรรณบุรี นครปฐม กาญจนบุรี นนทบุรี และปทุมธานี ได้กำหนดจัดการประชุมสัมมนาเพื่อให้พระสังฆาธิการและฆราวาสผู้เกี่ยวข้องในวัดต่างๆ จำนวน 710 รูป/คน ได้รับทราบและเข้าใจถึงบทบาทหน้าที่ในฐานะที่เป็นผู้ดูแลทรัพย์สินอันเป็นมรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติร่วมกับทางราชการตามแนวทางที่ถูกต้อง เช่น การจัดทำบัญชี การจัดทำประวัติ การจัดแสดง รวมทั้งการทำนุบำรุงที่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด สร้างความเข้าใจระหว่างพระสังฆาธิการและเจ้าหน้าที่ของกรมศิลปากร เพื่อสนับสนุนส่งเสริมวัดให้มีการดูแลรักษาทรัพย์สินทางด้านศิลปวัฒนธรรมอย่างถูกต้องเป็นวัดตัวอย่างที่ดีแก่วัดอื่น และเป็นประโยชน์ต่อวัดและชุมชนในภายหน้าต่อไป
"เจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต"เผยปมหลวงปู่เณรคำ"เขากำลังจัดการกันอยู่"
ตามที่ พระครูวัชรสิทธิคุณ เลขานุการเจ้าคณะจ.ศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต ได้ออกมากล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีหลวงปู่เณรคำว่า ที่ตั้งขึ้นทำได้แค่รวบรวมข้อมูลต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดย รายงานไปยังพระธรรมฐิติญาณ เจ้าคณะภาค 10 ฝ่ายธรรมยุต และสมเด็จพระวันรัต รักษาการเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต แล้วนั้น เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถามความคืบหน้ากรณีหลวงปู่เณรคำ ที่วัดบวรนิเวศวิหาร ต่อสมเด็จพระวันรัต รักษาการเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต โดยสมเด็จพระวันรัต ได้ตอบเพียงสั้นๆว่า มาสนใจอะไรกับเรื่องนี้ เขากำลังจัดการกันอยู่
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามต่อสมเด็จพระวันรัต ในกรณีหลวงปู่เณรคำในเรื่องอื่นๆ สมเด็จพระวันรัต ก็ยังคงไม่มีการตอบคำถามแต่อย่างใด
ในวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวยังได้สอบถามไปยัง พระครูวัชรสิทธิคุณ เกี่ยวกับกระแสข่าวลือว่า หลวงปู่เณรคำเคยสึกและกลับมาบวชใหม่ว่า เคยได้รับทราบเรื่องนี้หรือไม่ พระครูวัชรสิทธิคุณ กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องนี้ และขอยืนยันว่า การสอบข้อเท็จจริงต่างๆ คงต้องรอหลวงปู่เณรคำ กลับมาก่อน
ขณะเดียวกันทางพระอนิลมาน ธมฺมสากิโย ผู้ช่วยเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ได้โพสต์ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า ในยุคที่กำลังโจษจันพระภิกษุประเภทหรูหรานิยมนั้น มาทำความรู้จักความเป็นผู้มักน้อยสันโดษของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ผู้ทรงปฏิบัติพระองค์อย่างเรียบง่าย แม้ที่อยู่อาศัยก็ไม่โปรดให้ประดับตกแต่ง ทรงเตือนพระภิกษุสามเณรอยู่เสมอว่า “พระเณรไม่ควรอยู่อย่างหรูหรา” และพระองค์ไม่ทรงสะสมวัตถุสิ่งของที่มีผู้ถวายมา ทรงแจกจ่ายไปตามโอกาส
ครั้งหนึ่ง มีผู้แสดงความประสงค์ถวายรถยนต์สำหรับทรงใช้สอยประจำพระองค์ เพื่อความสะดวกในการที่จะเสด็จไปทรงปฏิบัติภารกิจในที่ต่างๆ พระองค์ทรงตอบผู้ที่จะมาถวายรถยนต์ไปว่า “ไม่รู้จะเอาเก็บไว้ที่ไหน” จึงเป็นอันว่าไม่ทรงรับถวาย และเมื่อในวโรกาสทรงบำเพ็ญพระกุศลฉลองพระชันษา 80 ปีเมื่อพ.ศ.2536 หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ทูลถวายจตุปัจจัยร่วมบำเพ็ญพระกุศล 7 ล้านบาท สมเด็จพระสังฆราชทรงอนุโมทนาขอบคุณหลวงพ่อคูณ แล้วรับสั่งกับหลวงพ่อคูณว่า “ขอถวายคืนร่วมทำบุญกับหลวงพ่อด้วยก็แล้วกัน” ก็เป็นอันว่าทรงรับถวาย แล้วก็ถวายคืนกลับไป พระปฏิทาของสมเด็จพระสังฆราช ในฐานะที่ทรงเป็นพระรูปหนึ่ง จึงเป็นที่น่าประทับใจ เป็นพระปฏิทาที่ควรแก่การยึดถือเป็นแบบอย่างเป็นที่สุด