พระเครื่อง

'ประชา ชัยรัตน์'แขวนพระไม่อับจนความคิด

'ประชา ชัยรัตน์'แขวนพระไม่อับจนความคิด

06 เม.ย. 2556

'ประชา ชัยรัตน์'แขวนพระแล้วไม่อับจนในความคิด : พระเครื่องสรณะคนดัง โดยไตรเทพ ไกรงู


               “๗ ล้านบาท” เป็นเงินรายได้จากการจัดงานนิทรรศการประกวด พระเครื่อง จ.อุดรธานี ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๔ มีนาคม ๒๕๕๖ ณ ศาลเจ้าปู่-ย่าอุดรธานี ที่ผ่าน โดยรายได้ทั้งหมดนี้ทางคณะผู้จัดมอบให้มูลนิธิศาลเจ้าปู่-ย่าอุดรธานี และศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีนอุดรธานี โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

               บุคคลที่อยู่ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังความสำเร็จของการครั้งนี้ คือ นายประชา ชัยรัตน์ หรือ “เสี่ยประชา” เจ้าของโรงงานน้ำตาลอุดรธานี ซึ่งรับเป็นประธานดำเนินงาน โดยในวันงานได้นำพระของตัวเอง และพี่ชาย (นายปรีชา ชัยรัตน์ ประธานมูลนิธิศาลเจ้าปู่-ย่าอุดรธานี) พระที่ขึ้นชื่อว่าสวย หายากมูลค่ากว่า ๑,๐๐๐ ล้านบาท มาโชว์ให้ผู้ชมงานได้เห็นเป็นบุญตา ขณะเดียวกันในหนังสือ "พระเครื่อง พระคณาจารย์ จตุรทิศอุดร" ซึ่งเป็นหนังสือรางวัลสำหรับผู้ส่งพระเข้าประกวด กว่าครึ่งหนึ่งเป็นพระของนายประชา และนายปรีชา
 
               “ผมเล่นพระทุกหน้า ชอบพระทุกหน้า แขวนพระทุกหน้า และเชื่อด้วยว่าพระทุกองค์ล้วนมีพุทธคุณที่จะปกป้องคุ้มครองตัวเราเองและครอบครัว ให้เจริญก้าวหน้า กิจการค้าเจริญรุ่งเรื่อง” นี่เป็นเหตุของ“เสี่ยประชา” ที่ไม่เลือกแขวนพระองค์ใดองค์หนึ่งเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเช่ามาในราคาเท่าไรก็กล้านิมนต์ขึ้นคออย่างสนิทใจ
 
               “เสี่ยประชา” เล่าว่า เริ่มเช่าพระเครื่องมาตั้งแต่เป็นเด็กนักเรียน ส่วนใหญ่จะเช่ามาจากแผงพระบริเวณวัดมหาธาตุ กทม.ตามประสาเด็กหนุ่ม อยากให้ผู้หญิงรัก ผู้หญิงสนใจ รวมทั้งติดนิยายเรื่อง “รักยม” จึงเช่ารักยมที่แช่อยู่ในขวดน้ำมนจันทร์ องค์ละ ๑๐ บาท ก่อนออกจากบ้านจะต้องขอรักยมว่า “อย่าให้ครูตี อย่าให้ครูถามมาก รวมทั้งอย่าให้มีการบ้านมากๆ” แต่ รักยมไม่เคยช่วยสักครั้งเดียว
 
               ขณะเดียวกันเส่ยประชายอมรับว่า เคยเช่าพระจากคนที่งมพระจากแม่น้ำมาใส่กาละมังขาย โดยเช่าไว้จำนวนมาก แต่เมื่อเอาไปให้ใครดูก็บอกว่า เป็นของปลอม ทำให้ใจเสียและหยุดเช่าพระไประยะหนึ่งเลยทีเดียว จากนั้นจะเช่าพระปีละครั้ง คือ หลังตรุษจีน โดยจะเอาเงินแต๊ะเอียมาเช่า เคยเช่าไพรีพินาศ บัวเหลี่ยม ในราคา ๘๐๐ บาท ซึ่งถือว่าแพงที่สุดในสมัยนั้น ปัจจุบันเมื่อมีเงินและมีแรงซื้อ ทุกวันนี้จะเช่าแต่พระสวยเท่านั้น
 
               สำหรับประสบการณ์หรือปาฏิหาริย์ที่ได้สัมผัสมาด้วยตัวเองนั้น “เสี่ยประชา” เล่าว่า โดยนิสัยส่วนตัวไม่ใช่นักเลง เรื่องตีรันฟันแทงย่อมไม่เกิดขึ้นกับตัวเองแน่นอน ส่วนประการณ์ด้านแคล้วคลาดนั้นไม่ชัดเจนพอที่จะมาเป็นเรื่องเล่าได้ แต่สิ่งที่ตัวเองเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่ง คือ “แขวนพระแล้วไม่อับจนในความคิด”
 
               ทั้งนี้ “เสี่ยประชา” ได้อธิบายให้ฟังว่า “แขวนพระแล้วไม่อับจนในความคิด” หมายถึงนักธุรกิจ พ่อค้า รวมทั้งคนทั่วๆ ไป ย่อมมีปัญหาเกิดขึ้นเป็นธรรมดา แต่ทุกครั้งที่เกิดปัญหา ตนเองไม่เคยอับจนในความคิดเลยสักครั้งเดียว จะหยุดทำเรื่องที่เกิดขึ้นสักระยะหนึ่ง แล้วทบทวนเหตุการณ์เรื่องราวที่เกิดขึ้น ในที่สุดก็คิดออกว่าจะเดินต่อหรือแก้ไขปัญหากับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร หรือที่เรียกว่า “มีสติ” นั่นเอง นอกจากนี้อีกสิ่งหนึ่ง “เสี่ยประชา” ทำเป็นประจำ คือ สวดมนต์ไหว้พระ ทั้งก่อนออกจากบ้าน รวมทั้งเมื่อกลับถึงบ้าน และก่อนเข้านอน
 
               อย่างไรก็ตามด้วยเหตุที่เช่าพระมาจำนวนมาก หากใครได้เดินทางไปพักที่โรงแรมบ้านเชียงจะพบว่า ในแต่ละชั้นจะมีตู้โชว์พระเพื่อให้แขกที่มาพักในโรงแรมดูกันทั้งวันทั้งคืน “เสี่ยประชา” บอกว่า “ที่เอาพระมาโชว์เพื่อให้ประชนทั่วไปได้เห็นได้ชม ว่าพระของเก่าของแท้ เขาเล่นกันอย่างไร”

               ทุกครั้งที่เกิดปัญหา จะหยุดทำเรื่องที่เกิดขึ้นสักระยะหนึ่ง แล้วทบทวนเหตุการณ์เรื่องราวที่เกิดขึ้น ในที่สุดก็คิดออกว่าจะเดินต่อหรือแก้ไขปัญหากับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร หรือที่เรียกว่า “มีสติ” นั่นเอง