พระเครื่อง

โอม-โอมเพี้ยง : คำวัด

โอม-โอมเพี้ยง : คำวัด

07 มิ.ย. 2556

โอม-โอมเพี้ยง : คำวัด โดยพระธรรมกิตติวงศ์


               ในบทสวดมนต์ของเทพทุกองค์ในศาสนาพราหมณ์ จะขึ้นต้นด้วยคำว่า "โอม" และในรูปวาดมหาเทพเกือบทุกรูป จะปรากฏเครื่องหมาย "โอม" อยู่ส่วนใดส่วนหนึ่งในภาพ ซึ่งคำว่า โอม นี้เป็นหัวใจหลักของศาสนา

               คำว่า “โอม” เป็นคำสันสกฤต มาจากคำ ๓ คำ คือ อ อุ ม ออกเสียงว่า อะ อุ มะ สนธิกันก็เลยออก มาเป็นคำว่า “โอม”
อักขระ โอม เกิดจากการเรียกพระนามของพระตรีมูรติทั้ง 3 รวมกันเป็นคำเดียว ซึ่งแยกได้ดังนี้

               อะ - มาจากเสียงสุดท้ายของคำว่า พระศิวะ (อะ)

               อุ - มาจากเสียงสุดท้ายของคำว่า พระวิษณุ (อุ)

               มะ - มาจากเสียงสุดท้ายของคำว่า พระพรหมมะ (มะ)

               เมื่ออ่านออกเสียง "อะ อุ มะ" ให้ต่อเนื่องกัน จึงเกิดเป็นคำว่า "โอม" หมายถึง การเรียกขานพระนามของ ๓ มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ ในหนังสือบางเล่ม จะสลับความหมายไปมา บ้างก็ว่า อะ คือพระวิษณุ บ้างก็ว่า มะ คือพระศิวะ สลับไป สลับมา แต่ละเล่มก็เลยเขียนไม่เหมือนกันเลย

               ทั้งนี้ พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙) ราชบัณฑิต และเจ้าอาวาสวัดราชโอรสาราม ได้ให้ความหมายของ "โอม" ไว้ว่า โอม เดิมเป็นของฮินดู เป็นคำย่อมาจาก ๓ คำ คือ อะ อุ มะ ซึ่งหมายถึงเทพพระเจ้า ๓ องค์ หรือตรีมูรติของฮินดู

               โอม ความหมายในทางพุทธศาสนา ถือคติว่าย่มาจาก อะ อุ มะ เช่นกัน แต่หมายถึง พระรัตนตรัย โดยมีที่มาดังนี้

               อะ มาจาก อรหัง หมายถึง พระพุทธเจ้า

               อุ มาจาก อุตตมธัมมะ หมายถึง พระธรรม

               มะ มาจาก มหาสังฆะ หมายถึง พระสงฆ์

               โอม ใช้ในการสำรวมจิต เป่าคาถา หรือเป่ามนต์ เพื่อให้เกิดความขลัง หรือ ความศักดิ์สิทธิ์ เป็นการนึกถึงสิ่งที่ตนเคารพบูชา คือ ไหว้ครูก่อนที่จะเป่า เวลาเป่ามักจะออกเสียงพร้อมกันว่า "โอมเพี้ยง"