พระเครื่อง

พล.ต.ท.สรรเพชญศรัทธาจตุคามฯยังคงมั่น

พล.ต.ท.สรรเพชญศรัทธาจตุคามฯยังคงมั่น

22 ก.ย. 2555

พล.ต.ท.สรรเพชญ ธรรมาธิกุล ในวันที่… “พลังศรัทธาในจตุคามรามเทพยังคงมั่น” : สรณะคนดัง เรื่อง / ภาพ ไตรเทพ ไกรงู

             “จตุคามรามเทพ” เคยเกิดกระแสพลังศรัทธาที่แพร่สะพัดไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศจนทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า "ปรากฏการณ์จตุคามรามเทพครองเมือง" ระหว่าง พ.ศ.๒๕๔๘ ถึง พ.ศ.๒๕๕๑ นั้น เป็นผลพวงมาจากจตุคามฯ ที่จัดสร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๐ และหนึ่งในผู้มีบทบาทสำคัญยิ่งและถือว่าเป็นประวัติศาสต์ของการสร้างจตุคามฯ คือ พล.ต.ท.สรรเพชญ ธรรมาธิกุล อดีตผู้บัญชาการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้สร้างศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราชและผู้จัดทำวัตถุมงคลต่างๆ ของหลักเมืองมาตั้งแต่ต้น
 
              “ความขลัง ความศักดิ์ รวมทั้งคำพูดที่ว่าขอได้ไหว้รับ ขององค์พ่อจตุคามฯ นั้นยังอยู่คงเดิม ท่านไม่ได้หายไปไหน ยังคงเป็นเทพฯ ที่คอยให้ความช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก สำหรับผู้ที่ศรัทธา แต่เพราะคนขาดพลังศรัทธา จึงกล่าวหาว่าและโยนความผิดให้ท่านว่า ขอไม่ได้ไหว้ไม่รับ ทั้งๆ ที่ท่านเป็นเทพที่เมตาสูงมาก ส่วนกระแสความดังของจตุคามฯ จะกลับมาได้นั้นข้นอยู่ที่พลังศรัทธาของประชาชน” นี่เป็นคำยืนยันของพล.ต.ท.สรรเพชญ
 
              ความเกี่ยวข้องกับจตุคามรามเทพ เริ่มขึ้นระหว่างที่ พล.ต.ท.สรรเพชญ ดำรงตำแหน่งอยู่ที่นครศรีธรรมราช ได้มีผู้มาเชิญเป็นประธานพิธีทอดผ้าพระกฐินที่ วัดนางพระยา ต.ปากนคร อ.เมือง มีการเข้าทรงเจ้าแม่นางพญา และบอกว่าดวงเมืองนครศรีธรรมราชถูกสาปเอาไว้ ต้องการให้พล.ต.ท.สรรเพชญสร้างหลักเมืองศรีวิชัย ๑๒ นักษัตรขึ้นมาใหม่ เพื่อช่วยให้นครศรีธรรมราชพ้นจากอาถรรพณ์คำสาปในอดีตได้
 
              ต่อมามีผู้แนะนำ นายอะผ่อง สกุลอมร หรือโกผ่อง ซึ่งเคยเป็นร่างทรงของศาลเจ้า พล.ต.ท.สรรเพชญ จึงให้ลองเข้าทรงเจ้าแม่นางพญาดู และจากการเข้าทรงของโกผ่องนี้เอง ที่ทำให้ พล.ต.ท.สรรเพชญ ตัดสินใจที่จะสร้างหลักเมืองนครศรีธรรมราช และแก้ดวงเมืองและยังทำให้ขุนพันธรักษ์ราชเดช เข้ามาร่วมในพิธีสร้างหลักเมืองและแก้ดวงเมืองและขุนพันธ์นี่เอง ที่เป็นผู้ระบุว่า ผู้มาเข้าทรงให้สร้างหลักเมืองและแก้ดวงเมือง คือจตุคามรามเทพ หรือพระเจ้าจันทรภานุ อดีตกษัตริย์ของอาณาจักรศรีวิชัยหลังจากนั้น โกผ่องได้เข้าทรงจตุคามรามเทพอีกหลายครั้ง และกลายเป็นที่มาของการสร้างวัตถุมงคลจตุคามรามเทพออกมาในปี ๒๕๓๐
 
              สำหรับที่มาของต้นแบบพระปิดตาพังพระกาฬนั้น พล.ต.ท.สรรเพชญ บอกว่า เป็นปาฏิหาริย์แรกแห่งจตุคามรามเทพก็สำแดงออกมา เมื่อนายกำจร สถิรกุล อดีตผู้ว่าการการธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นคนปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช มีเหตุต้องเดินทางมาที่ปากพนัง เนื่องเพราะญาติเสียชีวิต ทีนี้ ตามธรรมเนียมของคนปักษ์ใต้ ในตอนเช้าก่อนที่จะไปทำภารกิจหรือหน้าที่การงานใดๆ จะต้องไปนั่งกินกาแฟกันที่ร้านกาแฟ จากนั้นก็วิพากษ์วิจารณ์เหตุบ้านการเมืองต่างๆ กัน ผู้ว่าฯ กำจรก็ไม่ลืมที่จะปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมอันนั้นเช่นกัน
 
              ระหว่างที่ผู้ว่าฯ กำจรกำลังนั่งกินกาแฟก็บังเกิดความรู้สึกหรือมีกระแสมาทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าที่หลังร้านกาแฟมีของศักดิ์สิทธิ์อะไรสักอย่างอยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร จึงได้ตามเข้าไปดูและได้เจอกับชาวประมงมาเที่ยวบอกขายพระองค์ละ ๕๐๐บาท ผู้ว่าฯ กำจรก็ถามว่า เป็นพระอะไร ชาวประมงก็ตอบไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าเป็นพระอะไรเหมือนกัน เมื่อไม่ทราบ ผู้ว่าฯ กำจรก็ไม่ได้ซักไซ้ไล่เรียงอะไรต่อ และได้ตัดสินใจควักเงิน ๑,๐๐๐ บาทซื้อมาทั้งสององค์ ซึ่งทั้งสององค์เป็นพระคนละประเภทกัน ในความรู้สึกของผู้ว่าฯ กำจรบอกว่า องค์หนึ่งตัวเองจะเก็บเอาไว้ ส่วนอีกองค์หนึ่งต้องนำไปให้ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราชในขณะนั้นเพราะได้ยินชื่อว่าเป็นนายตำรวจมือปราบที่มีความซื่อตรง ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนและไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่จะนำไปให้นั้นมีชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไร ซึ่งเป้นตัวผเอง 
 
              เมื่อถามคดีความฟ้องร้องเกี่ยวกับลิขสิทธิ์จตุคามฯ พล.ต.ท.สรรเพชญ บอกว่า ขณะนี้คดีความต่างๆ จบหมดแล้ว ทั้งนี้ คนสร้างมักมองว่าทำเกินไป เพราะรู้ไม่ทันเล่ห์นักสร้างวัตถุมงคลที่คอยจังหวะความดังของพระพุทธรูป และพระเกจิอาจารย์ ที่เรียกว่า อะไรดังอะไรขายได้ก็สร้างออกมาขาย จนกลายเป็นว่า ไร้ศิลปะไร้ความศักดิ์สิทธิ์ ในที่สุดคนก็ไร้ความศรัทธา อย่างที่เกิดขึ้นกับองค์จตุคามฯ ที่เห็นและเป็นอยู่

 

จตุคามฯยังคงขอได้ไหว้รับ
 
              พล.ต.ท.สรรเพชญ บอกว่า ในการติดต่อสื่อสารกับเทพเจ้า หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีอยู่หลายวิธี  เช่น การถอดจิต การโทรจิต การสัมผัสจิต การเข้าฝัน และการเข้าทรง การเข้าทรงก็คือ เทพเจ้า หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทำการสะกดจิตของร่างทรงที่แสดงเจตจำนงสมัครใจที่จะเป็นร่างทรง ให้จิตของผู้ที่เป็นร่างทรงอยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น แต่ควบคุมตัวเองไม่ได้ ผู้ประกอบพิธีจะอัญเชิญดวงจิตของเทพเจ้า หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็จะเข้าประทับอยู่ในร่างทรง
 
              ด้วยเหตุนี้ประการแรก ผู้ที่เป็นร่างทรงจะต้องแสดงเจตจำนงให้ชัดเจนน่ายินยอมพร้อมใจ สมัครใจที่จะเป็นร่างทรงของใคร เพื่อทำหน้าที่อะไร การเป็นร่างทรงของ เทพเจ้า หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่ว่าใครก็เป็นได้ จะต้องเป็นผู้ที่เทพเจ้า หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เห็นว่ามีความเหมาะสมจึงเชื้อเชิญให้เป็นร่างทรง ดังนั้นในเบื้องต้นผู้ที่จะเป็นร่างทรงจะต้องพัฒนาจิตใจของตนด้วยการฝึกสมาธิในแบบง่ายๆ โดยการกำหนดลมหายใจเข้า และลมหายใจออก เพื่อให้สติตั้งมั่นไม่หวั่นไหววอกแวก แม้ว่ามีอารมณ์ภายนอกมากระทบ ก็สามารถรักษาจิตให้สงบเป็นปกติเกิดเป็นสมาธิอยู่ตลอดเวลา
  
              การฝึกจิตทางพุทธศาสนาเรียกว่า “จิตตสิกขา” หากฝึกกำหนดลมหายใจเข้าออกตามวิธีดังกล่าวทุกวัน วันละ ๕ นาที หรือมากกว่านั้น จิตจะค่อยเกิดเป็นสมาธิเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ ไม่วิตกหวั่นไหวต่อสิ่งใดผู้ที่จะเป็นร่างทรงของเทพเจ้า หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เบื้องต้นควรฝึกจิตให้เป็นสมาธิเสียก่อน หากจิตของผู้ที่จะเป็นร่างทรงเป็นสมาธิแล้ว เทพเจ้า หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์สามารถเข้าประทับทรงได้ง่ายขึ้น
 
              อย่างไรก็ตามปัจจุบันนี้ร่างทรงจตุคามฯ ได้ตายไปตามกระแสจตุคามฯ ที่ตายจากความศรัทธาของคนไทย แต่ในหมู่ผู้ที่ศรัทธาจตุคามฯ ยังเชื่อว่าจตุคามฯ ยังอยู่ช่วยเหลือที่ที่ศรัทธา โดยเฉพาะร่างทรงที่ พล.ต.ท.สรรเพชญ อัญเชิญจตุคามฯ มาประทับทรง ที่ ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อคอยให้ความช่วยเหลือผู้มีความทุกข์ดังคำพูดที่ว่า “ขอได้ไหว้รับ” ทุกวันพฤหสบดี และวันเสาร์ สำหรับผู้ที่จะสัมผัสประสบการณ์ ร่างทรงจตุคามฯ สอบถามข้อมูลได้ที่ โทร.๐๘-๑๔๓๔-๗๓๒๘ หรือที่ www.suriyunjuntra.com