
81.6%'ไม่รู้หลักโอวาทปาติโมกข์'
สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระโอวาทวันมาฆบูชาปี 56 “ให้ชีวิตงดงามด้วยศีล สมาธิ ปัญญา” ขณะที่เอแบคโพลล์สำรวจพบ 81.6% ไม่รู้หลักธรรมโอวาทปาติโมกข์
เนื่องในวันมาฆบูชา ประจำปี 2556 ซึ่งตรงกับวันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้ นายปรีชา กันธิยะ อธิบดีกรมการศาสนา (ศน.) เปิดเผยว่า สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้ประทานพระโอวาทเนื่องในวันมาฆบูชา ความตอนหนึ่งว่า "พระพุทธศาสนา แสดงว่า พระสุคต คือพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด และแสดงว่า บุคคลย่อมงามในเบื้องต้นด้วยศีล งามในท่ามกลางด้วยสมาธิ งามในที่สุดด้วยปัญญา เพราะว่าศีลทำให้กาย วาจา หรือพฤติกรรมเรียบร้อยงดงาม สมาธิทำให้ความรู้สึกนึกคิดและจิตใจสงบเยือกเย็นและมั่นคง ปัญญาทำให้ความรู้ความสามารถสะอาดบริสุทธิ์เป็นไปในทางสร้างสรรค์สิ่งที่ดีงามแก่ชีวิต เมื่อประมวลเข้าด้วยกัน ศีล สมาธิ ปัญญา ก็คือคุณเครื่องทำให้ชีวิตงดงาม"
วันมาฆบูชา คือ วันที่พระพุทธองค์ทรงแสดงหลักการสำคัญของพระพุทธศาสนา โดยย่นย่อ ส่วนหนึ่งของหลักการสำคัญดังกล่าวก็คือ การไม่ทำบาปทั้งปวง การทำความดีให้ถึงพร้อม และทำจิตของตนให้บริสุทธิ์ ซึ่งก็คือ หลักศีล สมาธิ ปัญญา นั่นเอง ฉะนั้น วันมาฆบูชา จึงถือได้ว่าเป็นวันแห่งความงามของชีวิต จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย น้อมจิตรำลึกถึงพระพุทธเจ้า พร้อมทั้งน้อมนำเอาพระธรรมคำสอนของพระองค์มาบริหารจัดการชีวิตของตนให้งดงามด้วยการปฏิบัติตามหลักศีล สมาธิ ปัญญา ทั่วกัน
นายปรีชากล่าวว่า กรมการศาสนาได้จัดพิมพ์บัตรอวยพรเป็นภาพพระพุทธชินสีห์ปางมารวิชัย พระโอวาทสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โอวาทและคำอำนวยพรของสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช วัดสระเกศ และสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ คณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช พร้อมโปสเตอร์ และหนังสือสวดมนต์วันมาฆบูชา จำนวน 3 หมื่นชุดแจกจ่ายให้แก่หน่วยงานราชการ ประชาชน ผู้สนใจทั่วประเทศ พร้อมกับเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์กระทรวงวัฒนธรรม www.m-culture.go.th และเว็บไซต์กรมการศาสนา www.dra.go.th โดยส่วนกลางจะจัดงานใหญ่ที่สนามหลวงในวันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้
ขณะที่เอแบคโพลล์ และสวนดุสิตโพล ได้สำรวจความคิดเห็นประชาชนต่อวันมาฆบูชา โดย ดร.นพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่องความดีที่จะทำ ความชั่วที่จะละ และจิตใจที่บริสุทธิ์ของคนไทยในวันมาฆบูชา โดยศึกษาตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 1,839 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 18-23 กุมภาพันธ์ พบประชาชนสัดส่วน 71.1% ทราบว่า วันมาฆบูชา คือวันที่ 25 กุมภาพันธ์ แต่พบว่า 81.6% ไม่ทราบหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าแสดงในวันดังกล่าว มีเพียงร้อยละ 18.4 ที่ระบุว่าทราบ และตอบได้คือ โอวาทปาติโมกข์ แต่ในกลุ่มคนที่ตอบได้ถูกต้องว่าคือ โอวาทปาติโมกข์นั้น มีเพียง 38.9% ที่ตอบได้ว่าเนื้อหาสาระคือ ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ ในขณะที่ 61.1% ตอบไม่ได้เกี่ยวกับเนื้อหาสาระธรรมของโอวาทปาติโมกข์
ผลสำรวจยังพบว่า ประชาชน 88.8% ระบุว่า ความดีที่ตั้งใจจะทำในวันมาฆบูชาอันดับแรกคือ การทำบุญตักบาตร รองลงมา 88.1% ดูแลเอาใจใส่คนในครอบครัว 73.9% ระบุมีความเมตตา กรุณา มีน้ำใจ ให้อภัยผู้อื่น ขณะที่ 61.9% ระบุจะไปเวียนเทียน 45.1% ถวายสังฆทาน 40.2% ฟังธรรมเทศนา 39.0% ทำความสะอาดบ้าน 26.7% ช่วยทำประโยชน์ต่อสังคม เช่น ปลูกต้นไม้ ทำความสะอาดที่สาธารณะ และ 16.3% ช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก ทำทานสงเคราะห์ผู้อื่น เป็นต้น
เมื่อถามถึงความชั่วที่จะละเว้น และจะชักชวนคนอื่นให้ละเว้น 81.4% ระบุว่าไม่เบียดเบียน ไม่ทำร้าย ไม่ใส่ร้ายผู้อื่น 72.6% ระบุว่า ไม่โกรธ ไม่โมโห 68.1% ไม่พูดโกหก ไม่ทุจริต 59.8% ไม่เล่นการพนัน 59.5% ไม่ทะเลาะวิวาท 56.3% ไม่ลักขโมย 52.9% เลิกแบ่งสี เลิกแตกแยกกันในหมู่ประชาชน 48.9% ไม่ดื่มเหล้า 47.7% ไม่นอกใจคู่รัก 32.8% เลิกสูบบุหรี่ และ 20.5% ระบุอื่นๆ เช่น ไม่นินทาว่าร้าย ไม่รังแกสัตว์ ไม่กลั่นแกล้งผู้อื่น เป็นต้น
เมื่อถามถึงวิธีที่จะแสดงออกถึงความมีจิตใจที่บริสุทธิ์ คืออะไรบ้าง พบว่า 93.5% ระบุว่า รอยยิ้ม 65.9% แววตา 60.7% สีหน้า ใบหน้า 58.2% กิริยาท่าทาง 51.4% สำเนียง การพูด และ 9.2% ระบุอื่นๆ เช่น การกะพริบตา การมีสมาธิ ปัญญา สติ เป็นต้น
นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบด้วยว่า 92.7% เห็นว่ารัฐบาลควรดำเนินการส่งเสริมงานด้านพระพุทธศาสนาให้มากขึ้นกว่านี้
ด้านสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้เผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็น ในหัวข้อคนกรุงกับ “วันมาฆบูชา” โดยได้สอบถามความคิดเห็นของคนกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 1,136 คน ระหว่างวันที่ 20-24 กุมภาพันธ์ 2556 สรุปประเด็นที่ว่า “ประชาชน” คิดอย่างไรกับวันมาฆบูชา” พบว่า 48.06% ระบุว่าเป็นโอกาสอันดีที่พุทธศาสนิกชนไทยจะนำวันนี้เป็นวันเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ ดีๆ เข้าวัดทำบุญเพื่อเป็นสิริมงคล 27.23% ระบุว่า เป็นวันหยุดพิเศษ 1 วัน ทำให้มีเวลาได้อยู่กับครอบครัว ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันและ 24.71% อยากให้คนไทยให้ความสำคัญและช่วยกันส่งเสริม ทำนุบำรุงศาสนา โดยเฉพาะวัยรุ่น
เมื่อถามว่า ประชาชนรู้ประวัติความเป็นมาของ “วันมาฆบูชา” มากน้อยเพียงใด 50.20% ระบุว่า พอรู้บ้าง เพราะมีในบทเรียน เป็นวันที่ผู้ใหญ่มักสอนเสมอว่า "ให้ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์" 31.63% ระบุว่า รู้เป็นอย่างดีว่าเป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง "โอวาทปาติโมกข์" แก่พระสงฆ์เป็นครั้งแรก เกิดเหตุอัศจรรย์ 4 ประการ มีพระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกัน ณ วัดเวฬุวันโดยมิได้นัดหมาย 12.24% ไม่ค่อยรู้ เพราะจำประวัติความเป็นมาไม่ค่อยได้ ในประเทศไทยมีวันสำคัญทางศาสนาหลายวัน และ 5.93% ไม่รู้เลย เพราะไม่ได้สนใจหรือให้ความสำคัญกับความหมายของวันนี้ แต่ถ้ามีโอกาสก็จะทำบุญใส่บาตร
ทั้งนี้ เมื่อถามว่า ประชาชนจะทำกิจกรรมอะไรเป็นพิเศษใน “วันมาฆบูชา” นี้หรือไม่ พบว่า 71.68% ระบุว่า กิจกรรมที่ทำคือ ทำบุญ ตักบาตร ปล่อยนก ปล่อยปลา เข้าวัด สวดมนต์ เวียนเทียน ทำความสะอาดหิ้งพระ อยู่กับครอบครัว และ 28.32% ระบุว่า ไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรเป็นพิเศษ เพราะติดธุระ ต้องทำงาน ไม่ว่าง ไม่สะดวก
สำหรับประเด็นที่ว่า ประชาชนอยากอธิษฐานอะไรในวันนี้บ้าง เนื่องจาก “วันมาฆบูชา” เป็นวันแห่งความรัก ความศรัทธา ทางพระพุทธศาสนา พบว่า 54.66% ขอให้ตนเองและครอบครัวมีความสุขความเจริญ ไม่มีโรคภัย สุขภาพแข็งแรง 28.19% ระบุว่า ขอให้บ้านเมืองสงบสุข มีแต่สิ่งดีๆ เกิดขึ้นในบ้านเมือง และ 17.15% ขอให้คนไทยรักกัน สามัคคีกัน