
บ้านสวรรค์บนดินสถานธรรมแห่งการ'ลด ละ เลิก หลุดพ้น'
บ้านสวรรค์บนดินสถานธรรมแห่งการ'ลด ละ เลิก หลุดพ้น' : เยือนถิ่นเรือนธรรม โดยพาบุญมา
บ้านปฏิบัติธรรมสวรรค์บนดิน ตั้งอยู่บ้านเลขที่ ๓๘๕ พัฒนาการ ๖๑ หมู่บ้านเมืองทอง ๒/๒ ซอย ๒๓ ถนนพัฒนาการ แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ ทั้งนี้ อ.เกียรติ สุธรรมรัตนกูล เจ้าบ้านได้เปิดบ้านให้มีการปฏิบัติธรรมเมตตาธรรมปัญญา ทุกวันเสาร์-วันอาทิตย์ ที่สองของทุกเดือน และมีการสวดมนต์ไหว้พระ บรรยายธรรมทุกๆ วันอาทิตย์เวลา ๑๓.๐๐-๑๘.๐๐ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น มีเพียงแค่ความศรัทธาและตั้งใจจริงเท่านั้นพอ
ระเบียบการปฏิบัติ อ.เกียรติ ได้ตั้งกฎไว้ง่ายๆ คือ ไม่เน้นปริมาณหรือจำนวนลูกศิษย์ แต่จะเน้นคุณภาพเป็นหลัก ในระหว่างการศึกษาธรรมไม่ควรพูดคุยกัน ระหว่างบรรยายธรรมไม่สูบบุหรี่ในสถานธรรม ผู้ปฏิบัติธรรมควรแต่งกายด้วยชุดขาว เสื้อผ้าที่สวมใส่ไม่ควรโปร่งบางมีลายฉลุ หรือลูกไม้ ไม่ควรสวมกางเกงยืด ที่สำคัญ คือ วันมาปฏิบัติธรรม ไม่ควรแต่งหน้าทาปาก หรือสิ่งอื่นใดที่เป็นโลกีวิสัย ส่วนการปฏิบัตินั้นจะเน้นเรื่อง "การลด ละ และเลิกทำกรรมชั่ว ทั้งหลายทั้งปวง" รวมทั้งเน้นเรื่อง "อริยสัจ ๔ ยึดหลักในความเป็นจริง โดยสามารถพิสูจน์ได้ด้วยตัวเอง"
กิจกรรมและโครงการของบ้านสวรรค์บนดิน เช่น จัดให้มีการปฏิบัติธรรม-ปัญญา เพื่อการศึกษาให้รู้แจ้งเห็นจริงในธรรมชาติแห่งปัญญา โดยการพิสูจน์ด้วยตัวเอง จัดให้มีการประชุม อบรมธรรม บรรยายธรรม สนทนาธรรม และมองต่างมุม ตอบปัญหาธรรมเป็นประจำทุกเดือน ชี้แนะการปฏิบัติธรรม ตามคำสั่งสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า โดยเน้นเรื่องการสร้างทานบารมีด้วยจิตเมตตา จัดกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ สาธารณกุศล เช่น แจกอาหารสิ่งของ เครื่องใช้แก่คนชรา เด็กอ่อน เด็กพิการ ผู้ยากไร้ตามสถานสงเคราะห์คนชรา สถานศึกษาในชนบทจัดกิจกรรมตามประเพณีทางพุทธศาสนา รวมทั้งศึกษาค้นคว้าเรื่องพลังงานพิเศษ การปฏิบัติดี-ปฏิบัติชอบ เพื่อลดละกรรมให้แก่ตนเอง
อ.เกียรติ บอกว่า ก่อนที่จะเปิดบ้านให้เป็นธรรมสถานสวรรค์บนดิน เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๕ ได้ไปเช่าพื้นที่ห้างนารายณ์ภัณฑ์ โดยใช้ชื่อว่า "ชมรมเมตตาธรรม-ปัญญา" ในครั้งนี้หลายคนประหลาดใจที่เปิดศูนย์ปฏิบัติธรรมในห้างสรรพสินค้า เมื่อสัญญาเช่าหมดจึงคิดเปิดบ้านเป็นสถานปฏิบัติธรรม โดยสามารถรองรับผู้ปฏิบัติธรรมได้ครั้งละไม่เกิน ๑๒๐ คน ซึ่งตั้งแต่เปิดสถานปฏิบัติธรรมนั้น ไม่เคยเรียกร้องค่าใช้จ่ายใดๆ จากผู้มาปฏิบัติธรรม ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ศรัทธาที่ช่วยเหลือ ค่าน้ำ และค่าไฟ เท่านั้น ส่วนค่าอาหารที่ทำเลี้ยง ๒ มื้อนั้น เป็นอาหารที่ญาติธรรมนำมาช่วย
พร้อมกันนี้ อ.เกียรติ ยังบอกด้วยว่า ในสมัยพุทธกาล ผู้ที่ได้ฟังเทศน์ฟังธรรมขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วได้ดวงตาเห็นธรรม บรรลุเป็นโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี จนถึงเป็นพระอรหันต์ ปัจจุบันนี้ไม่มีพระพุทธเจ้าแล้ว คนทั่วไปคิดว่าเราคงไม่มีโอกาสบรรลุแล้ว แต่ความเป็นจริงการได้ฟังเทศน์ฟังธรรมจากปุถุชนที่สามารถบรรยายธรรมได้อย่างถูกต้อง ก็สามารถสำเร็จและบรรลุธรรมได้ ให้เราหมั่น ลด ละ กรรม ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เพื่อให้มีจิตที่บริสุทธิ์ มีจิตเมตตาธรรม และให้อภัย บริจาคทาน รักษาศีล เจริญภาวนา สร้างสมบุญกุศล ช่วยเหลือผู้ป่วยเจ็บ ผู้ยากไร้ ผู้รอคอยความช่วยเหลือ และไม่มองผู้ใดผิด ให้มองผู้อื่นเป็นครูของเรา เราปฏิบัติถูกต้องได้ตามนี้แล้ว ก็สามารถ บรรลุมรรค ผล นิพพาน ได้เหมือนกัน
ทั้งนี้ อ.เกียรติ ได้ฝากข้อคิดเป็นคติธรรมว่า "อิทธิฤทธิ์แพ้บุญ บุญฤทธิ์แพ้กรรม เพราะไม่มีใครใหญ่เกินกรรม ผู้ใดทำบาปไว้แล้ว ละได้ด้วยการทำความดี ผู้นั้นย่อมส่องให้โลกได้สว่าง เหมือนพระจันทร์ที่พ้นจากเมฆฉันนั้น รู้ดีเอาไว้ปฏิบัติ รู้ชั่วเอาไว้ป้องกัน ละชั่ว ทำดีได้ก็บรรลุธรรม ดูแบบอย่างองคุลีมาล รู้โลกแต่ไม่รู้ธรรมก็ตกนรก รู้ธรรมแต่ไม่รู้โลกก็ไม่ทันสมัย ไม่รู้ธรรม และไม่รู้โลก เท่ากับตกนรกอเวจี"
ในการมาปฏิบัติธรรมที่บ้านสวรรค์บนดิน มีคติความเชื่อในหมู่ลูกศิษย์ และ ผู้ปฏิบัติธรรมว่า "สามารถรักษาโรคที่ทางการแพทย์รักษาไม่ได้ หรือที่เรียกว่า โรคที่เกิดจากกรรม ให้ทำเลา เบาบาง แลหายขาดได้ในที่สุด" สำหรับผู้สนใจปฏิบัติ เข้าดูรายละเอียดได้ที่ "www.sawanbondin.exteen.com"