
จิตตเกษมณ์กับ...ปาฏิหาริย์'หลวงพ่อศรีสวรรค์' :
จิตตเกษมณ์ นิโรจน์ธนรัฐกับ...ปาฏิหาริย์ 'หลวงพ่อศรีสวรรค์' : พระเครื่องสรณะคนดัง เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู
นครสวรรค์เป็นเมืองโบราณ สมัยกรุงสุโขทัย ซึ่งปรากฏชื่อในศิลาจารึกเรียกว่า "เมืองพระบาง" หรือ "ปากพระบาง" เป็นเมืองหน้าด่านใต้ของอาณาจักรสุโขทัย เมื่ออาณาจักรนี้เสื่อมลงได้ถูกอาณาจักรกรุงศรีอยุธยารวมเข้าไว้ และมีชื่อเรียกเพิ่มอีกชื่อว่า "เมืองพังคา" หรือ "นครพังคา" ซึ่งแปลว่า "ช้างศึกพวกหนึ่ง" ที่ตั้งของตัวเมืองอยู่บนฝั่งขวาของต้นน้ำเจ้าพระยาจนถึงเขาขาด หันหน้าไปทางทิศตะวันออก เผชิญกับพระอาทิตย์ที่ขึ้นในตอนเช้า จึงมีสมญานามเมืองอีกชื่อหนึ่งว่า "เมืองชอนตะวัน" ครั้นถึงสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถแห่งกรุงศรีอยุธยาได้ทรงจัดระเบียบการปกครองใหม่ เมืองพระบางหรือนครพังคา จึงเปลี่ยนเป็น "เมืองนครสวรรค์" ตั้งแต่นั้นมา
ส่วนเทศบาลนครนครสวรรค์เดิมมีฐานะเป็นสุขาภิบาล โดยพระราชกฤษฎีกายกฐานะเป็นสุขาภิบาล พ.ศ.๒๔๗๕ เรียกว่า "สุขาภิบาลเมืองนครสวรรค์" ต่อมาได้รับการยกฐานะเป็นเทศบาลเมืองนครสวรรค์ เมื่อวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๔๗๘ ปัจจุบันมีนายจิตตเกษมณ์ นิโรจน์ธนรัฐ เป็นนายกเทศมนตรีนครนครสวรรค์ ซึ่งได้ จัดงานประกวดพระบูชาฯโรงยิมเนเซี่ยม ๔,๐๐๐ ที่นั่ง สนามกีฬาจังหวัดนครสวรรค์ เมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ เพื่อหาทุนสนับสนุนส่งเสริมการศึกษานักเรียนในเขตเทศบาล ๘ แห่ง ซึ่งมีนักเรียนประมาณ ๘,๐๐๐ คน โดยแต่ละปีใช้เงินประมาณ ๕-๖ แสนบาท
นายจิตตเกษมณ์ยอมว่า โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนที่ขาดพระเครื่องไม่ได้ คือ ไปไหนมาไหนต้องแขวนพระตลอดเวลา ทั้งนี้มีพระที่แขวนติดตัวเป็นประจำ ๕ องค์ ประกอบด้วย ๑.พระหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท ๒.หลวงพ่อโอภาสี วัดบางมด โดยได้รับมอบมาจาคุณย่า ที่สำคัญ คือ แขวนมาตั้งแต่อายุ ๗ ขวบ ๓.พระหลวงปู่ทวด วัดไทรใต้ ต.ปากน้ำโพ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ๔.พระพิฆเณศวร ซึ่งเป็นพระที่สร้างเอง และ ๕ หลวงพ่อศรีสวรรค์ พระประจำเมืองปากน้ำโพธิ์
ทั้งนี้ นายจิตตเกษมณ์ ได้เล่าถึง ประวัติ 'หลวงพ่อศรีสวรรค์' หรือ 'พระพุทธศรีสวรรค์' ว่า เป็นพระพุทธรูปประธานในพระอุโบสถวัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง อ.เมือง จ.นครสวรรค์ เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่มาแต่โบราณ ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถหลังเก่าของวัดนครสวรรค์ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.๑๙๗๒ พระพุทธศรีสวรรค์ เป็นพระพุทธรูปปางสุโขทัย
ประมาณ พ.ศ.๒๔๖๕-๒๔๗๐ ได้มีการบูรณะซ่อมแซมพระอุโบสถและพระพุทธศรีสวรรค์ครั้งใหญ่ที่สุด โดยมีประชาชนร่วมกันบริจาคทองเหลือง โลหะต่างๆ รวมทั้งทองคำนำมาหลอมหล่อเป็นองค์พระพุทธศรีสวรรค์ให้องค์พระมีขนาดใหญ่กว่าเดิม เป็นขนาดหน้าตัก ๒.๕๐ เมตร ขณะที่เททองหล่อนั้นช่วงเย็นใกล้ค่ำเกิดมีแสงพุ่งออกมาจากองค์พระพุทธศรีสวรรค์ มีลำแสงเป็นสีต่างกันถึง ๖ สี คือ ๑.สีเขียวเหมือนดอกอัญชัน ๒.สีเหลืองเหมือนหรดาลทอง (แร่ชนิดหนึ่ง) ๓.สีแดงเหมือนแสงตะวันอ่อนๆ ๔.สีขาวเหมือนแผ่นเงิน ๕.สีหงสบาทเหมือนดอกเซ่งหรือหงอนไก่ และ ๖.ประภัสสร หรือสีเลื่อมพรายเหมือนแก้วผลึก สีทั้งหมดเรียกกันว่าฉัพพรรณรังสี แปลว่ารัศมี ๖ ประการ อันเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
นอกจากนี้ ในยามวิกาลดึกสงัดประชาชนที่มีบ้านเรือนอยู่ใกล้วัดจะได้ยินเสียงพิณ พาทย์ ปี่ กลองดังออกมาจากพระอุโบสถบ่อยครั้ง และพระราชสิทธิเวที อดีตเจ้าอาวาส อดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ เคยเห็นแสงฉัพพรรณรังสีจากองค์พระพุทธศรีสวรรค์
"หลวงพ่อศรีสวรรค์ ผมขอเรื่องซื้อขายที่ดิน เรื่องให้ชนะการเลือกตั้ง ส่วนชาวบ้านทั่วไปมักจะมีผู้คนพากันมากราบไหว้บนบาน ขอพร ขอโชคลาภ ผู้ที่มีความทุกข์เดือดร้อนก็จะนำเครื่องสักการะมาถวาย รวมทั้งบนบานศาลกล่าวขอให้พ้นจากเภทภัย พ้นจากความทุกข์ร้อน มักจะประสบความสำเร็จสมปรารถนา ทำให้มีการแก้บนด้วยการถวายไข่ต้มบ้าง พวงมาลัยบ้าง และที่ขาดไม่ได้ คือการแก้บนด้วยละครรำ จนทางวัดต้องจัดทำโรงละครไว้ที่หน้าพระอุโบสถ เพื่อไว้ให้คณะละครได้แสดงแก้บน" กล่าว