พระเครื่อง

หมอพรทิพย์กับพระเครื่องในภารกิจดับไฟใต้

หมอพรทิพย์กับพระเครื่องในภารกิจดับไฟใต้

20 ต.ค. 2555

“พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์”กับ...พระเครื่องชุดใหญ่ในภารกิจดับไฟใต้ : สรณะคนดัง เรื่อง / ภาพ โดยสุพิชฌาย์ รัตนะ

              กระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ เข้ามามีส่วนสำคัญในการคลี่คลายไขปมปัญหาหลายๆ เรื่องในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา จนชื่อของ “พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์” ในฐานะผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ถูกพูดถึงมากที่สุดทั้งในหมู่เจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐและชาวบ้าน เพราะเชื่อว่าแนวทางและภารกิจของสตรีที่ใครต่อใครเรียกติดปากว่า "คุณหญิงหมอ” จะช่วยสางความเคลือบแคลงระคนปนสงสัยได้ทุกคดีนั่นเอง
 
              ภาพของ "คุณหญิงหมอพรทิพย์” จึงติดตาคนปลายด้ามขวาน โดยเฉพาะการอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุทั้งระเบิด ลอบยิงลอบสังหารเหยื่อในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยภารกิจที่คุ้นชินนั่นคือการตะลุยเก็บหลักฐานเพื่อนำไปสู่การตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ ซึ่งเป็นจิ๊กซอว์สำคัญในการเชื่อมโยงเรื่องราวก่อนนำไปสู่การคลี่คลายคดี
 
              ด้วยภารกิจที่หนักอึ้ง ทำให้ต้องหาวิธีการสร้างสมาธิ และเพิ่มพลังใจในการทำงานบนพื้นที่ร้อนแรงที่ปลายด้ามขวาน โดย “หมอพรทิพย์” ในทุกๆ วันที่ต้องย่ำเท้าเข้าพื้นที่สีแดง จึงต้องการ “พึ่งพระ” และ "พึ่งธรรม” โดยเฉพาะการมาปฏิบัติราชการหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ “พระหลวงพ่อทวด” คือสิ่งที่ศรัทธาและเชื่อมั่นอย่างสนิทใจ ชนิดไร้ข้อกังขาในบารมีที่คุ้มครองป้องภัยมาชนิดนักต่อนัก
 
              “ปัญหาภาคใต้หมอใช้วิธีแก้ด้วยนิติวิทยาศาสตร์ทุกอย่างมีคำตอบสามารถเฉลยทุกอย่างให้กระจ่างชัดได้ กับอีกสิ่งที่เราพึ่งพิงทางใจ นั่นคือ พระ  และที่สามารถนึกถึงได้ทันทีนั่นคือ หลวงพ่อทวด จึงเริ่มศึกษาประวัติ ความเป็นมา กระทั่งพบว่าท่านมีตัวตนอยู่จริง ยิ่งเกิดความศรัทธามากขึ้น” พญ.คุณหญิงพรทิพย์ เล่า
 
              กอปรกับได้รับคำชี้แนะจาก "พระราชรัตนรังษี” ในฐานะประธานสงฆ์วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ประเทศอินเดีย และปฏิบัติหน้าที่เจ้าอาวาสวัดไทยลุมพินี ประเทศเนปาล ซึ่งส่องทางให้รู้ว่า “หลวงพ่อทวด” เป็นภิกษุสงฆ์ที่มีความเป็นมาเก่าแก่และอยู่คู่กับพระพุทธศาสนาในสังคมไทยมายาวนาน จนวันนี้ได้กลายเป็นพระที่คนไทยทั่วบ้านทั่วเมืองรู้จักเป็นอย่างดีรูปหนึ่ง
 
              ทั้งนี้ “หลวงพ่อทวด" คือพระที่ยิ่งใหญ่รูปหนึ่งของสังคมไทย แทบทุกบ้านจะมีรูปบูชาของท่าน และที่สำคัญตั้งแต่ลูกเล็กเด็กแดงไปถึงคนเฒ่าคนแก่ล้วนมีหลวงพ่อทวดห้อยคอกันถ้วนหน้า จึงทำให้ "คุณหญิงหมอ” สนใจเรื่องราวและใฝ่ศึกษาค้นหาประวัติของท่านมากขึ้น จนเป็นความศรัทธาในที่สุด
 
              “ปกติไม่ยึดติดวัตถุ แต่กับหลวงพ่อทวดยอมรับว่าเป็นอะไรที่แปลกมาก ทำให้หมอต้องศึกษาจริงจัง และหลายครั้งที่ระลึกถึงคุณงามความดีท่านมักจะเกิดเรื่องดีๆ ในชีวิตหมอตลอดมา โดยเฉพาะการทำงานจะผ่านพ้นอุปสรรคได้ด้วยดีเสมอ” คุณหญิงหมอพรทิพย์ ย้ำ
 
              พร้อมกันนี้ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ ยังบอกด้วยว่า นับตั้งแต่ศึกษาประวัติและเรื่องราวของหลวงพ่อทวด สิ่งที่ได้ตามมาอีกอย่างที่สำคัญนั่นคือประวัติศาสตร์ภาคใต้ โดยเฉพาะวัดพะโคะ เป็นศาสนสถานที่อายุเก่าแก่ราวพันปี ซึ่งมีมาก่อนอาณาจักรลังกาสุกะ ดังนั้นจึงอยากให้ขบวนการ หรือใครบางคนเลิกอ้างประวัติศาสตร์ในทางบิดเบือนเพื่อสร้างความร้าวฉานในสายสัมพันธ์ของพี่น้องในดินแดนปลายด้ามขวานเสียที
 
              เมื่อถามถึงสิ่งที่ติดตัวในภารกิจกลางไฟใต้ “หมอพรทิพย์” บอกทันทีว่า สิ่งแรกคือ “พระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ที่ได้รับพระราชทานมา พร้อมทั้งพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบรมวงศานุวงศ์ ส่วนพระเครื่องที่ห้อยคอตลอดเวลา คือ “หลวงพ่อทวด” วัดช้างให้ พิมพ์หลังหนังสือ ปี  ๒๕๐๕ ซึ่งได้รับมาจากอาจารย์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ นอกจากนี้ยังมี “ล็อกเกตพระเจ้าตากสิน”  ซึ่งติดตัวมาตั้งแต่เด็กๆ รวมทั้ง “เบบี้บุดดา” (พระพุทธเจ้าปางประสูติ) ซึ่งได้รับมาจากพระราชรัตนรังษี และ “พระไพรีพินาศ" วัดบวร ปี ๒๔๙๕ ที่ได้รับจากพระเถระชั้นผู้ใหญ่
 
              ตั้งแต่ลงมาปฏิบัติภารกิจ คณะทำงานผ่านพ้นเรื่องร้ายมาได้ด้วยดี เรายึดถือธรรมคำสอนและประกาศตนขอทำหน้าที่เพื่อพุทธศาสนา โดยเฉพาะทำนุบำรุงวัดในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ทุกแห่ง และทุกครั้งคุณหญิงหมอก็จะได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนด้วยดี ซึ่งสิ่งนี้กระมังที่เรียกว่าประสบการณ์จากสิ่งยึดถือ ซึ่งอธิบายเป็นวิทยาศาสตร์ได้ยาก แต่หมอขอเรียกว่า "ธรรมะจัดสรรค์"
 
              "การแขวนพระและศึกษาธรรม ช่วยทำให้เราเห็นว่าสถานการณ์ที่รุนแรงในสายตาชาวบ้านขณะนี้ เรากำลังเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ชัดขึ้น เพราะสมาธิและความสงบช่วยให้เราพบข้อมูลพยานและหลักฐานที่เชื่อมโยง จนทำให้ไล่ไปใกล้ถึงตัวการใหญ่มากขึ้นทุกขณะแล้ว จึงหวังว่าอีกไม่นานสันติสุขจะปรากฏบนดินแดนปลายด้ามขวานได้เสียที" คุณหญิงหมอพรทิพย์ กล่าวทิ้งท้าย

 

 ขอแรงบูรณะ“สำนักสงฆ์ต้นเลียบ”

              “คุณหญิงหมอพรทิพย์” บอกว่า ช่วงแรกที่ศึกษาเรื่องราวหลวงพ่อทวด สิ่งที่เกี่ยวเนื่องกับสถานที่สำคัญที่รับรู้คือ “วัดพะโคะ” จ.สงขลา และ “วัดช้างให้” ปัตตานี กระทั่งมีโอกาสพบกับผู้ร่วมงานที่มารับราชการใน อ.สทิงพระ จ.สงขลา จึงได้รู้ว่าสถานที่สำคัญซึ่งเกี่ยวเนื่องโดยตรง แต่ไม่เป็นที่รับรู้ในวงกว้าง นั่นคือ “สำนักสงฆ์ต้นเลียบ” ซึ่งเป็นที่เกิดและที่ฝังรกของ "หลวงพ่อทวด" พระผู้เป็นดั่งสมเด็จแห่งเมืองใต้
 
              โดยในวันที่คุณหญิงหมอมาพบสำนักสงฆ์ต้นเลียบ ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านเลียบ หมู่ ๑ ต.ดีหลวง อ.สะทิงพระ จ.สงขลา อยู่ในสภาพทรุดโทรมอย่างมาก ชาวบ้านและหน่วยงานท้องถิ่นพยายามบูรณะ แต่ทำอะไรไม่ได้มาก จึงตัดสินใจขอทุ่มเทให้กับการบูรณะและฟื้นฟูสถานที่สำคัญและศักดิ์สิทธิ์ให้อยู่ในจุดที่ลูกหลานและผู้เลื่อมใสศรัทธาหลวงพ่อทวดได้รู้จัก พร้อมทั้งเรียนรู้ศึกษาประวัติอันสำคัญ ซึ่งเป็นจุดเริ่มของเรื่องราวที่อยู่ในใจของคนค่อนประเทศ
 
              “สถานที่แห่งนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ในตัว แต่แปลกใจทำไมทรุดโทรม จึงอาสาขอทำดีเพื่อขอให้พลังบุญที่ร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่ให้กลายเป็นอานิสงค์ในการช่วยให้ภาคใต้พ้นจากภัยความรุนแรง” หมอพรทิพย์ กล่าว
 
              ทั้งนี้ หมอพรทิพย์ ได้นำคณะศรัทธามาทอดกฐินที่สำนักสงฆ์ต้นเลียบจนได้ปัจจัยบูรณะซ่อมแซมส่วนสำคัญหลายจุด แต่ยังจำเป็นต้องดำเนินการอีกมาก กอปรกับทางสำนักสงฆ์ต้นเลียบได้จัดสร้างวัตถุมงคลรูปหลวงพ่อทวด ประกอบด้วย หลวงพ่อทวดปางธุดงค์, รูปเหมือนหลวงพ่อทวดลอยองค์ เนื้อโลหะ, รูปเหมือนหลวงพ่อทวดลอยองค์ เนื้อว่าน และเหรียญเสมาเนื้อกะไหล่ทอง และรมดำ จำนวนสร้างพิมพ์ละ ๙,๙๙๙ องค์ เท่านั้น โดยให้เช่าบูชาองค์ละ ๙๙ บาท ซึ่งทำพิธีปลุกเสกโดยพระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่อทวด เมื่อวันที่ ๔ กันยายน ๒๕๕๕
 
              “หมอเป็นประธานฝ่ายฆราวาส ซึ่งได้ดำเนินการตั้งแรกเริ่มและหวังให้วัตถุมงคลนี้มีราคาไม่สูง เพื่อให้ชาวบ้านสามารถบูชาติดตัวเป็นสิริมงคล” พญ.คุณหญิงพรทิพย์ เชิญชวนร่วมบุญโดยทั่วกัน