เสธ.ไอซ์กับปาฏิหาริย์เหรียญ'เทพเจ้าแห่งกำแพงแสน | คมชัดลึก

              “เทพเจ้าแห่งกำแพงแสน” เป็นฉายานามที่ลูกศิษย์ตั้งให้ "หลวงปู่แผ้ว ปวโร" เกจิชื่อดังแห่งวัดประชาราษฎร์บำรุง (วัดรางหมัน) อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับพุทธคุณและปาฏิหาริย์พระเครื่องที่ปลุกเสกโดยหลวงปู่แผ้วนับครั้งไม่ถ้วย ขณะเดียวกันมีลูกศิษย์จำนวนหนึ่งที่แอบไปลองจนมีคำพูดว่า “ของดีต้องลองได้” โดยเฉพาะการทดสอบพุทธคุณ หรือการลองของพระเครื่องที่สร้างและปลุกเสกโดยหลวงปู่แผ้ว ปวโร

              ด้วยพุทธคุณและปาฏิหาริย์ของเหรียญหลวงปู่แผ้ว ปวโร ถึงกับทำให้ พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต หรือ เสธ.ไอซ์ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกระทรวงกลาโหม กล้าที่จะนิมนต์ เหรียญหลวงปู่แผ้ว เนื้อเงิน สร้าง พ.ศ.๒๕๓๘ ซึ่งเป็นรุ่นแรก ด้วยเหตุที่ว่าลูกน้องไปพบปาฏิหาริย์ที่ราชบุรี ชนิดที่เหลือเชื่อ คือ ลูกน้องถูกยิงด้วยปืนขนาด ๙ มม.เข้าที่ลำตัว ๒ นัด ส่วนที่เหลืออีก ๔ นัดเฉียดลำตัวไป อย่าว่าแต่บาดแผลแม้แต่น้อยเลย  เมื่อได้ข่าวก็รีบหามาแขวนเลย ทุกวันนี้แขวนอยู่เพียงองค์เดียวเท่านั้น

              “ผมชอบพระที่มีประสบการณ์ แขวนพระหลวงปู่แผ้วมากว่า ๑ ปี แล้ว โดยเฉพาะพระเหนียว พระที่คงกระพัน พระเก่าแม้จะขึ้นชื่อมีเรื่องเล่ามากมาย แต่พระใหม่มีเรื่องเล่าที่ชัดเจนกว่า และเป็นเรื่องเล่าจากลูกน้องเรา เชื่อว่าต้องไม่โกหกเราแน่ ขณะเดียวกันปาฏิหาริย์พระหลวงปู่แผ้วมีเรื่องเล่าที่ไม่รู้จบเช่นกัน” นี่เป็นคำยืนยันของเสธ.ไอซ์

              อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ เสธ.ไอซ์ บอกว่า พระเครื่องชุดเบญจภาคีแขวนมาทุกองค์แล้ว รวมทั้งพระยอดนิยมชุดหลักๆ คือ พระหลวงพ่อเงิน พระยอดขุนพล แม้แต่ไม่ได้สร้างปาฏิหาริย์อะไร แต่ตลอดชีวิตที่ผ่านมาก็ไม่เคยพบเหตุการณ์อะไรที่เลวร้าย มีพรรคพวกในวงการขอดูพระหลายครั้ง ปกติแล้วจะเห็นแขวนพระหลักๆ และขึ้นชื่อว่ามีค่านิยมสูง เมื่อแขวนพระหลวงปู่แผ้ว ซึ่งเป็นพระใหม่และราไม่เท่าไร เพื่อนๆ ก็แปลกใจ แต่เมื่อเล่าถึงประสบการณ์ที่ลูกน้องได้ประสบมาพรรคพวกก็ยากมีบ้าง แต่โทษครับ พระใหม่ก็หายากไม่แพ้พระเก่าครับ

              เมื่อครั้งติดยศร้อยตรี ถูกส่งไปรบที่ จ.น่าน ประมาณ พ.ศ.๒๕๑๗-๒๕๕๖ ตำแหน่งผู้บังคับหมวดลาดตระเวน ๙ ปี ที่ปฏิบัติหน้าที่มีการปะทะแบบซึ่งหน้า ๒๓ ครั้ง ทั้งเพื่อนและลูกน้องร่วมรบนับสิบคน แต่ตัวเองแคล้วคลาดมาตลอด 

              ส่วนคำพูดที่ว่า "ทหาร ๑ กองร้อย แขวนพระ ๑ กองพลนั้น” เสธ.ไอซ์ บอกว่าอาจจะน้อยไป น่าจะเป็นว่าทหาร ๑ หมวด แขวนพระ ๑ กองพลถึงจะถูก เพราะระหว่างออกรบนั้นมีพระเครื่องไปร่วมรบประมาณ ๑ กิโลกรัม ตอนออกสนามรบใหม่ๆ มีไปประมาณ ๑๐๐ องค์ เมื่อกลับมาเยี่ยมบ้านแต่ละครั้ง ได้รับมอบพระจากเพื่อน จากญาติ จากผู้บังคับบัญชา เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นว่ามีพระไปร่วมรบกว่า ๕๐๐ องค์ มีสร้อยกว่า ๑๐ เส้น

              "พระแต่ละองค์ล้วนขึ้นชื่อว่าดีที่สุดก็มีผู้มอบให้ จึงไม่รู้ว่าพระกว่า ๕๐๐ องค์ที่มีอยู่นั้นองค์ไหนมีพุทธคุณโดดเด่นเป็นพิเศษ แต่ก็เชื่อว่ามีพุทธคุณทุกองค์ หลังจากถูกย้ายมาอยู่ส่วนกลางก็เลือกแขวนเพียง ๑๐ กว่าองค์ ขืนแขวนต่อมีหวังตายเพราะเป็นอัมพาตแน่" เสธ.ไอซ์ กล่าว

              สำหรับวัดที่ เสธ.ไอซ์ เดินทางไปทำบุญเป็นประจำ คือ วัดหนองลังกา หรือวัดป่าเสาหงษ์ ต.โคกกรวด อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นวัดของหลวงพ่อพุฒิ ฐานิโย โดยเมื่อครั้งที่ท่านมีชีวิตอยู่ หลวงพ่อพุฒิ เรียกไปพบที่วัดแล้วพูดว่า “โยม เสธ. ฝากวัดของอาตมาด้วย” ครั้งนั้นเป็นเพียงสำนักสงฆ์เท่านั้น จากนั้นก็สร้างโบสถ์ สร้างกุฏิสงฆ์ จนยกฐานะเป็นวัดถูกต้องตามกฎหมาย โดยใช้เวลาก่อสร้างกว่า ๒๐ ปี ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๔๓ รับเป็นเจ้าภาพทอดกฐินมาตลอด เมื่อสร้างโบสถ์เสร็จ เสธ. ไอซ์ ได้บวชฉลองโบสถ์หลังใหม่ซึ่งได้รับสมญาว่า "พรหมทัตโต" โดยบวชเป็นเวลา ๑ เดือน