พระเครื่อง

'จิตวิญญาณผู้หญิง'กับความจริงเหนือศาสนา

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'จิตวิญญาณผู้หญิง'กับความจริงเหนือศาสนา : วิปัสสนาบนหน้าข่าว โดยพระชาย วรธัมโม

               ๘ มีนาคม เป็นวันสตรีสากล ทำให้นึกถึงครั้งหนึ่งเมื่อหลายหมื่นปีมาแล้ว เพศหญิงเคยได้รับการเคารพบูชาในฐานะเทพีแห่งการให้กำเนิดและความอุดมสมบูรณ์...

               มนุษย์มีวิวัฒนาการและประวัติศาสตร์เป็นเวลากว่า ๒ ล้านปี หลักฐานที่บ่งบอกว่ามนุษย์อยู่บนโลกใบนี้มาช้านานมากที่สุดคือ ถ้ำลาสโกซ์ อยู่ในประเทศอังกฤษมีภาพจิตรกรรมฝาผนังถึง ๒,๐๐๐ ภาพ นักโบราณคดีวิเคราะห์ว่าภาพเหล่านี้มีอายุอยู่ที่ ๑๗,๐๐๐ ปีทีเดียว เราเรียกช่วงเวลานั้นว่า "ยุคก่อนประวัติศาสตร์" เป็นยุคที่มนุษย์ยังไม่รู้จักประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นใช้ ช่วงเวลานั้นมนุษย์ยังไม่มีศาสนา ศาสนาเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อ ๔,๐๐๐ ปีที่ผ่านมา ในเมื่อศาสนายังไม่ถือกำเนิดขึ้น สิ่งเคารพบูชาสูงสุดของมนุษย์ในยุคสมัยนั้นจึงเป็นธรรมชาติศักดิ์สิทธิ์ที่มาในรูปของเทพี หรือพระแม่ (Mother Goddess)

               วันนี้เราจะย้อนกลับไปศึกษาความเชื่อของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ว่าพวกเขาคิดหรือ เชื่ออะไรในการดำรงอยู่ของชีวิต

               เมื่อประมาณสองล้านปีที่แล้วหลังจากที่มนุษย์วิวัฒนาการจากการใช้ชีวิตบนต้นไม้ด้วยการลงมาอยู่บนพื้นดิน มนุษย์ก็ใช้ชีวิตแบบเร่ร่อน อยู่ไม่เป็นที่ ต่อมาจึงเริ่มปักหลัก มีการเข้าไปอาศัยอยู่ในถ้ำ จากนั้นมนุษย์ก็เริ่มเรียนรู้ที่จะสร้างที่อยู่อาศัยด้วยตนเอง แล้วก็เริ่มรู้จักทำการเพาะปลูก เพศชายออกไปล่าเหยื่อในขณะที่เพศหญิงเรียนรู้เรื่องการทำเกษตรกรรมด้วยการนำเมล็ดพันธุ์ฝังไว้ใต้ดินรอวันแตกหน่องอกงาม

               นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้มนุษย์หันมาให้ความเคารพบูชาจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ในธรรมชาติ ซึ่งอยู่ในรูปของเทพสตรีผู้ให้กำเนิดความอุดมสมบูรณ์แห่งพืชพรรณธัญญาหาร ผิดกับสมัยนี้ที่มองเพศหญิงว่าเป็นเพียงวัตถุทางเพศ

               คนยุคปัจจุบันมองเพศหญิงว่ามีคุณสมบัติที่ด้อยกว่าเพศชาย บางทีคนโบราณอาจมีจิตใจสูงส่งกว่าคนในยุคปัจจุบันก็ได้ ถึงแม้ยุคโบราณจะยังไม่มีศาสนาเกิดขึ้น อีกทั้งความอ้วนก็ไม่ได้ถูกมองว่าน่าเกลียด แต่หมายถึงความอุดมสมบูรณ์ที่ช่วยเหลือมนุษย์ให้รอดพ้นจากความอดอยาก ดังคำกล่าวที่ว่า “อวัยวะเพศหญิงคืออวัยวะที่ให้กำเนิดทารกถือเป็นสัญลักษณ์แห่งการก่อกำเนิด เต้านมเป็นสัญลักษณ์ของแหล่งอาหาร เมื่อทรวงอกของแม่ทำหน้าที่ผลิตน้ำนมให้ลูกดื่มกิน”

               คนสมัยโบราณจึงปั้นรูปเทพีผู้หญิงขนาดเล็กเป็นรูปเคารพด้วยความคาดหวังว่าความอุดมสมบูรณ์จากธรรมชาติจะดลบันดาลให้พืชพรรณธัญญาหารที่เพาะปลูกมีความเจริญงอกงามให้ดอกออกผลเหมือนกับสรีระของเพศหญิง

               รูปปั้นเทพีที่ถูกขุดพบส่วนใหญ่มีขนาดเล็กกะทัดรัดเท่าฝ่ามือหรือบางครั้งก็อาจใหญ่กว่านั้น มีลักษณะเปลือยเน้นที่รูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ ทำด้วยวัสดุง่ายๆ เช่นดินเผาหรือแกะสลักจากหิน ตัวอย่างเช่น รูปปั้นวีนัสแห่งวิลเลนดอร์ฟในทวีปยุโรป รูปปั้นเทพีนั่งห้อยเท้าแห่งชาทาโฮยุคในประเทศตุรกี รูปปั้นเทพีดอกไม้แห่งคันธาระพบในปากีสถาน และยังพบรูปปั้นลักษณะคล้ายกันนี้อีกหลายแห่งกระจัดกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ของโลก รูปปั้นเทพีเหล่านี้ยังไม่มีความหมายลึกซึ้งไปถึงระบบ ศีลธรรม ความดีความชั่ว เป็นเพียงรูปเคารพของความศรัทธาในพลังธรรมชาติอันศักดิ์สิทธิ์ที่จะดลบันดาลให้พืชพรรณธัญญาหารออกดอกออกผลอย่างอุดมสมบูรณ์ เพื่อมนุษย์จะได้มีอาหารบริโภครอดพ้นจากความอดอยาก

               แม้บ้านเราจะมีอารยธรรมบ้านเชียง จ.อุดรธานี อายุ ๕,๐๐๐ ปี แหล่งอารยธรรมผาแต้ม จ.อุบลราชธานี อายุ ๔,๐๐๐ ปี หรืออุทยานแห่งชาติออบหลวง จ.เชียงใหม่ อายุ ๘,๕๐๐ ปี แต่ยังไม่พบรูปปั้นเทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์ในดินแดนแถบนี้ บางทีอาจเป็นเพราะแถบนี้อุดมสมบูรณ์อยู่แล้ว จึงมีแต่การเคารพบูชา "พระแม่" ซึ่งปรากฏอยู่ในพิธีกรรมต่างๆ ที่สืบทอดกันมาช้านาน เช่น ประเพณีลอยกระทงคือการบูชาพระแม่คงคา ประเพณีทำขวัญข้าวคือการบูชาพระแม่โพสพ หลังการทำบุญตักบาตรเรามีการกรวดน้ำลงดินฝากพระแม่ธรณีนำไปให้ดวงวิญญาณที่ล่วงลับ

               ในพุทธประวัติตอนที่พระพุทธเจ้าผจญมารพระแม่ธรณีได้บีบมวยผมให้น้ำไหลหลั่งออกมาช่วยพระพุทธองค์จากเหล่ามารที่มาผจญ จนมารเหล่านั้นต้องพ่ายแพ้ไป พระแม่ธรณีถือได้ว่าเป็นเทพีที่คอยสนับสนุนการบรรลุธรรมของพระพุทธเจ้ามาช้านานหลายพระองค์แล้วนับแต่อดีตกาลอันยาวไกล

               แม้เราจะไม่พบหลักฐานรูปปั้นเทพีใดๆ ในดินแดนแถบนี้ แต่การสืบทอดทางวัฒนธรรมความเชื่อเรื่อง "เทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์" ด้วยพิธีกรรมที่สืบทอดกันมายาวนานนับตั้งแต่ดินแดนแห่งนี้ยังไม่มีศาสนากำเนิดขึ้น จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าในอดีตกาลมนุษย์เรามีวัฒนธรรมการนับถือเทพผู้หญิงแห่งความอุดมสมบูรณ์อยู่ทั่วทุกมุมโลกทั้งแถบยุโรปและเอเชีย

               ก่อนรับประทานข้าวในวันนี้ เราขอขอบคุณพระแม่โพสพที่ทำให้เราได้มีเมล็ดข้าวบริโภค ทำให้เราไม่อดอยาก เราขอขอบคุณพระแม่ธรณีที่มอบผืนดินอันอบอุ่นให้เราได้หลับนอนผ่อนพัก และยังมอบผืนดินให้เราได้เพาะปลูกพืชพรรณธัญญาหารอย่างอุดมสมบูรณ์ เราขอขอบคุณพระแม่คงคาที่คอยหล่อเลี้ยงเราและโลกให้ฉ่ำเย็นด้วยหยดน้ำที่ไม่มีวันเหือดแห้ง

               เพราะ "พระคุณแม่" มีเมตตากรุณาต่อมนุษย์จึงดลบันดาลความอุดมสมบูรณ์ของ พืชพรรณธัญญาหารให้มนุษย์ได้บริโภคใช้สอยมาแต่ยุคดึกดำบรรพ์ มนุษย์มีชีวิตอยู่รอดมาได้ถึงทุกวันนี้เพราะเป็นหนี้บุญคุณเทพีแห่งธรรมชาติ วันนี้ท่านยังคงทำหน้าที่แม้วันเวลาจะผ่านล่วงเลยมานานนับล้านปีมาแล้วก็ตาม

               มนุษย์ควรฝึกฝนตนเองให้มีเมตตากรุณาเช่นเดียวกับท่าน ด้วยการมีเมตตากรุณากับมนุษย์ด้วยกันเองไม่ว่ามนุษย์นั้นจะเป็นชนเผ่าใด ผิวสีไหน เป็นชนชาติใด พูดภาษาใด มีความแตกต่างทางความคิดกันเพียงไหน มนุษย์ก็มิควรรังเกียจกดขี่ข่มเหงกัน เพื่อเราจะได้อยู่ร่วมกันบนโลกใบนี้ด้วยความสงบสุข เช่นเดียวกับ "แม่" ที่มีเมตตากรุณากับมนุษย์ทุกหมู่เหล่า มอบความอุดมสมบูรณ์ให้กับมนุษย์ทุกซีกโลกมาช้านานแล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ