
กฐินทาน-กรานกฐิน : คำวัด
กฐินทาน-กรานกฐิน : คำวัดโดยพระธรรมกิตติวงศ์
การทำบุญถวายผ้ากฐินที่เรียกว่า กฐินทาน เกิดขึ้นและมีการปฏิบัติมาตั้งแต่เมื่อครั้งที่พระพุทธองค์ได้ทรงอนุญาตให้พระภิกษุผู้อยู่จำพรรษาถ้วนไตรมาสแล้วรับผ้าที่ประชาชนถวายหลังจากออกพรรษา ซึ่งเป็นฤดูจีวรกาล คือช่วงระยะเวลาการทำจีวรของพระภิกษุ เพื่อเปลี่ยนผ้านุ่งผ้าห่มใหม่ (แทนผ้าที่เก่ามากหรือขาดชำรุด) โดยเริ่มทำในวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ กลางเดือน ๑๒ ดังนั้น กฐินทานจึงมีกำหนดระยะเวลาในการถวายพระสงฆ์วัดต่างๆ ในช่วงออกพรรษาแล้วเพียง ๒๙ วัน
บริวารกฐินที่นิยมจัดมาแต่โบราณมีหลายอย่างที่หลักๆ เช่น ผ้าห่มพระประธาน (ถวายบูชาองค์พระพุทธปฏิมาประธาน) เทียนพระปาติโมกข์ (สำหรับจุดบูชาการสวดพระปาติโมกข์) และของสำหรับถวายแก่พระภิกษุที่ครองกฐิน ก็มีบาตร เข็มเย็บผ้า มีดโกน กระบอกกรองน้ำ (จัดใส่ไว้ในบาตร) หมอน มุ้ง เสื่อ ร่ม รองเท้า สำรับอาหารคาวหวาน เป็นต้น ตลอดทั้งมีของถวายไว้เป็นส่วนกลางในวัด เช่น ถ้วย ชาม หม้อ จาน เป็นต้น อันสิ่งของเหล่านี้มิได้เป็นข้อกำหนดว่าจะต้องจัดให้มีในกฐินทานเสมอไป แต่จะลดหรือเพิ่มเติมอะไรก็ได้ที่เจ้าภาพมีศรัทธา และเห็นว่าสมควรแก่พระภิกษุสามเณรหรือสำหรับเป็นของใช้สอยในวัดวาอารามนั้นๆ
ทั้งนี้ พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙ ราชบัณฑิต) เจ้าอาวาสวัดราชโอสาราม ได้อธิบายความหมายของคำว่า กฐินทาน หมายถึง การถวายผ้ากฐิน การทอดกฐิน สิ่งของถวายร่วมกับผ้ากฐิน
กฐินทาน หมายถึง การที่ทายกทายิกาผู้มีศรัทธานำผ้าพร้อมทั้งบริวารไปถวายสงฆ์ผู้จำพรรษาครบ ๓ เดือน ที่วัดใดวัดหนึ่ง ภายในเขตกำหนด เพื่อให้สงฆ์วัดนั้นประกอบสังฆกรรมทำเป็นผ้ากฐินแล้วอนุโมทนารับอานิสงส์ตามพระวินัยต่อไป เรียกกฐินทานโดยทั่วไปว่า ทอดกฐิน บ้าง ถวายกฐิน บ้าง
กฐินทาน มิใช่เฉพาะทายกทายิกาหรือชาวบ้านเท่านั้นที่ทำได้ แม้ภิกษุสามเณรก็สามารถทำ คือ เป็นเจ้าภาพกฐินและทอดกฐินได้ แต่ต้องมิใช่วัดที่ตัวเองจำพรรษาอยู่เท่านั้น ไปทอดวัดอื่นๆ ท่านไม่ห้าม
ส่วนความหมายของคำว่า "กฐินทาน" เจ้าคุณทองดี ให้ความหมายไว้ว่า เมื่อพระสงฆ์ในวัดรับผ้ากฐินแล้วจะประชุมกันทำสังฆกรรม โดยยกผ้ากฐินนั้นให้แก่ภิกษุรูปหนึ่ง ภิกษุรูปนั้นรับผ้านั้นแล้วก็นำไปซัก กะ ตัด เย็บ ย้อม ให้เสร็จภายในวันนั้น เสร็จแล้วก็ทำพินทุกัปปะอธิษฐานเป็นผ้าครอง วิธีการทั้งหมดนี้เรียกว่า กรานกฐิน
เมื่ออธิษฐานแล้วภิกษุผู้กรานกฐินประกาศให้สงฆ์อนุโมทนา สงฆ์รับทราบแล้วอนุโมทนา เรียกว่า อนุโมทนากฐิน เมื่อสงฆ์อนุโมทนาแล้วก็จะได้รับอานิสงส์กฐิน คือ ได้รับการยกเว้นวินัยบางประการ เช่น ไปในที่ต่างๆ โดยไม่ต้องนำผ้าไตรจีวรติดตัวไปครบสามผืนได้
ปัจจุบันผ้ากฐินส่วนใหญ่เป็นผ้าสำเร็จรูป กิจที่ต้องทำเบื้องต้น คือ ซัก กะ ตัด เย็บ ย้อม จึงไม่มีภิกษุผู้กรานกฐิน ทำเพียงทำพินทุกัปปะและอธิษฐานเป็นผ้าครองเท่านั้น