
กินอาหารที่พระไม่อนุญาตจะเป็นเปรตไหม
กินอาหารที่พระไม่อนุญาต จะเป็นเปรตไหม : ปุจฉา -วิสัชนา กับพระไพศาล วิสาโล
ปาล์มนี่ จิบใจ ปุจฉา : นมัสการเจ้าค่ะ อยากเรียนถามเกี่ยวกับเรื่องบางอย่างที่ได้ยินมาว่ารู้จริงรึเปล่า เขาบอกว่า ถ้าเรานำอาหารไปทำบุญที่วัด หลังจากพระฉันอาหารแล้ว ถ้าเรานำอาหารนั้นมากินต่อ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากตัวแทนสงฆ์ เราจะเป็นเปรต อันนี้จริงไหมเจ้าคะ แล้วถ้าจริง อาหารที่เหลือก็จะต้องเททิ้งเท่านั้นหรือเจ้าคะ ถ้าพระคุณเจ้าพอมีเวลา รบกวนช่วยตอบด้วยนะเจ้าคะ อยากรู้จริงๆ เจ้าค่ะ
วิสัชนา : ตามธรรมเนียมไทย เมื่อพระฉันอาหารเสร็จ ฆราวาสที่มาวัดก็จะกินอาหารที่เหลือ รวมทั้งทำความสะอาดภาชนะหลังจากนั้น แม้สงฆ์จะไม่ได้ออกปากอนุญาตให้ฆราวาสเอาอาหารไปกิน แต่ก็เป็นเรื่องที่รู้กัน เพราะปกติฆราวาสก็กินหลังพระอยู่แล้ว ดังนั้นคุณจึงไม่ควรกลัวว่ากินอาหารที่เหลือจากพระฉัน จะเป็นบาป จะเป็นบาปก็ต่อเมื่อเอาอาหารที่ถวายพระมากินก่อนที่ท่านจะฉัน คนไทยเชื่อว่า ใครทำเช่นนั้นตายไปแล้วจะกลายเป็นเปรต
เพื่อนชอบพอกับพระ ควรทำอย่างไรดี
ปุจฉา : นมัสการและขอเรียนถามท่านเรื่องหนึ่งนะคะ พอดีมีเพื่อนคนหนึ่งไปรักกับพระ และได้คบกันผ่าน whatsApp คือสองคนนี้ได้เจอตัวเป็นๆ และเริ่มแอบชอบกันมาเกือบเดือนในวัดค่ะ พวกเราซึ่งเป็นเพื่อนก็แอบเตือนทั้งเพื่อนเราและพระว่า ไม่งาม แถมพระรูปนี้ก็ทำหลายสิ่งที่ไม่เหมาะสมมากๆ หลายอย่าง ทั้งเล่นเฟซบุ๊ก พูดจาโกหก โทรมาหึงหวงกับคนอื่นๆ ที่บริษัท พยายามขอเพื่อนเราแต่งงาน ทั้งๆ ที่ท่านยังอยู่ในผ้าเหลือง ฯลฯ แบบนี้พระรูปนี้น่าจะหมดความเป็นพระแล้วใช่ไหมคะ เพราะเท่าที่ดิฉันได้เคยรู้มา สมณะแปลว่า ผู้ครองธรรม ในขณะที่พระรูปนี้ไม่ได้ครองตนอยู่ในศีลและธรรมเลย แต่เพื่อนๆ ในกลุ่มไม่อยากทำอะไรมาก เพราะคิดว่า ตำหนิพระไปก็เป็นบาป
รบกวนอยากได้คำแนะนำดีๆ จากท่านไปชี้ทางสว่างให้เพื่อนตัวเองด้วยค่ะ ขอบพระคุณท่านมากค่ะ
วิสัชนา: การพูดจาเกี้ยวพาราสีหญิงสาวนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องสำหรับพระก็จริง แต่ยังไม่ถือว่าเป็นอาบัติหนัก ไม่ใช่อาบัติปาราชิก (แต่เป็นอาบัติสังฆาทิเสส ซึ่งต้องอยู่ปริวาสกรรม จึงพ้นอาบัติได้) ดังนั้นพระที่คุณพูดถึงนั้น ถ้าว่าโดยพระวินัยแล้ว ยังไม่ขาดจากความเป็นพระ แต่ศีลมัวหมองแล้ว
การตักเตือนพระที่ประพฤติตนไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะการมีพฤติกรรมอย่างที่คุณว่ามานั้น เป็นสิ่งที่พุทธบริษัทพึงกระทำ ไม่ถือว่าเป็นบาป หากเตือนท่านแล้วไม่ได้ผล ควรบอกให้ท่านเจ้าอาวาสทราบ
ส่วนเพื่อนของคุณนั้น คุณควรเตือนสติให้เธอมีความยับยั้งชั่งใจ รวมทั้งไตร่ตรองดูว่า คนที่เธอชอบพอนั้นเป็นคนดีจริงหรือ ขนาดเป็นพระครองผ้าเหลือง มีพระวินัยเป็นเครื่องควบคุมกายวาจา ยังมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมแบบนี้ หากสึกออกไปเป็นฆราวาส อยู่กินกับเธอ จะไม่มีพฤติกรรมที่ยิ่งกว่านี้อีกหรือ แม้แต่ศีล ๕ จะรักษาให้ครบได้หรือไม่ ก็ยังน่าสงสัย
สายด่วนให้คำปรึกษาทางจิตใจผู้ป่วยระยะสุดท้าย โทร.๐-๒๘๘๒-๔๙๕๒ และ ๐๘-๖๐๐๒-๒๓๐๒ จันทร์ถึงศุกร์ เวลา ๑๐.๐๐-๑๖.๐๐ น.