พระเครื่อง

'มโนมัย อัศวธีระนันท์'ผู้ชำนาญพระอยุธยา

'มโนมัย อัศวธีระนันท์'ผู้ชำนาญพระอยุธยา

23 ธ.ค. 2555

'เล่นพระดี ดูพระเก่งขนาดนี้ เป็น เซียนพระ ได้แล้ว'...'มโนมัย อัศวธีระนันท์' ผู้ชำนาญ 'พระอยุธยา' : เส้นทางนักพระเครื่อง : ตาล ตันหยง

               จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในอดีตเคยเป็นราชธานีของไทยมานานกว่า ๔๐๐ ปี มีพระมหากษัตริย์หลายพระองค์ที่มีพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างมาก ทรงสร้างวัดวาอารามเอาไว้มากมาย รวมทั้งโบราณสถานต่างๆ ที่ยังปรากฏหลักฐานจนถึงทุกวันนี้

               ขณะเดียวกัน ทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมา กรุงศรีอยุธยายังมีพระเถราจารย์ผู้มีวิชาอาคมอันแก่กล้ามากมายหลายท่าน ซึ่งเป็นหลักชัยที่พึ่งพาอาศัยของชาวบ้านในทุกด้าน โดยมีการถ่ายทอดวิชาการต่างๆ ให้แก่ศิษยานุศิษย์รุ่นแล้วรุ่นเล่า อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด

               ด้วยเหตุนี้ จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไม จ.พระนครศรีอยุธยา ในทุกวันนี้จึงมีพระกรุพระเก่าและพระเครื่องของเกจิอาจารย์ผู้เรืองวิทยาคมมากหลายท่าน ให้อนุชนคนรุ่นหลังได้สะสมและศึกษาอย่างมากมาย นับเป็นมรดกอันล้ำค่าที่คนรุ่นนี้ควรอนุรักษ์และหวงแหน

               มโนมัย อัศวธีระนันท์ นับเป็นคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสนใจศึกษาพระกรุพระเก่าของกรุงศรีอยุธยาอย่างจริงจัง จนเรียกได้ว่า “แตกฉาน” อย่างที่สุด

               มโนมัย หรือที่คนในวงการพระเรียกกันสั้นๆ ว่า “มโน” กล่าวว่า “ผมเกิดที่ จ.พะเยา ไปโตที่ จ.จันทบุรี เรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ จบชั้น ปวช. แล้วหางานทำทันที สารพัดอาชีพ ที่หนักหน่อยก็สมัยที่ไปทำเหมืองพลอยทางชายแดนด้านบ่อไร่ ติดกับเขมร ทำอยู่ ๒ ปี เป็นไข้มาลาเรีย ๑๐ ครั้ง จนแทบเอาตัวไม่รอด แถมยังถูกโกงอีก ก็เลยเลิก จากนั้นได้เดินทางมาอยู่ที่อยุธยา เมื่อปี ๒๕๓๕ โดยเปิดร้านขายเทปเพลง  ต่อมามีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์เลยเลิก หันมารับงานซ่อมคอมพิวเตอร์ ปรากฏว่าไปได้ดีพอสมควร ช่วงนั้นผมเกิดความสนใจในเรื่องโบราณสถาน เพราะที่อยุธยามีมากมาย จึงข้อมูลโดยหาหนังสือมาอ่าน และเข้าชมโบราณวัตถุต่างๆ ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา เกิดความประทับใจมาก ไม่คิดมาก่อนว่า คนสมัยก่อนจะมีความรู้ความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานด้านศิลปหัตถกรรมอย่างล้ำเลิศ ด้วยฝีมือระดับปรมาจารย์อย่างแท้จริง ตรงจุดนี้เองที่ทำให้ผมเกิดความสนใจในพระกรุพระเก่า โดยเฉพาะของพระกรุเมืองอยุธยาอย่างจริงจัง”

               มโน กล่าวว่า “พระบูชา พระเครื่อง พระแผง และเครื่องทองต่างๆ ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา ก็ได้แต่ชมด้วยสายตาเท่านั้น จับต้องสัมผัสไม่ได้ ทางเดียวที่จะทำได้ คือ ต้องขอดูพระจากผู้หลักผู้ใหญ่ที่รู้จักกัน ตลอดจนตามสนามพระทั้งในอยุธยาและที่กรุงเทพฯ โดยเฉพาะพระกรุวัดราชบูรณะ ที่มีมากมายทั้งจำนวนพิมพ์และจำนวนสร้าง องค์ไหนที่ถูกใจก็ขอเช่าเอามาเก็บ เพื่อจะได้ส่องดูหาข้อมูลในพิมพ์ทรงองค์พระและเนื้อหามวลสารอย่างละเอียด จนทำให้ผมมีพระกรุนี้มากมายหลายองค์ ตอนนั้นยังไม่ได้คิดจะขายต่อแต่อย่างใด”

               ต่อมามีหลานอาของเซียนพระคนหนึ่งมาขอแบ่งพระบางองค์เพื่อเอาไปขายต่อให้อาของเขา เห็นว่าเป็นหนทางหนึ่งที่สามารถทำรายได้จึงแบ่งพระให้เขาไป ทำอยู่อย่างนี้เป็นประจำ จนเซียนพระคนนั้นแปลกใจมากว่า ทำไมพระที่ได้จากหลานจึงล้วนเป็นพระแท้ทุกองค์ เมื่อรู้ว่าได้มาจาก มโน เซียนพระคนนั้นถึงกับขอตัวดู พร้อมกับกล่าวชม มโน ว่า เล่นพระดี มีพระแท้ สายตาเฉียบขาดมาก เก่งขนาดนี้เป็น “เซียนพระ” ได้แล้ว

               “ตรงนี้เองที่จุดประกายให้ผมอยากรู้เรื่องพระมากกว่านี้ จึงเข้าไปดูในเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งมีหลายเว็บที่ให้ข้อมูลที่ดีและมีภาพพระแท้ให้ศึกษา ซึ่งนอกจากพระกรุวัดราชบูรณะแล้ว พระเกจิอาจารย์กรุงศรีอยุธยาก็มีหลายท่านที่เก่งกล้าสามารถมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อ.เสนา จึงไปขอเช่าพระหลวงพ่อปานจากเซียนพระชาวอยุธยาคนหนึ่ง ซึ่งเล่นพระสายนี้โดยตรง เชื่อถือได้ เอามาศึกษาองค์แล้วองค์เล่า จนได้ข้อมูลโดยสรุปว่า พระหลวงพ่อปาน มีจุดสังเกตตรงไหน เนื้อพระของแท้เป็นอย่างไร จากการศึกษาอย่างจริงจัง รวมทั้งเดินทางไปที่วัดบางนมโค เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมจากคนเก่าคนแก่ที่เก็บพระหลวงพ่อปานมาตั้งแต่สมัยโน้น ผมจึงเอามาวิเคราะห์เจาะลึกจนได้ข้อสรุปว่า พระหลวงพ่อปาน ไม่ได้มีจำนวนพิมพ์อย่างที่วงการพระซื้อขายกันเท่านั้น แต่มีมากกว่านั้น เท่าที่ผมได้ศึกษาในเวลานี้สรุปได้ว่ามีมากกว่า ๘๐ พิมพ์ อย่างเช่น พิมพ์เม่นกระโดด พบเห็นน้อยมาก ผมก็ได้มาแล้ว พิจารณาพิมพ์ เนื้อพระ และรอยอุดผง รับรองได้เลยว่า เป็นพระแท้แน่นอน” มโน กล่าวในตอนหนึ่ง

               หรืออย่างเรื่อง หุ่นพยนต์ อาจารย์ลอย โพธิ์เงิน วัดสุวรรณ เกจิอาจารย์ฆราวาสผู้มีวิชาอาคมขลัง เป็นเครื่องรางชนิดหนึ่งที่คนสมัยก่อนนิยมกันมาก ปรากฏว่าต่อมามี ของปลอม ออกมามากมาย สับสนไปหมด จนนักเล่นขยาดไปตามๆ กัน

               มโน กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “มีผู้ให้ผมเขียนเรื่องหุ่นพยนต์ อ.ลอย จึงได้ศึกษาในแนวเจาะลึก โดยได้ข้อมูลมาจากญาติของ อ.ลอย รวมทั้งลูกศิษย์ที่อยู่ทันท่าน และผู้นิยมสะสมหุ่นพยนต์ของท่านรุ่นแรกๆ ตั้งแต่ยังราคายังไม่สูง ซึ่งคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ซื้อเก็บอย่างเดียวไม่ได้ขายต่อ  ทำให้ผมได้ข้อยุติในเรื่องนี้ รวมทั้งหลักการพิจารณาของแท้ของปลอมว่าแตกต่างกันตรงไหนอย่างไร จนทุกวันนี้มีผู้กล้าซื้อกล้าสะสมกันมากขึ้น เพราะมีจุดจบในการพิจารณาหลายอย่าง แต่เนื่องจากของแท้มีน้อย การเช่าหาจึงค่อนข้างสูง บางตัวราคาหลักแสนขึ้นไปก็มีคนกล้าซื้อ เพราะนำไปใช้แล้วได้ผลจริงๆ”

               สำหรับ พระกรุสมัยกรุงศรีอยุธยา จากการศึกษาในเชิงลึกของ มโน พบว่ามีอีกมากมายหลายกรุที่ผู้คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักไม่เคยพบเห็น มโน ก็ได้นำภาพลงให้ชมเพื่อการศึกษาในเว็บไซต์ “พิณประภา” (http://www.pinprapa.com) รวมทั้งพระเกจิอาจารย์ เมืองอยุธยา อีกหลายท่าน โดยเฉพาะ พระหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ที่ได้รวบรวมไว้แล้วกว่า ๘๐ พิมพ์ทรง

               นอกจากนี้ เรื่องของ พระกรุวัดราชบูรณะ จากการศึกษาของ มโน พบว่า ไม่ได้สร้างในสมัย เจ้าสามพระยา (สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๒) แต่อย่างใด หากแต่สร้างในช่วงฉลองพระพุทธศาสนาครบรอบ ๒,๐๐๐ ปี (พ.ศ.๒๐๐๐) สมัย สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (ประสูติ พ.ศ.๑๙๗๔ ครองราชย์ พ.ศ.๑๙๙๐ เสด็จสวรรคต พ.ศ.๒๐๓๑) ซึ่งเรื่องนี้จะได้นำมาเสนอในโอกาสต่อไป

               ท้ายที่สุด มโน บอกว่า ต้องขอขอบพระคุณ ศ.นพ.พรพรหม เมืองแมน (หมอต้น ศิริราช), พ.ต.อ.อรรณพ กอวัฒนา, คุณวันชัย มวลชนชนะ, คุณเชาวน์ ฐิติศักดิ์โยธิน และผู้มีพระคุณอีกหลายท่าน ที่ได้สนับสนุนและให้กำลังใจในการทำงานศึกษาค้นคว้าข้อมูล “พระอยุธยา” มาโดยตลอด เพื่อให้ท่านที่สนใจด้านนี้ได้ศึกษาและสะสม “พระอยุธยา” ได้อย่างถูกต้อง และช่วยกันอนุรักษ์มรดกอันล้ำค่านี้ให้อยู่คู่แผ่นดินไทยไปตลอดกาล