
สติกเกอร์วัดท่าไม้แนวคิด'พระอาจารย์อุเทน'
สติกเกอร์วัดท่าไม้เหตุผลและแนวคิดของ"พระอาจารย์อุเทน" : เรื่องโดยไตรเทพไกรงู ภาพโดยประเสริฐเทพศรี
"สติกเกอร์วัดท่าไม้"
ที่ติดอยู่ท้ายรถหลายคนมีคำถามในใจต่างๆนานาเป็นต้นว่า"ติดไว้ทำไมติดไว้เพื่ออะไรติดแล้วช่วยอะไรได้บ้างติดไว้เพื่อเบ่งบารมีรวมทั้งวัดท่าไม้อยู่ที่ไหนมีความสำคัญนักหรือที่รถจึงติดกันเต็มบ้านเต็มเมือง"ทั้งนี้หากสังเกตดีเราจะเห็นรถที่ติดสติกเกอร์วัดท่าไม้วันละ๑คันแต่ถ้าเป็นในเขตจ.สมุทรสาครจำนวนจะเพิ่มขึ้นเป็น๑๐เท่าโดยรถที่ติดนั้นมีราคาหลักแสนไปจนถึงหลักล้านบาท
"ฉันได้แบบอย่างสติกเกอร์อุโบสถหินอ่อนวัดหลวงพ่อโสธรจ.ฉะเชิงเทราเมื่อใครเห็นสติกเกอร์ก็รู้ได้ทันทีว่าคนในรถคันนั้นๆเคยไปไหว้หลวงพ่อโสธรมาหรือต้องมีอะไรที่เกี่ยวพันกับวัดหลวงพ่อโสธรแน่นอนแต่ที่วัดท่าไม้ไม่มีอะไรที่เป็นสัญลักษณ์พิเศษให้คนจำได้จึงใช้คำว่าวัดท่าไม้ตรงๆสติกเกอร์ของวัดมีทั้งที่วัดทำเองมี๒ขนาดคือเล็กใหญ่นอกจากนี้สติกเกอร์ทุกแผ่นฉันได้นำเข้าพิธีอธิษฐานจิตปลุกเสกมีคุณสมบัติเหมือนยันต์แผ่นหนึ่งเพื่อให้ลูกศิษย์ปลอดภัยแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุตลอดการเดินทางบนท้องถนนทั้งนี้จะติดให้ฟรีกับลูกศิษย์ที่อยากได้"
ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเหตุผลของ"พระอาจารย์อุเทน"หรือพระครูปลัดอุเทนสิริสาโรเจ้าอาวาสวัดท่าไม้ต.ท่าไม้อ.กระทุ่มแบนจ.สมุทรสาครและเจ้าสำนักธรรมสถานวิโมกสิวาลัยอ.สวนผึ้งจ.ราชบุรี
พระอาจารย์อุเทนบอกว่าเมื่อครั้งอยู่วัดท่ากระบือไม่ได้ทำสติเกอร์เพิ่งทำเมื่อย้ายมาอยู่วัดท่าไม้ประมาณต้นพ.ศ.๒๕๕๒นับถึงวันนี้น่าจะติดรถไปแล้วกว่า๒๐๐,๐๐๐แผ่นและน่าจะกระจายอยู่ทั่วครบ๗๗จังหวัดของประเทศไทยซึ่งเมื่อครั้งงานพระราชทานเพิงศพหลวงตามหาบัวมีลูกศิษย์กลับมาเล่าให้ฟังว่าเจอรถลูกศิษย์วัดท่าไม้ไปร่วมงานนับร้อยๆคัน
สติกเกอร์วัดท่าไม้มี๒สีคือสีขาวหมายถึงให้มีเมตตาเพราะเป็นสีของดาวจันทร์ส่วนสีเหลืองหมายถึงวัดให้มีความสงบร่มเย็นจุดประสงค์หลักอันดับแรกของการทำสติเกอร์วัดท่าไม้คือเกิดจากลูกศิษย์มาวัดแล้วบ่นว่าโดนตำรวจจับขณะเดียวกันทางเข้าวัดไม่สะดวกคนส่วนใหญ่หลงทางเข้าวัดไม่ถูกส่วนอีกเหตุผลหนึ่งคืออยากให้ลูกศิษย์ที่เห็นสติกเกอร์แล้วได้ช่วยเหลือกันไม่ขับรถแซงกันเบียดกันรวมทั้งมีอุบัติเหตุได้ช่วยเหลือกันไปไหนใกล้ไกลให้บีบแตรทักทายกันเพราะเป็นลูกศิษย์เดียวกัน
นอกจากนี้แล้วผลดีอย่างหนึ่งที่ตามมาคือรถที่ติดสติเกอร์วัดท่าไม้หากเกิดอุบัติเหตุเชี่ยวชนกันเองจะไม่เกิดเรื่องใหญ่แน่ลูกศิษย์จะหันหน้าคุยกันแสดงความรับชอบว่ากันไปตามผิดส่วนใหญ่ต่างคนต่างจะยอมรับว้าตนเองเป็นฝ่ายผิดทั้งนี้จะคุยกันก่อนที่จะเรียกประกันที่เป็นเช่นนี้เพราะถือว่ามีฉันเป็นครูคนเดียวกันเป็นเด็กวัดท่าไม้เหมือนกันหากต้องเดินทางไกลๆไปต่างจังหวัดรถที่ติดสติกเกอร์วัดท่าไม้จะบีบแตรทักทายกันเพื่อบ่งบอกว่าคุณไม่ได้เดินทางคนเดียวยังมีลูกศิษย์วัดท่าไม้เป็นเพื่อนร่วมทางด้วยแม้กระทั่งรถของวัดเองลูกศิษย์ไม่รู้หรอกว่าเป็นรถวัด
กรณีติดสติเกอร์วัดท่าไม้แล้วตำรวจไม่จับนั้นพระอาจารย์อุเทนบอกว่าไม่เป็นความจริงเฉพาะในเขตจ.สมุทรสาครเท่านั้นโดยได้ขอร้องบอกตำรวจในพื้นที่ว่าหากคนมาไหว้พระวัดท่าไม้ช่วยอำนวยความสะดวกให้หน่อยบางคนมาจากจังหวัดไกลๆไม่คุ้นเส้นทางขับรถผิดกฎจราจรบ้างก็ขอให้ปล่อยเพราะเขาไม่รู้ที่สำคัญคือเขามาไหว้พระมาทำบุญแต่ถ้าออกนอกพื้นที่สติกเกอร์นี้ก็ช่วยไม่ได้หากขับรถผิดกฎจราจรมีสิทธิ์โดนตำรวจจับทุกราย
ทั้งนี้ฉันมักสอนลูกศิษย์เสมอๆว่าการขับรถผิดกฎจราจรหรือไม่คาดเข็มขัดนิรภัยนั้นเหตุที่ตำรวจจับเพราะเขาห่วงใยในความปลอดภัยของคนขับซึ่งถ้าไม่มีใครคอยย้ำเตือนหรือคอยจับเราก็จะละเลยอย่างกรณีไม่ขาดเข็มขัดนิรภัยเมื่อเกิดอุบัติเหตุคนเจ็บไม่ใช่ใครอื่นคนขับนั่นแหละเจ็บตำรวจไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลย
"ที่ผ่านมาฉันเคยเห็นรถเฉี่ยวชนกันบนถนนหลายครั้งเห็นรถบุบแค่เล็กๆน้อยๆเท่านั้นแต่เจ้าของรถทั้ง๒คันไม่ยอมแยกออกจากกันต่างฝ่ายต่างรอประกันของตนเองมาเคลียร์ทำให้รถติดยาวเหยียดเป็นร้อยๆคันฉันมีความคิดว่าทำอย่างไรให้ทั้งฝ่ายคุยกันโดยไม่ต้องรอประกันแต่ให้นำรถแอบจอดริมถนนเพื่อไม่ให้รถข้างหลังติดไม่น่าเชื่อเลยว่าสติกเกอร์วัดท่าไม้จะช่วยให้คน๒ฝ่ายคุยกันสามารถแก้ปัญหาจราจรได้เป็นอย่างดีศิษย์วัดท่าไม้เป็นศิษย์สายบุญจะต้องไม่ทะเลาะกัน"พระอาจรย์อุเทนกล่าว
ในฐานะที่พระหมอดูชื่อดังพระอาจารย์อุเทนพูดถึงดวงเมืองว่านับตั้งแต่ปีนี้ไปคนไทยจะทะเลาะกันต่อไปอีก๒ปีคือพ.ศ.๒๔๕๗ซึ่งเป็นกรรมของประเทศกรรมของคนไทยส่วนช่วงเวลาที่ต้องระวังมากที่สุดคือตั้งแต่วันที่๗กันยาย๒๕๕๕เป็นต้นไปจนกระทั่งถึงเดือนธันวาคมจะมีโจรผู้ร้ายและการก่ออาชญากรรมมากกว่าปกติดวงเมืองของประเทศไทยจะแย่ที่สุดความขัดแย้งจะมีมากกว่าที่เป็นอยู่แต่ทุกอย่างสามารถยุติด้วยสติและความสามัคคีและทุกคนต้องเอาประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้งละวางประโยชน์ส่วนตัวลงบ้างในภาวะเช่นนี้คนต้องเสียสละใช้สติปัญญาในการรับฟังปัญหาและตัดสินใจ
คนเราต้องสร้างบารมีเองก่อน
"ฉันตั้งใจว่าถ้าฉันมาเป็นเจ้าอาวาส๑ปีต้องเปลี่ยนแปลง๓ปีต้องดีขึ้นทั้งหมดต้องพัฒนางานก่อสร้างร่วมกับการพัฒนาจิตใจญาติโยมชาวบ้านต้องให้ทหารพัฒนาเมื่อในวัดเจริญแล้วรอบวัดไม่เจริญนั้นเป็นเรื่องไม่ถูกต้องทุกอย่างต้องเจริญเคียงคู่ไปด้วยกันวัดวาอารามชาวบ้านต้องเจริญไปพร้อมๆกัน" นี่เป็นความตั้งใจของพระอาจารย์อุเทน
ทั้งนี้พระอาจารย์อุเทนได้พูดไว้อย่างน่าคิดว่าคนที่มาวัดตั้งใจและฝากความหวังไว้กับฉันมากชนิดที่เรียกว่ามองฉันเป็นเทวดาเป็นผู้วิเศษจะเสกจะเป่าอะไรให้สำเร็จได้ทุกอย่างแต่ความจริงแล้วสำเร็จหรือไม่นั้นอยู่ที่โยมเป็นตัวตั้งฉันเป็นเพียงผู้ชี้แนะเท่านั้นสิ่งแรกโยมต้องช่วยตัวเองก่อนโดยเฉพาะเรื่องบุญบารมีดังคำสมเด็จพุฒาจารย์(โตพรหมรังสี)ที่ว่า....
"ลูกเอ๋ยก่อนจะเที่ยวไปขอบารมีจากหลวงพ่อองค์ใดเจ้าจะต้องมีทุนของตัวเองคือบารมีของตนลงทุนไปก่อนเมื่อบารมีของเจ้าไม่พอจึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่วยมิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอดเพราะหนี้สินในบุญบารมีที่เที่ยวไปขอยืมมาจนพ้นตัว
เมื่อทำบุญทำกุศลได้บารมีมาก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาหมดไม่มีอะไรเหลือติดตัวแล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ในภพหน้าหมั่นสร้างบารมีไว้แล้วฟ้าดินจะช่วยเองจงจำไว้นะเมื่อยังไม่ถึงเวลาเทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้ครั้นถึงเวลาทั้งฟ้าจรดดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดินเมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลยจะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า"
ดังนั้นใครจะมาขอพึ่งบารมีฉันก็จะแนะนำว่ามาขอพึ่งบารมีฉันได้แต่ต้องสร้างบารมีให้เกิดขึ้นกับตัวเองก่อนถ้าตนเองไม่มีบารมีต่อให้ไปขอบารมีจากพระเกจิอาจารย์ทุกรูปทั่วประเทศก็ช่วยไม่ได้