พระเครื่อง

'เหรียญหลวงพ่อริ้ว'รุ่นแรก๒๕๐๖ขลังมาแรง

'เหรียญหลวงพ่อริ้ว'รุ่นแรก๒๕๐๖ขลังมาแรง

18 ต.ค. 2555

'เหรียญหลวงพ่อริ้ว'รุ่นแรก๒๕๐๖ เหรียญขลังมาแรงแห่งเมืองกรุงเก่า : ไพศาล ถิระศุภะ

                เหรียญพระคณาจารย์ของ จ.พระนครศรีอยุธยา อีกเหรียญหนึ่งซึ่งมีความขลังและกำลังมาแรงในขณะนี้ คือ เหรียญหลวงพ่อริ้ว วัดตลาดเกรียบ รุ่นแรก ปี ๒๕๐๖  ตามประวัติท่านเป็นบุตรของนายนาค นางเลื่อม ภาคโกสุม ประกอบอาชีพค้าขายทั่วไป บิดามารดาของท่านเป็นคนไทยเชื้อสายมอญ แต่เดิมตั้งรกรากอยู่ที่ ต.สวนพริกไทย อ.เมือง จ.ปทุมธานี ต่อมาได้อพยพย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่ ต.ตลาดเกรียบ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
 
                หลวงพ่อริ้ว เกิดเมื่อวันพุธ เดือน ๗ ปีชวด พ.ศ.๒๔๔๓ มีพี่น้อง ๔ คน ท่านเป็นคนที่ ๒ ในช่วงที่ดำรงตนเป็นฆราวาส ท่านเป็นคนที่พูดจริง ทำจริง ตรงไปตรงมา ชอบใช้ชีวิตแบบนักเลง แต่มีคุณธรรม ไม่เคยข่มเหงรังแกใครก่อน แต่ถ้าใครมาข่มเหงรังแกท่านอย่างไม่เป็นธรรม ท่านจะสู้อย่างยิบตาเลยทีเดียว
 
                ต่อมาเมื่อมีอายุ ๒๙ ปี (พ.ศ.๒๔๗๒) ท่านได้อุปสมบท ณ วัดตลาดเกรียบ อ.บางปะอิน โดยมีพระญาณไตรโลก (ฉาย) เจ้าอาวาสวัดพนัญเชิงวรวิหาร และเจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า “สุทธิญาโย” แปลว่า “ถูกต้องอย่างแท้จริง” ท่านได้อยู่จำพรรษาที่วัดตลาดเกรียบเรื่อยมา โดยตั้งสัจจะว่าจะครองเพศบรรพชิตตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่
 
                หลังจากนั้น ๒-๓ พรรษา ท่านได้ฝากตัวศึกษาสมถะวิปัสสนากรรมฐานและวิชาไสยเวทกับ ๒ พระคณาจารย์ชื่อดังในยุคนั้น คือ ๑.หลวงปู่นาค วัดระฆังโฆสิตาราม บางกอกน้อย กทม. และ ๒.หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ต.หน้าไม้ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ต่อมาท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดตลาดเกรียบ โดยได้รับสมณศักดิ์ในพระราชทินนาม “พระครูอุดมศีลวัตร”
 
                หลวงพ่อริ้วเป็นพระรักสันโดษ มีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย ชอบเจริญสมถะวิปัสสนากรรมฐานอยู่ตามป่าช้าเป็นประจำ ท่านจึงเป็นพระเถระที่ทรงอภิญญา สามารถแสดงอิทธิฤทธิ์ต่างๆ ได้ มีวาจาสิทธิ์ ให้พรใครแล้วได้ดีทุกคน นอกจากนั้นท่านยังสำเร็จวิชานะปัดตลอด เวลาท่านจะลงกระหม่อมให้ลูกศิษย์ ท่านจะให้ลูกศิษย์นั่งบนแผ่นใบตอง เมื่อท่านใช้นิ้วมือจารอักขระตัว "นะ" บนศีรษะของลูกศิษย์แล้วเป่ามนตร์ลงไป เมื่อลูกศิษย์ลุกขึ้นมา อักขระตัว "นะ" จะไปปรากฏอยู่บนแผ่นใบตองอย่างน่าอัศจรรย์
 
                ในด้านความเชี่ยวชาญทางด้านไสยเวทของหลวงพ่อริ้วนั้น เริ่มจากการสักยันต์ก่อน จนมีชื่อเสียงโด่งดังมาก โดยเฉพาะด้านคงกระพันชาตรีและมหาอุด แต่มีลูกศิษย์บางคนที่ไปสักยันต์กับท่านต่อมาได้กลายเป็นโจรผู้ร้ายปล้นฆ่าชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจไปจับกุมก็เกิดการต่อสู้ไล่ยิงกันขึ้น แต่กระสุนไม่สามารถระคายผิวหนังของโจรผู้ร้ายได้เลย ทางการจึงมาขอร้องให้หลวงพ่อริ้วเลิกสักยันต์ ตั้งแต่นั้นมา ท่านจึงเลิกสักยันต์ และเริ่มมีการสร้างเครื่องรางของขลังขึ้นมาแทน เช่น เหรียญ พระสมเด็จ พระนางพญา ภาพถ่ายอัดกระจก ผ้ายันต์ ตะกรุด ฯลฯ  
 
                วัตถุมงคลประเภทเหรียญ หลวงพ่อริ้วได้จัดสร้างขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อปี ๒๕๐๖ ลักษณะเป็นเหรียญรูปใบเสมา ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อริ้วครึ่งองค์ หน้าตรง ขอบเหรียญด้านบนเป็นอักษรไทยอ่านได้ว่า “วัดตลาดเกรียบ” ใต้รูปท่านเป็นอักษรไทยอ่านได้ว่า “หลวงพ่อริ้ว” ส่วนด้านหลังเป็นยันต์ตัวอุณาโลม หางชี้ขึ้น ๕ ตัว อยู่บนเหนือยันต์ตัวนะ ๑ ตัว พร้อมทั้งระบุปีพ.ศ.ที่จัดสร้างไว้เป็นเลขไทยว่า “๒๕๐๖” อยู่ใต้ยันต์ จำนวนเหรียญที่จัดสร้างทั้งหมด ๕๐๐ เหรียญ เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง และทองแดงกะไหล่เงิน มี ๒ พิมพ์ โดยสังเกตที่คำว่า “วัดตลาดเกรียบ” ตรงด้านหน้าของเหรียญ พิมพ์แรกตัว “ด” ของคำว่าตลาดเขียนผิดเป็น “ค” ส่วนพิมพ์ที่ ๒ ตัว “ด” เขียนถูกต้อง
 
                มีเรื่องเล่ากันว่า การปลุกเสกเหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่อริ้ว มีวิธีการที่ค่อนข้างพิสดาร กล่าวคือท่านจะเสกน้ำมนต์ที่ใส่ไว้ในบาตรจนเดือดพล่าน แล้วจึงนำเหรียญดังกล่าวใส่ลงไปในบาตร เสกจนกระทั่งเหรียญวิ่งเกรียวกราวไปมาในบาตร จึงเสร็จพิธี
 
                เหรียญหลวงพ่อริ้ว รุ่นแรก ปี ๒๕๐๖ ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง โดยเฉพาะคนในพื้นที่นิยมกันมาก เนื่องจากมีพุทธคุณในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะด้านคงกระพันชาตรี นั้นเด่นชัดที่สุด หนังเหนียวชนิดแมลงวันไม่ได้กินเลือดเลยทีเดียว
 
                ในด้านประสบการณ์อื่นๆ เคยมีพกพาเหรียญหลวงพ่อริ้วรุ่นแรกติดตัวไป แล้วไปถูกยิงจนกระเด็นตกน้ำบ้าง ตกมอเตอร์ไซค์บ้าง แต่กระสุนไม่ระคายผิวหนังบุคคลเหล่านั้นเลย สามารถลุกขึ้นมาเย้ยมัจจุราชได้อย่างน่าอัศจรรย์
 
                สำหรับราคาที่เช่าหากันนั้น ค่อนข้างสูง เนื่องจากจัดสร้างน้อย สนนราคาอยู่หลักหมื่นกลางไปจนถึงหลักหมื่นปลาย แต่ถ้าเป็นเหรียญที่อยู่ในสภาพสวยคมชัด ราคาอาจพุ่งไปถึงหลักแสนต้น 
 
                สมัยที่หลวงพ่อริ้วยังมีชีวิตอยู่ ได้มีการจัดสร้างเหรียญรุ่น ๒ ขึ้นมาอีกรุ่นหนึ่ง ในปี ๒๕๑๕ เป็นรูปใบเสมา จำนวนสร้างมีเนื้อทองแดง ๓,๐๐๐ เหรียญ เนื้อเงิน ๕๐ เหรียญ ได้รับความนิยมมากพอสมควรเช่นกัน
 
                หลวงพ่อริ้ว มรณภาพด้วยโรคปอดพิการ เมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๑๕ สิริรวมอายุได้ ๗๒ ปี พรรษา ๔๓ ทางวัดได้เก็บร่างของท่านไว้ ๑ ปี และได้ขอพระราชทานเพลิงศพเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๑๖ ซึ่งในวันดังกล่าว ได้เกิดเหตุการณ์อันน่าอัศจรรย์ขึ้น คือ ร่างของท่านเผาอย่างไรก็ไม่ไหม้ แม้เวลาจะผ่านพ้นไปถึง ๖ ชั่วโมงแล้วก็ตาม จนต้องให้พระสงฆ์รูปหนึ่งของวัดที่มีพรรษามากที่สุดมาจุดธูปเทียนบอกกล่าวขอขมาท่าน สรีระของท่านจึงได้ไหม้ไฟไปหมด นับเป็นเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดมาก (ขอขอบพระคุณ คุณนพดล นาคเจริญ ศูนย์ใบหนาดพระเครื่อง ที่ได้กรุณาเอื้อเฟื้อภาพประกอบ)