
'ครูลิลลี่'พระเครื่องมีปาฏิหาริย์พระธรรมกลับมียิ่งกว่า
'ครูลิลลี่'กิจมาโนชญ์ โรจนทรัพย์ พระเครื่องที่ว่ามีปาฏิหาริย์แล้วแต่พระธรรมกลับมียิ่งกว่า : พระเครื่องคนดัง เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู
นายกิจมาโนชญ์ โรจนทรัพย์ หรือที่รู้จักกันดีและนิยมเรียกว่า ครูลิลลี่ เป็นครูสอนพิเศษวิชาภาษาไทยที่ "สถาบันกวดวิชาพินนาเคิล" (ภาษาไทย ครูลิลลี่) เส้นทางชีวิตของใครหลายคนอาจจะเริ่มต้นและตรงดิ่งสู่จุดหมาย แต่ใครอีกหลายคนไม่ได้เป็นเช่นนั้น บางครั้งจุดที่เริ่มต้นก็ไม่ได้นำเราไปสู่จุดหมายอย่างที่ตั้งไว้เสมอไป
อย่างไรก็ตาม มีคนจำนวนไม่น้อยอาจจะไม่รู้มาก่อนเลยว่า ชื่อ "นายกิจมาโนชญ์ โรจนทรัพย์" เป็นชื่อที่ ครูลิลลี่ตั้งใหม่ขึ้นมาเอง ไม่ได้ขอจากพระเกจิอาจารย์ที่ไหนมาตั้งให้ แทนชื่อเดิม คือ "นายวิษณุ" โดยศึกษาจากตำราการตั้งชื่อ มีสูตรสำเร็จสามารถเลือกตัวอักษรที่เป็นมงคลแก่ตนเองได้ โดยชื่อที่ตั้งเอาความเฮง ความรวย ความสำเร็จ มาเป็นอันดับแรก หลังจากเปลี่ยนชื่อชีวิตก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นอย่างที่เห็น จากความสามารถนี่เองจึงถูกร้องขอให้ตั้งชื่อเด็กน่าจะเป็นร้อยคนแล้ว
ทั้งนี้ ครูลิลลี่ยอมรับว่า เคยบวชพระเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๕ เป็นเวลา ๓๐ วัน ได้ชื่อว่าบวชตามประเพณีเพื่อทดแทนคุณพ่อแม่ ไม่ได้เอาใจบวช ซึ่งหากย้อนเวลาได้การบวชครั้งนั้นน่าจะได้ซึมซับธรรมะได้มากกว่านี้ ในอดีตนั้นมีมุมมองกับการปฏิบัติธรรมว่า เป็นเรื่องของคนแก่ คนโบราณ เป็นเรื่องของพระ ที่ร้ายยิ่งกว่านั้น คือ คนปฏิบัติธรรมเป็นคนหมดทางไป เริ่มปฏิบัติธรรมเมื่อ ๗ ปีก่อน ด้วยเหตุที่ทนความเซ้าซี้ของเพื่อนที่ชวนไปปฏิบัติธรรมไม่ไหว จึงได้ไปร่วมปฏิบัติธรรมกับ คุณแม่สิริ กรรณชัย ครั้งแรกรูกสึกโดนชนิดที่เรียกว่า จิตมีความเบิกบานอิ่มเอมอย่างที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน และเมื่อได้มาปฏิบัติธรรมกลับรู้สึกว่าเสียดายเวลาที่ผ่านมา และได้มาปฏิบัติธรรมช้าไปหรือเปล่า ทั้งนี้พระรูปหนึ่งได้สอนว่า เพราะเราได้เห็นโลกจึงเข้าใจโลก ถ้าไม่ผ่านทางโลกเราจะเข้าถึงทางธรรมได้อย่างไร
ส่วนเรื่องหนังสือธรรมะนั้น เริ่มอ่านเมื่อเริ่มปฏิบัติธรรม ซึ่งก่อนหน้านี้มองว่าหนังสือธรรมะเป็นเรื่องไกลตัว อ่านเพียงเพื่อสอนนักเรียนเท่านั้น หนังสือธรรมะอ่านยาก อ่านไม่สนุก เป็นภาษาบาลี ภาษาพระ และวันใดหากได้ดูทีวีและเปิดเจอรายการที่มีพระ มีธรรมะจะกดรีโมทเปลี่ยนช่องทันที ทั้งนี้อาจจะพูดได้ว่า นับถือพุทธศาสนาในบัตรประชาชนเท่านั้น เข้าใจเพียงว่า พุทธศาสนาคือ การใส่บาตร ทำบุญ สวดมนต์ ไหว้พระเท่านั้น แต่แก่นพุทธศาสนาที่แท้จริง มีเพียง ๓ ข้อ คือ ละชั่ว ทำดี และทำใจให้บริสุทธิ์ ซึ่งเป็นเรื่องง่ายแต่กว่าจะคิดได้นั้นเป็นเรื่องยาก
"ครูเป็นคนหนึ่งที่เคยอยู่ในสถานะชาวพุทธในทะเบียนบ้านมาเกือบครึ่งค่อนชีวิต ที่เข้าใจว่าแค่ทำบุญตักบาตร ทำสังฆทาน ห้อยพระเครื่องก็เพียงพอ และคิดว่าเส้นทางที่เดินคือวิถีพุทธที่ถูกควรแล้ว จนกระทั่งวันหนึ่งธรรมะก็จัดสรรให้ครูได้รู้ว่า พุทธศาสนายังมีอะไรให้เราได้เรียนรู้อีกมากมาย นั่นคือจุดเริ่มต้นการเรียนรู้ ‘แก่น’ พุทธศาสนาของครูลิลลี่ค่ะ ครูพบว่าการเรียนพุทธศาสนาทำให้สัมผัสถึงคำว่า ‘สภาวะแห่งปัญญา’ ทั้งศีล สมาธิ ปัญญา และความสุขอย่างแท้จริงได้ ซึ่งครูคิดว่ามหัศจรรย์และล้ำค่าที่สุดแล้ว” ครูลิลลี่กล่าว
เมื่อถามถึงความเชื่อเกี่ยวกับการดูหมอ ครูลิลลี่บอกว่า ต้องดูหมอเป็นประเพณีปฏิบัติก่อนปีใหม่ เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย ที่สำคัญคือ มีความเชื่อกว่า ๙๐% เคยบน พระพรหม เอราวัณ ที่สี่แยกราชประสงค์มาแล้ว จำได้ว่าไปแข่งเกมโชว์แล้วยากให้แจ็กพอตแตก แล้วก็แตกจริงๆ ครั้งนั้นได้แก้บนด้วยการเดินกลับบ้านจากสี่แยกราชประสงค์ไปฝั่งธนฯ นอกจากนี้ยังไปวัดแขกสีลม รวมทั้งหลวงพ่อโสธรก็เคยไปบนและแก้บนมาหลายครั้งเช่นกัน
พร้อมกันนี้ ครูลิลลี่ยังบอกด้วยว่า ทุกวันนี้แม้ว่าจะปฏิบัติธรรมเข้าใจธรรมะแล้วแต่ก็ยังขาดพระเครื่องไม่ได้ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องปาฏิหาริย์แล้ว พระเครื่องที่ว่ามีปฏิหาริย์แล้วแต่พระธรรมกลับมียิ่งกว่า เคยสัมผัสพุทธานุภาพของพระเครื่องเมื่อ พ.ศ.๒๕๔๓ ขับรถไปชนท้ายรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ถูกลากไปหลายร้อยเมตร ก่อนที่จะไปฟาดกับเสาไฟ ได้รับบาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ จากเข็มขัดนิรภัยเท่านั้น โดยมีความเชื่อในพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ และเทพเทวาว่ามีอยู่จริง ทั้งนี้ เราต้องยอมรับว่าบางครั้งบารมีของเราไม่มากพอ ต้องพึ่งบารมีและพุทธคุณจากองค์พระคุ้มครอง
ครูลิลลี่พูดทิ้งท้ายไว้อย่างน่าคิดว่า "ภาษาธรรมไม่สามารถอธิบายให้เข้าถึงและเข้าใจได้ คนที่จะเข้าใจภาษาธรรมได้ดีที่สุด คือต้องลงมือทำลงมือปฏิบัติ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือ ทั้งภาษาไทยและภาษาธรรมต่างก็มีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันอย่างยิ่ง คนไทยต้องพูดภาษาไทยทุกวัน ขณะเดียวกันความทุกข์กับความสุขเป็นของคู่กันเกิดได้ทุกวันเวลา แต่คนกลับไม่ให้ความสำคัญทั้งภาษาไทยและภาษาธรรม เมื่อคนไม่เข้าใจภาษาไม่เข้าใจธรรมะความวิบัติจึงเกิดขึ้น แค่พูดผิดหูอาจจะทำให้ชีวิตต้องตกอยู่ในความลำบาก แค่คิดผิดจิตไม่เป็นกุศลชีวิตอาจจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดทั้งชีวิต"
“เลือกได้...ไม่เสียชาติเกิด”
หนังสือ “เลือกได้...ไม่เสียชาติเกิด” ผลงานธรรมะเล่มแรกในชีวิตของครูลิลลี่ ซึ่งเป็นอีกภาคหนึ่งของชีวิตที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน โดยเธอเชื่อว่ามีแต่ “ธรรม” ที่จะลบคำปรามาสในชีวิตได้
โดยได้เล่าถึงแรงผลักดันในชีวิตไปสู่ความสำเร็จทุกๆ ด้าน ทั้งการเรียน การงาน ธุรกิจ ชื่อเสียงของครูลิลลี่จนพบว่า ไม่ว่าจะรวย เก่ง หรือดังแค่ไหน ก็หนีทุกข์ไม่พ้น จึงต้องแสวงหาคำตอบที่ค้างคาใจ เมื่อพบธรรมะที่ตอบโจทย์ได้ทุกเรื่อง ครูลิลลี่สนใจธรรมะอย่างจริงจังถึงขนาดลงทุนเปิดบ้านสอนปฏิบัติธรรมด้วยตนเอง ด้วยการสอนศัพท์ธรรมะด้วยเทคนิควิธีง่ายๆ สไตล์ครูลิลลี่และสอนธรรมะให้ตรงใจวัยรุ่น โดยเรื่องราวแต่ละตอนจะตบท้ายด้วยธรรมะแง่คิดในแต่ละมุมของชีวิตที่มีบทสรุปมาเป็นครูลิลลี่ในทุกวันนี้
จากชีวิตที่เคยถูกปรามาสมาตลอดว่า “เสียชาติเกิด” คำคำนี้เป็นแรงผลักดันให้ชีวิตครูลิลลี่ประสบความสำเร็จแทบทุกด้าน ในห้าหกปีที่ครูลิลลี่หมดเงินไปหลายล้านบาทกับการกิน เที่ยว ช็อปปิ้ง ฯลฯ กว่าจะคิดได้ว่า คนเราเมื่อตายไปแล้ว ต่อให้มีเงินเป็นร้อยล้านพันล้าน มีที่ดินเป็นร้อยไร่ มีสมบัติมากมาย สุดท้ายก็เอาอะไรติดตัวไปไม่ได้ นอกจากคุณงามความดีที่สั่งสมไว้เท่านั้น ถึงแม้จะรวย สุข สมหวังแค่ไหน ก็หนีไม่พ้นความทุกข์ และยังไม่สามารถลบล้างปมที่มีอยู่ในใจไปได้...ธรรมะเท่านั้นที่คลี่ทุกปม คลายทุกปัญหาในชีวิตได้จริง ทุกวันนี้ครูลิลลี่เปลี่ยนแปลงตัวเองไปแล้ว จากผู้รับ...กลายเป็นผู้ให้ แม้จะเป็นเพศที่สาม แต่ก็เลือกได้...ไม่เสียชาติเกิด
“เลือกได้...ไม่เสียชาติเกิด” หนังสือเล่มนี้เล่าถึงแรงผลักดันในชีวิตไปสู่ความสำเร็จทุกๆ ด้าน ทั้งการเรียน การงาน ธุรกิจ ชื่อเสียง จนพบว่า ไม่ว่าจะรวย เก่ง หรือดังแค่ไหน ก็หนีทุกข์ไม่พ้น จึงต้องแสวงหาคำตอบที่ค้างคาใจ เมื่อพบธรรมะที่ตอบโจทย์ได้ทุกเรื่อง ครูลิลลี่สนใจธรรมะอย่างจริงจังถึงขนาดลงทุนเปิดบ้านสอนปฏิบัติธรรมด้วยตนเอง ด้วยการสอนศัพท์ธรรมะด้วยเทคนิคง่ายๆ สไตล์ครูลิลลี่และสอนธรรมะให้ตรงใจวัยรุ่น โดยเรื่องราวแต่ละตอนจะตบท้ายด้วยธรรมะแง่คิดในแต่ละมุมของชีวิตที่มีบทสรุปมาเป็นครูลิลลี่ในทุกวันนี้