'สิเรียม'เปิดใจเหตุเรียนป.เอกพุทธ
'สิเรียม'เปิดใจ...เหตุเรียนป.เอกพุทธ แสวงหา'ความงาม-ทรัพย์'ภายใน : สำราญ สมพงษ์รายงาน
หากพูดถึงความงามแล้ว "แอน"สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ ดารา นักแสดง พิธีกร คงไม่เป็นสองรองใคร และหากจะพูดถึงความรวยแล้วก็ถือได้ว่าเธอเป็นนักธุรกิจติดอันดับคนหนึ่ง หลังจากหันชีวิตมาทำธุรกิจความงาม "สิเรียม บิวตี้ แคร์" ภายใต้บริษัทไบโอคอส กรุ๊ป จากการรายงานผลประกอบการในปี 2555 มียอดขายรวม 700 ล้านบาท
ทั้งความงามและทรัพย์สินของ "สิเรียม" ดังกล่าว ถือว่าเป็นความงามและทรัพย์ภายนอก เธอจึงไม่หยุดหรือหลงอยู่เพียงเท่านี้ ยังได้แสวงหาความงามและทรัพย์ภายในด้วยการเข้าวัดปฏิบัติธรรม รวมถึงได้สมัครเข้าเรียนระดับปริญญาเอกสาขาวิชาพระพุทธศาสนา ที่บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) วัดมหาธาตุ ท่าพจันทร์ กรุงเทพฯ ที่มีพระสุธีธรรมานุวัตร หรือเจ้าคุณเทียบเป็นคณบดี และสอบติดเริ่มเรียนไปได้ 2 สัปดาห์แล้ว
ล่าสุดเธอได้สัมภาษณ์เปิดใจถึงสาเหตุที่เข้าเรียนด้านพระพุทธศาสนาที่ มจร ตามระบุในเอกสารประชาสัมพันธ์การสมัครเข้าเรียนคณะพุทธศาสตร์ระดับปริญญาตรี-เอก มจร ความว่า โดยชีวิตส่วนตัวของแอน ก็คงไม่ต่างจากชีวิตชาวพุทธปกติทั่วไป คือ ได้นับถือพระพุทธศาสนาตามบรรพบุรุษและตามศรัทธาในพระพุทธศาสนา ได้ทำบุญตักบาตรตามคุณย่า คุณยาย แต่ได้สนใจพระพุทธศาสนาจริงๆจัง คือ ช่วงที่มีโอกาสเข้าปฏิบัตธรรมวิปัสสนาที่ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย จึงเห็นว่าพระพุทธศาสนานั้นมีอะไรดี ๆ กับชีวิตเราอีกเยอะมาก พระพุทธศาสนาไม่ได้สอนนอกตัวเอาเลย พระพุทธเจ้าได้สอนความจริงกับชีวิตให้เราได้สอนเรื่องทุกข์ สุมทัย นิโรธ มรรค ในตัวเรานี่เอง เมื่อมีโกาสจึงได้เข้าปฏิบัติวิปัสสนาตลอดมา แต่เป็นการปฏิบัติตามเวลาที่มีอยู่จำกัด เพราะแอนยังต้องทำงาน มีครอบครัวและได้นำหลักธรรมมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันเท่านั้นยังไม่มีโอกาสได้ศึกษาตามเนื้อหาบทเรียนที่มีอยู่ในคัมภีร์ทางพระพทูศาสนาคือปพระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกา ดังนั้น หากมีโอกาสก็จะเรียพพระพุทธศาสนาอย่างเต็มที่
เมื่อถามว่าเหตุใดถึงตัดสินใจมาเรียนที่ มจร "สิเรียม" กล่าวว่า มีเหตุผลหลักที่แอนตัดสินใจเลือกเรียนที่นี่คือ เป็นหลักสูตรสาขาพระพุทธศาสนาในระดับปริญญาเอกที่เน้นการเรียนการสอน และการทำวิจัย นอกจากได้ศึกษาแนวคิด ทฤษฎีทางพระพุทธศาสนาแล้ว ยังได้ทำวิทยานิพนธ์อีกด้วย เพราะจุดเริ่มต้นที่สนใจพระพุทธศาสนาดังที่กล่าวมาคือ แอนได้เข้าปฏิบัติวิปัสสนา ดังนั้นในการทำวิทยานิพนธ์ของแอนจึงเลือกทำวิทยานิพนธ์ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติวิปัสสนา ซึ่งแอนเองก็ปฏิบัติมาโดยตลอด อีกอย่างแอนคิดว่า สาขาวิชานี้เราพอมีอะไรเป็นต้นทุนอยู่บ้างแล้ว ต้นทุนที่ว่าคือต้นทุนที่เราเป็นชาวพุทธ ตั้งแต่เกิดทำบุญตักบาตร ตั้งแต่เล็กจนโตเราจะได้มีโอกาสเรียนรู้ว่า ชาวพุทธที่แท้คืออะไร ทำบุญตักบาตร สวดมนต์ได้บุญอย่างไร และที่สำคัญคือเราจะได้รู้ว่าชีวิตเราอคืออะไร ควรเป็นอย่างไร
ส่วนเหตุที่แอนตัดสินใจเลือกเรียนที่มหาจุฬาฯ เพราะแอนเคยร่วมกิจกรรมของมหาวิทยาลัยมานานพอสมควร คือ ได้มีโอกาสบริจาคเงินเพื่อพิมพ์คัมภีร์บาลีของมหาจุฬาฯ บริจาคสร้างกุฏิกรรมฐานสำหรับพระนิสิตของมหาวิทยาลัยที่วิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆส ได้รู้จักงานของมหาวิทยาลัยจากเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ กรรมการมหาเถรสมาคม และได้เห็นกิจกรรมของมหาวิทยาลัยที่ออกมาทางสื่อเรื่อยๆ เช่น ท่านพระพรหมบัณฑิตแสดงปาฐกถางานวิสาขาบูชาโลก ในความคิดของแอนคิดว่ามหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯเป็นแหล่งผลิตพระบัณฑิตทางพระพุทธศาสนา มีอาจารย์ทางพระพุทธศาสนาเก่งๆที่จบจากที่นี่และมีชื่อเสียงทางพระพุทธศาสนาเป็นที่ยอมรับทั่วโลก ชาวพุทธทั่วโลกจึงเลือกประเทศไทยและเลือมหาจุฬาฯเป็นเจ้าภาพจัดงาน
"ไม่มีวิชาใดที่ช่วยให้เราเข้าใจชีวิตและอยู่ในสังคมได้อย่างสงบสุขได้ดีกว่าวิชาพระพุทธศาสนาแอนจึงเลือกเรียนหลักสูตรนี้ (สาขาวิชาพระพุทธศาสนา) ในมหาวิทยาลัยทางพระพุทธศาสนาชั้นนำที่ได้รับการยอมรับจากชาวพุทธทั่วโลก" "สิเรียม" ระบุในเอกสารประชาสัมพันธ์สมัครเรียนบัณฑิตวิทยาลัย มจร ที่เธอรับทำหน้าที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ร่วมกับนักศึกษาที่มีชื่อเสียงอีกหลายคน
จึงนับได้ว่า "สิเรียม" เมื่อเธอมีความงามเป็นทรัพย์และใช้เป็นฐานในการแสดงหาทรัพย์จนมียอดรายได้ของบริษัท 700 ล้านบาท แต่เธอไม่หยุดเพียงเท่านั้นจึงได้สมัครเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาเอกด้านพระพุทธศาสนาที่ มจร เพื่อแสดงหาความงามและทรัพย์ภายในที่ตามหลักธรรมเรียกว่า อริยทรัพย์คือทรัพย์อันประเสริฐ 7 ประการคือ ศรัทธา ศีล หิริ-ความละอายใจต่อการทำความชั่ว โอตตัปปะ-ความเกรงกลัวต่อความชั่ว พาหุสัจจะ-ความเป็นผู้ได้ศึกษาเล่าเรียนมาก จาคะ-ความเสียสละเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และปัญญา-ความรู้ความเข้าใจถ่องแท้ในเหตุผล ดีชั่ว ถูกผิด คุณโทษ ประโยชน์ มิใช่ประโยชน์ รู้คิด รู้พิจารณา และรู้ที่จะจัดทำ ความตั้งใจของ "สิเรียม" จึงเป็นสิ่งที่น่าอนุโมทนายิ่ง